หลังจากปฏิเสธออสตินไปแล้ว AI ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และออสตินก็ฉลาดพอที่จะรับรู้ว่าลูกตานั้นไม่สามารถพูดได้มากกว่านี้เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการ

‘เห้อออ….เราควรจะจีบพวกสาวๆ และดักจับเป้าหมายในการจีบ แต่ทำไมเราถึงถูกดึงเข้ามาในเรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นความลับของโลกได้กันหล่ะเนี่ย?’

สิ่งเดียวที่ออสตินทำได้คือบ่นอยู่ในใจโดยที่ใบหน้าของเขามีท่าทีครุ่นคิดขณะที่เขามองดูประตูขนาดใหญ่ที่ถูกตั้งไว้เบื้องหลังซึ่งน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้

“ประตูจะเก็บทุกสิ่งไว้ข้างหลังตลอดไปเลยงั้นเหรอ?”

ซาบริน่าถามขึ้นมา ซึ่งเป็นคำถามเดียวกับที่ผุดขึ้นมาในใจของออสตินเช่นกัน ทำให้ AI เงียบไปครู่หนึ่งจนดูเหมือนกำลังจะตัดสินใจในเรื่องราวที่เป็นอันตราย แต่สุดท้ายมันก็ตอบกลับมา

“เห้อออ…..ไม่ อาจมีเวลาที่ผนึกนี้จะแตกออกและคงอยู่อีกไม่นาน”

คำตอบดังกล่าวทำให้เกิดความเงียบงันอย่างหนัก 

ใบหน้าของซาบริน่ามีสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่บางครั้งเธอก็หันไปมองทางออสตินที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดหลายๆ อย่างอยู่

“บอกได้ไหมว่าฉันเป็นอะไร?”

จู่ๆ ซาบริน่าก็ถามขึ้นมา ทำให้ AI หันมาหาเธอ 

ดวงตาของมันเพ่งไปที่เธออย่างลึกซึ้งในก่อนจะตอบกลับมา

“เจ้าคือผู้ถูกเลือก”

“ผู้ถูกเลือกเหรอ?”

ซาบริน่าไม่ชอบคำพูดเลือกนี้เลยทำให้ใบหน้าของเธอขมวดคิ้ว

“เจ้าได้รับโอกาสที่เหนือกว่าผู้อื่น เมื่อเจ้าได้รับพลังทั้งหมดแล้ว เจ้าจะมีมรดกที่ไม่อาจพ่ายแพ้ต่อบลัดเอลฟ์”

“แล้วถ้าฉันไม่ต้องการมรดกนี้หล่ะ?”

ซาบริน่าถามด้วยความคิดที่ปั่นป่วนจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมา ในขณะที่ออสตินยืนมองเธออยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มอันละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเขา

“นี่ไม่ใช่การเลือกของเจ้า เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าปลอดภัยอยู่แล้ว แต่อีกหน่อยคงถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตัดสินใจเลือก”

“จะพูดให้คลุมเครือทำบ้าอะไรยะ”

คำสาปแช่งออกมาจากเจ้าหญิงผู้สง่างาม เนื่องจากสีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย เธอส่ายหน้าไปทางออสตินก่อนจะถามขึ้นมา

“นายสามารถเอาทั้งหมดนี้ออกไปและจัดการกับปัญหาในตอนที่มันมาถึงได้ไหม?”

เธอถามขึ้นมา ซึ่งออสตินก็พยักหน้าก่อนจะตอบ

“ฉันสามารถจัดการกับพวกมันได้ทั้งหมด”

“ดี แล้วนายสามารถจัดการกับเมืองนี้ได้ไหม?”

คำถามนี้จากซาบริน่านั้นสามารถเรียกความสนใจจาก AI มาได้ 

ออสตินไม่ได้ตอบกลับทันทีในขณะที่เขาจ้องมองทั้ง 2 คนด้วยรอยยิ้มแกล้งๆ

“บางทีอะนะ”

เขาพูดออกมา ทำให้ซาบริน่าหรี่ตาลง

“นายทำได้หรือทำไม่ได้กันแน่?”

