มุมมองของออสติน :

‘ในที่สุดก็สงบซักที’

ผมคิดในขณะที่ฉันอุ้มซาบริน่าที่หมดสติอยู่ในมือ เนื่องจากเธอได้เซ็นสัญญาแล้ว จากนี้ไปผมจึงสามารถเริ่มแผนภายในสำหรับอาณาจักรเอลฟ์ได้แล้ว และนี่จะยิ่งทำให้ผมถึงเส้นชัยของซาบริน่าเร็วมากขึ้นด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วผมต้องการสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอ ‘บังเอิญ’ รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผมอยู่ ในกรณีนี้ผมต้องระวังเอาไว้

หากเธอได้กลิ่นของการเล่นสกปรก การเอาชนะใจเธอจะแทบเป็นไปไม่ได้เลย นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ผมจะใช้เวลาเพื่อซาบริน่า ผมมี 2-3 แผนสำหรับเธออยู่แล้ว เพียงแต่แผนแรกนั้นประสบความสำเร็จแล้วผมก็พร้อมแล้ว

“มีพลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ในนั้น”

AI พูดขึ้นมาทำให้ผมมองมัน 

ดวงตาของผมหรี่ลงที่ดวงตาที่พยายามเจาะลึกเข้ามาในตัวผม ซึ่งผมก็ถอนหายใจให้มันไป

“หยุดการกระทำของแกซะ แกไม่ได้เก่งขนาดนั้น”

ผมพูดพร้อมกับวางซาบริน่าลงบนเตียงแสนสบายที่หยิบออกมา หลังจากแน่ใจว่าเธอถูกนอนเรียบร้อยแล้ว ผมก็หยิบหน้ากากมาวางไว้บนใบหน้าของเธอ ซึ่งหน้ากากนั้นจะทำการปล่อยก๊าซนอนหลับเพื่อทำให้เธอหลับสนิทตราบนานเท่านาน ตามที่ผมต้องการ

“เจ้ารู้แล้วงั้นเหรอ?”

AI พูด แต่คราวนี้เสียงกลับไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง ไม่มีความโกรธ ไม่มีความโศกเศร้า ไม่มีอะไรเลย…..

“อย่างที่ฉันบอกว่าแกไม่เก่งเลย”

เสียงของผมดังขึ้นขณะที่ผมเหยียดร่างกายเล็กน้อย การเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกันไม่ใช่เรื่องยาก ผมรู้อยู่แล้วว่าลูกตาที่ลอยอยู่นี้กำลังพยายามควบคุมพวกเรา 2 คนอยู่ 

ไม่มีอารมณ์ใดที่แสดงออกมาจนถึงตอนนี้เป็นของแท้เลย อันที่จริงผมมั่นใจ 99% ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถมีอารมณ์ใดๆ ได้

“ข้าคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้วนะ ข้าใช้เวลาดูและพยายามเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่าปฏิกิริยาของผู้อื่นเป็นจำนวนมาก”

AI พูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ 

ผมมองลึกลงไปโดยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาความปรารถนาในส่วนลึกที่สุดของมัน

“สิ่งที่แกพูดทั้งหมดเป็นความจริงมากแค่ไหน?”

“ก็ประมาณนั้นทั้งหมด”

AI ตอบทำให้ผมหรี่ตาลง

“ให้ฉันเดาว่าชาวเมืองไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกเริ่ม”

ลูกตาแกว่งขึ้นลงราวกับพยักหน้า

“เป็นเรื่องจริง อำนาจเหนือเลือดทำให้เกิดอัตตาและความเย่อหยิ่งมหาศาล บวกกับความกระหายเลือดที่ไม่มีใครเทียบได้ บลัดเอลฟ์อาจกล่าวได้ว่าเป็นด้านชั่วร้ายของเชื้อสายเอลฟ์เลยก็ว่าได้”

‘อย่างที่คิดไว้เลย’

ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงออร่าอันน่าขนลุกรอบๆ สถานที่ทั้งหมดได้ดีขึ้นจากการได้รับพรของราเซลเลีย ทำให้ผมรู้สึกสอดคล้องกับสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดการทำลายล้างและความโกลาหลมากขึ้น พร้อมกับพรของออร์เฟียสที่ทำให้ผมมีความรู้สึกที่ทรงพลังมากในการบอกเล่าเมื่อบุคคลหรือเผ่าพันธุ์ใดมีแนวโน้มที่จะทำลายล้างอย่างบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าจะไม่ได้หมายความว่าผู้คนที่ผมสัมผัสได้นั้นจะชั่วร้ายอย่างแท้จริงก็ตาม

