บทที่ 350 ปฏิเสธการเปลี่ยนโฉมหน้า

“ข้าก็แค่พูดตามความจริงเท่านั้น เจ้าไม่ชอบฟังก็ช่างเถอะ” เย่จิ่งฝูหันหน้าหนีเตรียมจะจากไป ทว่าจี้หมิงซูกลับตะคอกออกมาอย่างดุดัน “หยุดนะ!”

เย่จิ่งฝูไม่ได้กลัวนางแต่อย่างใดและก้าวข้ามธรณีประตูไปแล้ว แม้แต่องค์ชายรองก็ยังต้องปฏิบัติกับนางอย่างสุภาพ ธิดาเทพหรือธิดาหงส์อะไรนี่ มีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งนางกัน!?

“ท่านหมอเทวดาเย่” สุดท้ายก็เป็นเซี่ยหยางที่เอ่ยปากรั้งเย่จิ่งฝูเอาไว้

เขายืนไม่ได้จึงทำได้เพียงประสานมือและเอ่ยขึ้นมา “ท่านหมอเทวดาอย่าโมโหไปเลยนะขอรับ ธิดาเทพเพียงแค่ร้อนใจเท่านั้น ขอท่านได้โปรดช่วยดูให้นางด้วยขอรับ”

นี่ค่อยเหมือนคำพูดของคนหน่อย

เย่จิ่งฝูหันหน้าไป “ถอดหมวกออก”

จี้หมิงซูลังเล นางไม่สามารถถอดผ้าคลุมหน้าออกต่อหน้าเซี่ยหยางได้

“พี่เซี่ยหยาง จัดห้องด้านข้างให้ข้าห้องหนึ่งได้หรือไม่”

เย่จิ่งฝูเริ่มหมดความอดทน นางจึงชี้ไปที่ด้านหลังฉากกั้นแล้วเอ่ยขึ้นมา “ตรงนั้นก็แล้วกัน”

จี้หมิงซูโมโหที่คนของตระกูลหมอเทวดาผู้นี้ไร้มารยาท แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นอีก จึงทำได้เพียงเข้าไปที่หลังฉากกั้น ถอดหมวกคลุมหน้าและผ้าปิดหน้าออก

สีหน้าของเย่จิ่งฝูสงบนิ่งตลอดเวลา แต่สตรีมักจะไม่พอใจที่ต้องเผยสภาพที่ย่ำแย่ที่สุดของตัวเองต่อหน้าคนอื่น จี้หมิงซูจึงหลับตาลงด้วยความอึดอัดใจ

“ใบหน้าของเจ้า…เจ้าคิดว่าจะรักษาเช่นไร”

จี้หมิงซูได้ยินดังนั้นก็เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ท่านสามารถช่วยรักษาข้าได้กี่ส่วน?”

เย่จิ่งฝูคิดไปคิดมา “หกส่วน แต่ว่าหกส่วนนี้ก็เพียงทำให้เนื้อและหนังของเจ้ากลับมาเหมือนเดิมเท่านั้น ส่วนจะงดงามหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”

คำตอบนี้ทำให้จี้หมิงซูยากจะยอมรับได้ “ไหนว่าตระกูลหมอเทวดาสามารถชุบชีวิตคนตายได้อย่างไรเล่า? เปลี่ยนใบหน้าให้ข้าได้หรือไม่?”

เย่จิ่งฝูมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “พวกเราเป็นหมอไม่ใช่เทวดา ชุบชีวิตคนตาย? เจ้าเห็นว่าข้าเป็นผู้พิพากษาที่พญายมส่งมาหรืออย่างไร? เปลี่ยนหน้า? ในยุทธภพมีวิชาเปลี่ยนโฉมอยู่จริง ๆ แต่ใบหน้าของเจ้าแทบจะย้อยลงมาอยู่แล้ว เนื้อด้านในเน่าเฟะ อีกทั้งด้านในยังถูกเจ้าพอกเอาไว้ถึงสามชั้น ด้านนอกอีกสี่ชั้นจนระบายอากาศไม่ได้เช่นนี้ เนื้อของเจ้าจึงไม่สามารถเกาะหนังเอาไว้ได้อีก เจ้าจะเปลี่ยนหน้าได้อย่างไร?”