เธอถามด้วยน้ำเสียงเครียดจนบรรยากาศรอบๆ ตัวเธอหนักขึ้น 

ความกดดันอันหนักอึ้งไหลลงมาทับซาบริน่าจนทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้ ขาของเธอสั่นเทาขณะที่เหงื่อเริ่มสะสมบนหัวของเธอ

“ดูเหมือนเธอจะลืมไปว่าฉันไม่ได้อยู่ใต้เธอนะ”

ออสตินพูดในขณะที่ดวงตาของเขาสูญเสียรอยยิ้มไปพร้อมกับมานารอบตัวเขาที่เริ่มสั่นไหว 

ซาบริน่าสูญเสียการควบคุมมานาทั้งหมดเป็นครั้งแรก ดูเหมือนพวกมันจะทิ้งเธอไปเข้าข้างออสตินแทนเพราะถือว่าเธอไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ต่อหน้าเขา 

ออสตินเดินไปหยุดตรงหน้าเจ้าหญิงน้ำแข็งขณะที่เขาจับแก้มเธอด้วยมือขวา

“ฉันทำข้อตกลงกับเธอนะ ซาบริน่า และถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ เธอต้องให้สิ่งตอบแทนกับฉัน โลกมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“นายไม่อยากช่วยพวกเขาเหรอ?”

“ฉันเคยเห็นสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้ระหว่างการเดินทางมาแล้ว และฉันเรียนรู้ที่จะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นมาทำลายฉัน”

ออสตินตอบ ทำให้ซาบริน่ากัดริมฝีปากของเธอ

“แล้วนายไม่กังวลเหรอไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ่งที่อยู่ข้างในถูกปล่อยออกมา?”

“ไม่หล่ะ ฉันมีวิธีที่จะปกป้องคนที่ฉันห่วงใยให้ปลอดภัยอยู่แล้ว ไม่เหมือนเธอ”

คำพูดของออสตินทำให้ซาบริน่ากัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความเจ็บใจ ไม่ต้องใช้สมองก็คงคิดได้ว่าเมื่อสิ่งน่ารังเกียจเหล่านี้ถูกปล่อยออกมา เป้าหมายแรกของพวกมันอาจเป็นอาณาจักรเอลฟ์ และพระเจ้ารู้ดีว่าสิ่งต่างๆ จะจบลงอย่างไร ในขณะเดียวกันโลกทั้งใบก็อาจกลายเป็นมีอคติต่อพวกเอลฟ์ได้

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลุ่มเอลฟ์สร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่หล่ะ? ใช่แล้ว ไฮยีน่าผู้หิวโหยทุกคนจะใช้เหตุผลนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากอาณาจักรที่อ่อนแอลง นี่เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบเมื่อสงครามใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อกลิ่นเลือดฟุ้งไปทั่วดินแดนแล้ว แม้แต่มังกรก็ไม่สามารถยื่นมือเข้ามาได้

“นายต้องการอะไร?”

ซาบริน่าถามออสตินซึ่งส่ายหัวกลับมา

“คำถามคือเธอต้องการอะไรหล่ะ?”

ออสตินถามกลับไป

“จัดการเรื่องนี้”

เธอตอบทันทีโดยชี้นิ้วไปที่เมืองแห่งเลือดทำให้ใบหน้าของออสตินมีท่าทีครุ่นคิด 

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งออสตินก็หยิบสัญญามรณะออกมา นิ้วของเขาส่องแสงเป็นปากกาขณะที่เขาเขียนเงื่อนไขบางอย่างลงไป จากนั้นเขาก็โยนมันไปทางซาบริน่าที่รับมันไว้ก่อนจะใช้ดวงตาของเธออ่านเงื่อนไขต่างๆ

  1. ห้ามเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับฝ่าย A แก่บุคคลอื่นด้วยวิธีการใดๆ ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือจิตใต้สำนึก

  2. เมื่อจำเป็นอาณาจักรเอลฟ์ทั้งหมดจะเคลื่อนไหวตามคำขอ 3 ครั้งของฝ่าย A หากไม่ได้เสียเปรียบกับอาณาจักรเอลฟ์มากเกินไป

  3. ฝ่าย A จะได้รับสิทธิ์ VVIP เข้าสู่คลังราชวงศ์เอลฟ์และต่อจากนี้ไปจะเป็นบุคคลระดับ VIP ทั่วทั้งอาณาจักรเอลฟ์ตลอดไป

  4. เจ้าหญิงซาบริน่า แมมม่อน กาเลน เดลอน จะเป็นเมดของฝ่าย A เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน

จากการอ่านสัญญาอย่างละเอียดแล้วนี่เป็นสาระสำคัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ซาบริน่าเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เมื่ออ่านเงื่อนไขเพิ่มเติมแล้วก็รู้ได้เลยว่ามีการอธิบายเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้มีการใช้ช่องโหว่แม้แต่น้อย

“นายก็รู้ว่าฉันไม่มีอำนาจพอที่จะอนุญาตเรื่องพวกนี้ได้”

ซาบริน่าพูดด้วยน้ำเสียงสงบ แต่รอยยิ้มขี้เล่นที่เธอได้รับตอบแทนนั้นก็มากเกินพอสำหรับเธอแล้วที่จะเข้าใจความจริงที่ว่าออสตินรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานที่ซ่อนอยู่ภายในของอาณาจักรเอลฟ์

‘มีหนอนบ่อนไส้งั้นเหรอ?’

เธอตั้งทฤษฎีอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะคิดได้มากกว่านี้ที่ออสตินก็พูดขึ้นมา

“เลือกพูดมากแล้วเซ็นเร็วๆ เถอะเราจะได้จบเรื่องนี้กัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ซาบริน่าก็ถอนหายใจ ขณะที่เธอเริ่มจริงจังกับสัญญามากขึ้น

“เราจะ-”

“ไม่”

ซาบริน่าไม่มีเวลาโต้เถียงก่อนที่ออสตินจะตัดบทเธอลงก่อนเขาจะพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

“ไม่เซ็นก็ดิ้นรนเอา”

เมื่อได้ยินดังนั้นซาบริน่าก็หายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์

“ฉันจำเป็นต้องเป็นเมดของนายด้วยเหรอ?”

เธอถามขึ้นมา ซึ่งออสตินก็พยักหน้าตอบกลับไปอย่างจริงจัง

“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ต้องการหรอก แต่เธอทำให้ฉันโกรธมากจริงๆ แน่นอนตามที่ระบุไว้ในสัญญาว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรทางเพศ แค่เรียกฉันว่านายท่านเมื่อฉันไปหาเธอเหมือนเมด, ทำความสะอาดห้องของฉันทุกครั้งที่ฉันต้องการและเสิร์ฟชาให้ฉันซึ่งเป็นความสัมพันธ์ปกติก็พอ”

คำพูดที่ออสตินพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่มันก็เกินพอที่จะทำให้เขาตายได้ในอาณาจักรเอลฟ์

“นายวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้วสินะ?”

ซาบริน่าถามขึ้นมาทำให้ออสตินยักไหล่ ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่กลัวที่จะโชว์พลังของเขาให้เธอเห็น เพราะเขามีแผนสำรองอยู่แล้ว แถมสิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดก็คือการที่ทุกอย่างที่กล่าวในสัญญานั้นอยู่ในขีดจำกัดทำให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือของนายในอนาคตไหม?”

ซาบริน่าถามขึ้นมา

“ไม่”

ออสตินตอบ

เมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็หลับตาลงโดยมีสัญญาอยู่ในความคิดก่อนจะเริ่มมองหาช่องโหว่ที่อาจทำร้ายตัวเองได้ ดังนั้น 5 นาทีต่อมาซาบริน่าก็ลืมตาขึ้นและกรีดนิ้วของตัวเองเพื่อจุ่มเลือดเข้าไปในสัญญาซึ่งเริ่มส่องแสงเป็นสีดำโดยไม่ลังเลเลย 

หลังจากนั้นอนุภาคแสง 2 อนุภาคก็มุ่งหน้าไปยังร่างกายของออสตินและซาบริน่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมคะนายท่าน?”

ซาบริน่าถามด้วยน้ำเสียงที่ยอมจำนน

‘เธอปรับตัวได้เร็วมาก’

“ทำได้ดีมากเมดของฉัน และก็ราตรีสวัสดิ์”

หลังจากที่เขาพูดจบซาบริน่าก็รู้สึกว่าจิตใจของเธอหลุดลอยไปและหลับลึกไป

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต