ตอนที่ 315 สถานการณ์บีบบังคับ
เหลิ่งกวงคล้ายกับสูญเสียการควบคุมไปแล้ว
ฉู่ขวงจะรับคำท้าหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง
สถิติของนิยายเรื่องนี้สวยงามมากทีเดียว แม้ว่าคำวิจารณ์ของผู้อ่านจะมีคำตำหนิอยู่ไม่น้อย ทว่ามองจากสถานการณ์ของยอดโหวต เห็นได้ชัดว่าหลายคนปากไม่ตรงกับใจ
อันดับหนึ่งอย่างงดงาม!
เรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาขึ้นไปคว้าอันดับหนึ่งของเรื่องสั้นในเดือนนี้บนบล็อก นอกจากนั้นตัวเลขบนการจัดอันดับกระแสฮ็อตฮิตยังสูงกว่าอันดับสองมากทีเดียว จะเห็นได้ว่านิยายเรื่องนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดอุปสรรคในการอ่านแต่อย่างใด
เฉกเช่นที่กล่าวว่า
ความยอดเยี่ยมของรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้อยู่ที่ การทำให้ผู้อ่านรู้สึกราวกับถูกตลบหลัง ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกเพลิดเพลินกับมัน หากจะบรรยายให้เห็นภาพก็คงเทียบได้กับเวลาวัยรุ่นบีบสิว?
เจ็บแต่สบายใจ
เห็นได้ชัดว่าในอนาคตข้างหน้า เรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาจะกลายเป็นผลงานซึ่งเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดของฉู่ขวง นั่นทำให้หลินเยวียนเข้าใจความจริงง่ายๆ ข้อหนึ่ง มีวิธีใดที่จะมาแก้ปัญหายามผลงานสักเรื่องกลายเป็นประเด็นถกเถียง?
คำตอบนั้นง่ายเหลือเกิน
เขียนผลงานที่เป็นประเด็นถกเถียงยิ่งกว่าน่ะสิ!
แต่หลินเยวียนก็ยอมรับ ว่าเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมานั้นยังไม่เคร่งครัด เหมือนกับเป็นการหยอกล้อกับผู้อ่านเสียมากกว่า เพียงแต่การหยอกล้อในครั้งนี้ไปยั่วโทสะเหลิ่งกวงเข้า และนั่นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย
อันที่จริง
ระหว่างที่กำลังเขียนเรื่องนี้ หลินเยวียนใส่เหลิ่งกวงเข้าไปโดยมีเจตนาหยอกล้อ เช่นเดียวกับนิยายต้นฉบับซึ่งใส่ชื่อนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนบนโลกเข้าไปเต็มที่ บนโลกมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าอกาธา คริสตีกับเอดการ์ แอลลัน โพคือใคร ดังนั้นหลินเยวียนจึงตั้งชื่อให้ลิงตามชื่อนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนของบลูสตาร์
ส่วนเรื่องที่ฉู่ขวงในนิยายตาย
นี่เป็นการดัดแปลงจากต้นฉบับ เพราะในนิยายต้นฉบับ นักเขียนเขียนให้ตัวเองตาย ทั้งยังคำบรรยายเกี่ยวกับตนเองนั้นไม่ได้ค่อนไปทางเชิงบวกสักเท่าไหร่ ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดว่าเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาเป็นผลงานรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ชิ้นโบว์แดงของนักเขียน
อยากล้างตา?
เชิญอ่าน ‘เจตนาเลือด’
แม้จะให้แฟนนิยายสืบสวนสอบสวนอาวุโสซึ่งไม่ได้สนใจฮิงาชิโนะ เคโงะประเมิน เรื่องเจตนาเลือดก็ยังเป็นผลงานที่โดดเด่นเรื่องหนึ่ง ถึงขั้นที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผลงานห้าอันดับแรกของฮิงาชิโนะ เคโงะ
“ยังดีที่ฉันได้อันดับหนึ่ง”
หลินเยวียนพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำเชิญเข้าร่วมประลองของเหลิ่งกวง ประชันวรรณกรรมอะไรนั่นก็ปล่อยเขาไปแล้วกัน ต้องบอกก่อนว่ากฎอีกข้อหนึ่งของการประชันวรรณกรรมก็คือ ผู้ที่ถูกท้าประชันย่อมมีสิทธิ์ในการปฏิเสธ
“ที่จริงจะรับก็ได้นะครับ”
จินมู่ยิ้มเอ่ย “ที่การประชันวรรณกรรมจัดขึ้นในเยี่ยนโจว ก็เพราะการประชันลักษณะนี้มีเสน่ห์มากพอ มักมีนักเขียนรุ่นเยาว์ใช้การประชันวรรณกรรมนี้ท้าทายผู้อาวุโส ท่ามกลางสายตาของสาธารณชน ถ้าหากเอาชนะการประชันในครั้งนี้ได้ เท่ากับสร้างชื่อได้ด้วยศึกเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าหากสถานะของผู้ท้าชิงและผู้ถูกท้าชิงไม่เท่ากันละก็ โดยทั่วไปผู้อาวุโสจะไม่รับคำท้าประชันวรรณกรรมนี้ แต่เหลิ่งกวงกลับไม่ใช่นักเขียนรุ่นเยาว์ ไม่ว่าจะในแวดวงวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนหรือทั้งอุตสาหกรรมนิยาย เขานับเป็นผู้อาวุโสของหัวหน้า ถ้าหัวหน้าชนะ จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับตัวหัวหน้าเองนะครับ”
“ถ้าแพ้ล่ะครับ?”
หลินเยวียนชื่นชอบคำว่า ‘มั่นคง’ มากกว่า
จินมู่แค่นหัวเราะ เขาไม่คิดว่าหัวหน้าจะแพ้ไปได้ ตลอดเส้นทางที่ฉู่ขวงก้าวเดิน เขาไม่เคยลิ้มลองความปราชัย ยิ่งไปกว่านั้น จินมู่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักทั้งสามตัวตนของหัวหน้า อัจฉริยะระดับนี้ ไร้พ่ายมาตั้งแต่เกิดแล้ว
……
หลินเยวียนคิดว่าการไม่รับคำท้านั้นเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด
ถึงอย่างไรเขาก็คว้าอันดับหนึ่งไว้ในมือแล้ว เงินรางวัลจะต้องเข้ากระเป๋าเขาอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่หลินเยวียนคาดไม่ถึงก็คือ หลายวันให้หลัง เมื่อจำนวนผู้อ่านเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉากดราม่าก็ปรากฏขึ้น!
ตนถูกอันดับสองแซงไปแล้ว!
เมื่อตระหนักได้ถึงสถานการณ์นี้ หลินเยวียนก็ตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น”
จินมู่ก็ติดตามเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องสืบหาก็รู้เหตุผล
เขายิ้มขื่น กล่าว “มาจากเนื้อเรื่องเป็นประเด็นถกเถียงนั่นแหละครับ เพราะมีคนรู้สึกว่าฉากของฆาตกรในสะพานแขวนตงตงหล่นลงมามันดูไร้เดียงสาไปหน่อย เพราะงั้นตอนนี้แฟนนิยายสืบสวนสอบสวนหลายคนที่ไม่ชอบเรื่องนี้หลายคนกำลังเทโหวตไปที่อันดับสองเพื่อแก้แค้น”
หลินเยวียน “…”
ทำแบบนี้ก็ได้เหรอ?
ที่ผ่านมาเป็นเขาที่แซงคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนอื่นโต้กลับ
อันที่จริง นักเขียนอันดับที่สองก็งุนงงเช่นกัน
เดิมทีเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาซึ่งอยู่อันดับที่หนึ่งเป็นผู้นำเดี่ยว ตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของฉู่ขวงอย่างไม่ต้องสงสัย
ปรากฏว่าจู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งทุ่มโหวตให้ตน!
ไม่ใช่เพราะชื่นชอบนิยายของตน แต่เป็นเพราะต้องการเพิ่มพลังให้กับนิยายของตน และลากเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาให้หล่นลงมาจริงๆ!
‘คิดจะใช้ฉันเป็นอาวุธหรือ? นี่เป็นการดูถูกฉัน…เหอะๆ ซะที่ไหนกันล่ะ เป็นอาวุธแล้วไม่ดีตรงไหน!’
นักเขียนซึ่งได้อันดับที่สองไม่ได้คิดจะบอกให้ผู้อ่านหยุดโหวตให้ตน
เงินรางวัลของอันดับหนึ่งไม่ดีหรอกหรือไง?
ยิ่งไปกว่านั้น ความโชคดีก็นับเป็นฝีมืออย่างหนึ่ง!
ฉู่ขวงสร้างความขุ่นเคืองเอง ตนบังเอิญได้รับผลประโยชน์ก็เท่านั้นเอง
แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือ หลังจากที่นักเขียนอันดับสองอ่านเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาจบ ก็รู้สึกไม่ชอบใจ
ไม่ชอบใจแล้วทำอย่างไรล่ะ
ก็ลากเขาลงจากหลังม้าเลยสิ!
ไม่มีวิธีไหนที่ช่วยระบายอารมณ์ได้ดีเท่านี้อีกแล้ว!
ผู้คนเหล่านี้ระบายอารมณ์
หลินเยวียนกลับเริ่มโมโหแล้ว
“ฉันถูกระบบหลอก ของถูกใช่ว่าจะดี”
มิน่าล่ะ ระบบถึงลดราคาเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาให้หลินเยวียน
สุดท้ายแล้วผู้อ่านก็ไม่ได้ตามมาหักขาหลินเยวียน ทว่าถ้าหากไม่ได้อันดับหนึ่ง หลินเยวียนยอมโดนหักขายังจะดีกว่า
อย่างน้อยก็ยังต่อกลับไปได้ไม่ใช่หรือ?
เป็นเจ้าแก่ฉู่ขวงนี่ไม่ง่ายจริงๆ ด้วย
“ต้องกู้สถานการณ์” หลินเยวียนไม่อยากยอมแพ้เช่นนี้
จินมู่ชำเลืองมาทันใด “ที่จริงก็มีวิธีกู้สถานการณ์นะครับ”
หลินเยวียนเอ่ยอย่างคาดหวัง “ยังไงเหรอครับ”
จินมู่ยิ้มเอ่ย “เรื่องนี้ก็ย้อนกลับไปที่เหตุผลสำคัญครับ ก็คือทุกคนคิดว่ารูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้นั้นขี้เกียจเกินไป ในเมื่อมีคนคิดว่านิยายสืบสวนสอบสวนของหัวหน้าไม่สมเหตุสมผล ถึงขั้นที่รู้สึกว่าคุณเขียนเป็นแค่รูปแบบนี้ งั้นหัวหน้าก็เขียนนิยายสืบสวนสอบสวนที่สมเหตุสมผลออกมาสักเรื่องสิครับ เหตุผลก็มีอยู่แล้ว อาจารย์เหลิ่งกวงส่งคำท้าประชันวรรณกรรมมาไม่ใช่เหรอครับ?”
อ้อมค้อมไปมา สุดท้ายก็วกกลับมาที่เรื่องการประชันวรรณกรรม
เห็นทีการประชันวรรณกรรมนี้ จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว
คนพวกนี้ทำไมถึงมองความหมายอันลึกซึ้งของสะพานตงตงหล่นลงมาไม่ออก
ผลงานที่มีความหมายลึกซึ้งเชียวนะ
หลินเยวียนจนใจ หยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความโมโห ล็อกอินเข้าบัญชีปู้ลั่ว
ครั้งนี้สถานการณ์บีบบังคับ
หลังจากนั้นหลินเยวียนจึงแท็กเหลิ่งกวงไป เขียนสองคำด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม ราวกับต้องการนัดหมายกับอีกฝ่าย
‘เวลา สถานที่!’
ครั้งนี้ หลินเยวียนไม่คิดจะใช้รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้อีก แต่จะใช้แนวสืบสวนสอบสวนดั้งเดิมที่เหลิ่งกวงเชิดชูมากที่สุดมาสู้กันสักตั้ง!
“…”
จินมู่หยิบโทรศัพท์ออกมา ดูหน้าโพสต์ของหลินเยวียน เอ่ยด้วยความงุนงง “คุณทำอะไรน่ะครับ”
“ประลองวรรณกรรมไงครับ”
หลินเยวียนสับสน คุณเป็นคนคะยั้นคะยอให้ผมรับคำท้าเองไม่ใช่เหรอ?
จินมู่คลึงขมับ “ผมเข้าใจ แต่ทำไมคุณต้องใช้บัญชีของเซี่ยนอวี๋มานัดประลองกับเขาด้วยล่ะครับ…”
หลินเยวียนกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูทันที
เขาใช้บัญชีของเซี่ยนอวี๋ แท็กเหลิ่งกวงจริงด้วย
หลินเยวียนนิ่งค้างเป็นหินไปทันใด
พลาดอีกแล้ว
…………………………………………