เย่จิ่งฝูรู้สึกว่าสตรีผู้นี้กำลังคิดเพ้อเจ้อ นางไม่มีทางทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้แน่

ตระกูลหมอเทวดาก็ได้สั่งห้ามทำเรื่องเช่นนี้อย่างเด็ดขาด มีเพียงหมอพเนจรใต้ดินเท่านั้นจึงจะรับเงินและเปลี่ยนใบหน้าให้กับคนร้ายที่ถูกตามจับเหล่านั้น ก่อนหน้านี้โจรเด็ดดอกไม้*ที่มีชื่อเสียงในยุทธภพก็รอดพ้นจากการตามล่าด้วยวิธีการเช่นนี้ อาจารย์จึงมีคำสั่งนานแล้วว่า ไม่อนุญาตให้ใครเปลี่ยนโฉมหน้าคนอื่นโดยพลการ

* โจรเด็ดดอกไม้ (采花贼) หมายถึง โจรปล้นสวาท

จี้หมิงซูได้ยินนางปฏิเสธ คราวนี้จึงไม่เสแสร้งอีกแล้ว “เจ้าโอ้อวดตัวเองว่าเป็นหมอเทวดา ทว่าเรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

เย่จิ่งฝูจ้องหน้านาง “ประการแรก ข้าไม่ได้โอ้อวดตัวเอง นั่นเป็นเพราะตระกูลของพวกเราช่วยคนเอาไว้มาก เป็นชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายปี ประการที่สอง ข้าเป็นหมอ ต้องดูว่าอาการป่วยของเจ้ารักษาได้หรือไม่ และต้องรักษาอย่างไร เมื่อครู่ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว คำขอของเจ้าในตอนนี้คือต้องการเปลี่ยนใบหน้า ซึ่งไม่อยู่ในขอบเขตการรักษาของข้า”

จี้หมิงซูฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่นาง สุดท้ายนางกลับบอกว่าทำไม่ได้ ด้วยความสะเทือนใจ จี้หมิงซูจึงยกมือขึ้นคิดจะสั่งสอนเย่จิ่งฝู

“หมิงซู!” เซี่ยหยางเห็นเงาที่ด้านหลังฉากกั้น ก็ตะคอกออกมาทันทีบราวนี่ออนไลน์

จี้หมิงซูน้ำตาคลอเบ้า เย่จิ่งฝูกลับไม่ว่างดูนางแสดงละครต่ออีก จึงเดินออกมาจากฉากกั้น “บาดแผลขององค์ชายรอง คืนนี้ข้าจะกลับมาทำแผลให้ท่าน ได้ยินว่าในเมืองมีโรคระบาด ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย”

เซี่ยหยางขมวดคิ้ว “ด้านนอกไม่สงบหรือ?”

เขาเป็นคนทะนุถนอมสตรีมาแต่ไหนแต่ไร เย่จิ่งฝูนับว่างดงามอยู่บ้าง แม้จะพูดจาขวานผ่าซากไปสักหน่อย แต่สำหรับเขาในตอนนี้ หากมีสตรีที่มีฝีมือทางการแพทย์ที่สูงส่งเช่นนี้มาอยู่ข้างกายก็นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

หากนางออกไปแล้วติดโรคอะไรกลับมา มิเท่ากับว่าจะทำให้เขาพลอยลำบากไปด้วยหรอกหรือ?

เย่จิ่งฝูสีหน้าไม่เปลี่ยน “ข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ขอองค์ชายรองทรงอนุญาตด้วย”

เซี่ยหยางถอนหายใจ “เช่นนั้นข้าจะให้คนคอยติดตามคุ้มกันข้างกายท่านไปก็แล้วกัน”

เย่จิ่งฝูไม่ได้ปฏิเสธ “ขอบพระทัยองค์ชาย”

จี้หมิงซูฟังการสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็กำมือแน่น นางเป็นคนความรู้สึกไวและขี้หึงอยู่แล้ว น้ำเสียงเช่นนี้ของเซี่ยหยางใช่เสียงที่คุยกับหมอที่เชิญมาที่ใดกัน เขาเห็นเย่จิ่งฝูเป็นสตรีในอนาคตของเขาชัด ๆ

เบี้ยของนางน้อยลงเรื่อย ๆ จี้หมิงซูตอนนี้จึงไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไปแล้วบราวนี่ออนไลน์

เย่จิ่งฝูไม่ได้ไปที่ใดไกลนัก เดินดูรอบ ๆ ถนนอยู่สักพัก เนื่องจากจู่ ๆ ก็มีโรคประหลาดเช่นนี้ บนถนนที่เดิมเคยคึกคักจึงไร้ซึ่งผู้คน ถึงขนาดที่ว่าเมื่อพูดออกไปก็สามารถได้ยินเสียงที่สะท้อนกลับมาได้

อากาศยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นควันจากเตาอั้งโล่ของใครบางคน

เย่จิ่งฝูเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจจึงเตรียมจะจากไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ด้านหน้า

เมื่อเดินทะลุตรอกไป บนถนนสายยาวทางด้านหลังของถนนจูเชว่ กลับมีการตั้งแผงยาวถึงสี่ห้าแผง สตรีกลุ่มหนึ่งสวมผ้ากันเปื้อนและผ้าคลุมหน้า กำลังง่วนอยู่กับการทำงาน มีการตั้งเตาไฟขึ้นมา ภาพนี้ไม่ได้ดูแปลกตาแต่อย่างใด เพราะเย่จิ่งฝูคุ้นเคยเป็นอย่างดี

ตระกูลของนางก็เป็นเช่นนี้ มีการตั้งแผงสำหรับผู้ที่มารักษาโดยเฉพาะ ซึ่งสะดวกต่อการต้มยาและการแจกจ่ายยา

เย่จิ่งฝูเดินไปที่ด้านหน้าแผง ท่านป้าหยางเงยหน้าขึ้นก็เห็นนางเข้าพอดี “แม่นาง มีธุระอะไรหรือ?”

เย่จิ่งฝูคิดไปคิดมา “พวกเจ้าจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“เฮ้อ คนในเมืองหลวงป่วย พวกเราจึงมาช่วยต้มยาน่ะสิ”

เย่จิ่งฝูเห็นว่าบนแผงมีคำว่า ‘หย่งอันถัง’ เขียนติดอยู่ ตอนนี้นางไม่ใช่คนที่เพิ่งมาเมืองหลวงที่ไม่รู้อะไรอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้ไปสืบข่าวเรื่องของจวนจี้กั๋วกงมาบ้าง จึงรู้ว่าจี้จือฮวนเคยปรากฏตัวที่หย่งอันถัง

“หย่งอันถังรู้สาเหตุของโรคเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?”

ท่านป้าหยางปัดมือไปมา “ข้าแค่มาช่วยเท่านั้น เรื่องอื่นข้าไม่รู้หรอก”

เย่จิ่งฝูแม้จะทะนงตน แต่นางนับถือการช่วยชีวิตคนใกล้ตายและรักษาคนบาดเจ็บ

ท่านป้าหยางส่ายหน้า “ไม่ต้อง ๆ พวกเรามีคนเพียงพอแล้ว”

สาวใช้ของเย่จิ่งฝูได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “ฝีมือการแพทย์ของคุณหนูเราร้ายกาจ นางยอมช่วยพวกเจ้าก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”

เฉินฉือที่เพิ่งหยิบหม้อสำหรับต้มยาสองสามใบออกมาวางกลับไม่เห็นด้วย “หมู่บ้านของพวกเราไม่ขาดแคลนคนที่มีฝีมือทางการแพทย์ ไม่ใช่ว่าไม่รับน้ำใจ แต่ว่าพวกเราไม่ได้คุ้นเคยกับคุณหนูของพวกเจ้า”

คนที่ไม่คุ้นเคยกันถึงเวลาช่วยงาน ยิ่งช่วยจะยิ่งยุ่ง ไม่สู้ไม่มาเพิ่มความวุ่นวายจะดีกว่า

“พวกเจ้ามันคนป่าคนดอยจริง ๆ ไม่รู้จักตระกูลหมอเทวดาหรืออย่างไร?”

เฉินฉือหยิบพัดขึ้นมา “ไม่รู้จัก”

สาวใช้ถึงกับสะอึกทันที

“กะเอาไว้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าต้องไม่เคยพบ ไม่มีอาการป่วยใดบนโลกนี้ที่พวกเรารักษาไม่ได้”

เฉินฉือได้ยินนางโม้ ก็เอ่ยถามขึ้นมา “ปวดลำไส้ในท้องแล้วใช้มีดผ่าตัด พวกเจ้าทำเป็นหรือไม่!?”

สีหน้าของเย่จิ่งฝูไม่สู้ดีนัก เพราะแม้แต่อาจารย์ของนางก็ไม่มีทางผ่าคนง่าย ๆ นั่นล้วนเป็นวิธีการโบราณ แต่ไม่มีใครบันทึกอย่างละเอียดว่าเริ่มจากที่ใด

“ข้าเคยเห็นมาแล้ว นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ความรู้อย่างพวกเจ้ายังสู้ชาวนาอย่างพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ หมอพวกเราไม่ขาด และไม่ขาดคนช่วยงานด้วย แต่พวกเจ้าสามารถกลับบ้านไปช่วยบอกกับเพื่อนบ้านว่าให้มารับยาโดยไม่เสียเงินได้ ไม่มีการหลอกลวงแน่นอน”

สาวใช้อยากจะโต้แย้งว่าเขาพูดจาเหลวไหล แต่เย่จิ่งฝูกลับห้ามเอาไว้ “ท่านลุง ท่านเคยเห็นคนที่ใช้มีดผ่าคนที่ใดมาอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่อยากพูด”

“ผู้น้อยพอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง อยากจะขอคำชี้แนะเสียหน่อย”

“ขอคำชี้แนะคงไม่ต้องแล้ว แต่หากอยากกราบเป็นอาจารย์เจ้าคงต้องไปต่อแถวแล้ว”

.