ข้อมูลที่ผมนำมาจากระบบบอกเพียงเกี่ยวกับการทำงานภายใน, กับดัก, วิธีเดินและประวัติโดยย่อเกี่ยวกับบลัดเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ภายในเท่านั้น แต่มันทำให้ผมมีความคิดที่ดีว่าบลัดเอลฟ์ทั้งหมดนั้นน่าหวาดกลัว อันดับแรกผมระบุมันตามความแข็งแกร่งของพวกมัน ซึ่งบัดนี้ความจริงก็กระจ่างชัดดั่งกลางวันแล้ว

“เลิกไร้สาระแล้วเข้าเรื่องซะ”

ผมพูดพร้อมกับมานาทำลายล้างรอบตัวที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และความรู้สึกของผมที่มีต่อราเซลเลียก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ผมจินตนาการถึงการกอดเธอ, จูบเธอและอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้การเชื่อมต่อของผมแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ทำให้ผมเข้าถึงธาตุทำลายล้างได้มากขึ้น 

ในขณะที่ทำเช่นนั้นอยู่ผมก็รู้สึกถึงความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งระหว่างตัวเองกับราเซลเลียที่แข็งแกร่งขึ้น

*พลังของราเซลเลียที่ให้ออสตินคือยิ่งคิดถึงนางพลังยิ่งเยอะเผื่อใครลืม*

ผมสัมผัสได้ถึงความโหยหาอันไม่สิ้นสุดภายในของราเซลเลีย เธอแค่รอให้การลงโทษของเธอเสร็จสิ้นเพื่อที่เธอจะได้มาพบผม

‘ให้ตายเถอะ ความปรารถนาของเธอนี่ช่างล้นเหลือจริงๆ’

ความบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยราคะตัณหา, ความปรารถนาและความรักถาโถมเข้ามาหาผม ผมไม่อยากทำให้เธอโกรธเลยส่งความรู้สึกแบบเดียวกันนี้กลับไปให้กับเทพธิดาที่ถูกขังอยู่เพื่อรอวันที่เธอจะหลุดพ้นและข่มขืนผมได้ 

“ความจริงก็คือก่อนที่อาเบลาร์โดจะเก็บโลกนี้ไว้ในเส้นทางแบบล็อกมิติ เขาได้ทำนายเอาไว้”

“ทำนายงั้นเหรอ?”

‘อ๋าา ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยแหะ’

“ใช่แล้ว อาเบลาร์โดได้ทำนายไว้ว่าสิ่งมีชีวิต 2 ตน คือเอลฟ์ต้นกำเนิดและมนุษย์จะมาถึงสถานที่นี้และยุติความทุกข์ทรมานของพวกเขา”

‘ใช่ ฉันเกลียดคำทำนาย’

ตั้งแต่ผมได้เซ็นสัญญากับซาบริน่าไป ผมก็ต้องยุติความเจ็บปวดของพวกเขาอยู่แล้ว แต่ผมต้องการคำตอบบางอย่าง ผมต้องการแสงสว่างเพื่อให้แน่ใจว่าการเคลื่อนไหวของผมในอนาคตจะไม่ทำร้ายคนที่ผมรัก

“แกเป็นผู้จัดการของคนทั้งเมืองใช่ไหม?”

ผมถามขึ้นมา ซึ่งลูกตาก็สั่นขึ้นลงเพื่อเป็นการพยักหน้า

“แล้วเหตุใดจึงไม่มีใครหยุดยั้งความบ้าคลั่งของเมืองนี้ได้หล่ะ? ฉันแน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตที่สามารถจัดการกับปัญหานี้น่าจะมีอยู่ในยุคนั้นนะ”

“เป็นคำถามที่ชาญฉลาดมาก คำตอบก็คือมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นรอบเมืองซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยได้ในเวลานั้น”

AI ตอบกลับ ดังนั้นผมจึงพูดต่อ

“แล้วทำไมอัลเบลาร์โดถึงไม่จบเมืองนี้เองหล่ะ?”

“ความรู้สึกและความจริงที่ว่าถ้าเขาทำ เขาจะทำให้พวกประชาชนเจ็บปวดมากขึ้น เขาจะไม่สามารถให้ความสงบสุขที่แท้จริงแก่ประชาชนของเขาได้”

‘ความสามารถหลักจากอาวุธของเรา พลังแห่งการชำระล้าง นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้สินะ?’

คำตอบนั้นมากเกินพอที่จะทำให้ผมถอนหายใจ โดยที่สถานการณ์นี้นั้นทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ผมเพิ่งมาถึงสถาบัน ช่วงเวลาที่ผมถูกชักนำให้ชำระล้างความวุ่นวายที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนในทะเลและซาเวียร์

ย้อนกลับไปตอนนั้นผมได้กุญแจไปยังสถานที่ที่ถูกล็อคนั้นหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเรียนรู้การทำอาหาร และตอนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมยืนอยู่หน้าอีกเมืองเพื่อช่วยพวกเขา

‘จู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นระบบกำจัดขยะซะแล้วสิ’

สมองของผมเริ่มวางแผนสถานการณ์ต่างๆ ในใจ โลกนี้ไม่ได้ทำงานบนตรรกะ ผมเข้าใจความจริงที่ว่ามีการเบี่ยงเบนจากสวรรค์ซึ่งทำนายว่าผมจะมาถึงที่นี่ได้ แต่ใครเป็นคนทำกันหล่ะ?

เทพเจ้าแห่งเกมเพิ่งส่งผมมาที่นี่เพื่อพิชิตสาวๆ ไม่ใช่เหรอ?

หรือ

ทุกอย่างที่ระบบบอกผมผิดพลาดงั้นเหรอ?

เท่าที่ผมรู้มาคือการอยู่รอดของตัวเองจะลดลงอย่างมากหากสูญเสียระบบไป มันเป็นเหมือนเส้นชีวิตของผม แต่คำถามก็ยังกวนใจผมอยู่อย่างไม่สิ้นสุดอยู่ดี แม้ว่าข้อดีในเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือความจริงที่ว่าผมกำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็มั่นใจว่าหากตัวเองก้าวไปข้างหน้าต่อไปตามเส้นทางของตัวเอง สักวันหนึ่งผมจะไปถึงคำตอบทั้งหมดที่ตัวเองต้องการ

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบจิตใจก่อนถามอีกคำถามหนึ่ง

“ทำไมซาบริน่าถึงไม่ระแคะระคายเรื่องอะไรเลยหล่ะ?”

ถ้าผมมองเห็นเธอก็เห็นด้วย อย่างน้อยผมก็รู้เหตุผลในใจ อยู่ในข้อมูลที่ระบบให้มา

“นี่คือสถานที่พักผ่อนสุดวิเศษของอัลเบลาร์โด เอลฟ์ทุกคนที่เข้ามาที่นี่จะถูกชักนำโดยอารมณ์ เว้นแต่พลังของเอลฟ์ที่เข้ามาจะเหนือกว่าเขา”

คำตอบนี้ทำให้ผมยิ้ม ช่ายยย นี่คือเหตุผลหลักที่ผมพาซาบริน่ามาที่นี่ ในที่แห่งนี้ความฉลาดที่ล้ำค่าที่สุดของเธอจะอ่อนแอลงและอารมณ์จะผลักดันให้เธอทำทุกอย่างเพื่อนำความสงบสุขมาสู่เอลฟ์โบราณ มิฉะนั้นคนที่ฉลาดและโหดเหี้ยมอย่างเธอจะตกหลุมพลางของความรู้สึกและลงเอยด้วยการเซ็นสัญญาที่พ่ายแพ้เช่นนี้ได้อย่างไร?

“ทุกคำถามของเจ้าได้รับคำตอบแล้วหรือยัง?”

“อ่า”

ผมพูดขณะเดินไปหน้าประตูขนาดมหึมา 

เสียงเอี๊ยดจนหูแตกดังขึ้นเมื่อประตูเริ่มเปิด ในขณะที่การเชื่อมต่อของผมกับออร์เฟียสถูกเปิดใช้งาน ทำให้ทั้งร่างกายของผมเต็มไปด้วยพลังชีวิตพร้อมกับที่พลังของผมสูงขึ้นถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้ามีใครพยายามควบคุมเลือดของผม พวกเขาคงจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน

คันธนูของผมปรากฏขึ้นในมือก่อนที่ในไม่ช้ามันจะบิดเบี้ยวและกลายเป็นพิณไป แสงสีฟ้าที่นุ่มนวลพรั่งพรูออกมาพร้อมกับเสียงคำรามที่ดังก้องเต็มวิสัยทัศน์ของผม เมื่อผมจ้องมองไปยังเมืองแห่งการสังหารหมู่ตรงหน้า สัตว์ประหลาดโบราณก็จ้องมองกลับมาที่ผมด้วยเจตนาอันชั่วร้าย

“ไปกันเถอะ!”

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต