ตอนที่ 323 ยื่อคำขอติดตั้งโทรศัพท์

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 323 ยื่อคำขอติดตั้งโทรศัพท์

หลินม่ายถือข้อมูลการติดต่อของหนังสือพิมพ์ที่ชื่อ“ป่ายซิ่งเซิงหัว”นั่นไปหาฟางจั๋วหรานที่โรงพยาบาลผู่จี้ เพื่ออยากให้ช่วยออกหน้าให้เธอขอยืมใช้โทรศัพท์ของสำนักงานสักหน่อย

การไม่มีโทรศัพท์มือถือมันน่าอึดอัดเหลือทน แม้แต่โทรศัพท์บ้านก็ยังไม่แพร่หลาย ช่างน่ารันทดเสียจริงๆ

ในตอนบ่าย ฟางจั๋วหรานต้องสอนพวกนักเรียน ทั้งยังต้องทำการผ่าตัดให้ผู้ป่วยด้วย

หลังออกมาจากห้องผ่าตัดอย่างยากลำบาก เขาก็นั่งอยู่ที่ห้องซักประวัติผู้ป่วย

เมื่อเห็นหลินม่ายในตอนใกล้เวลาเลิกงาน ก็ค่อนข้างประหลาดใจทีเดียว

หลังจากรู้ความตั้งใจที่เธอมาแล้ว เขาก็ให้เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงานของเขาและใช้โทรศัพท์ทันที

หลินม่ายติดต่อหาหัวหน้าถงผู้รับผิดชอบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่หนังสือพิมพ์“ป่ายซิ่งเซิงหัว”ฝากไว้อย่างรวดเร็ว

หัวหน้าถงพูดในสาย “เสี่ยวหลิน งานของฉันยุ่งมากนะ บ่ายวันนี้พวกเราไปหาคุณแล้วก็คว้าน้ำเหลว เสียเวลาไปตั้งหลายชั่วโมง พรุ่งนี้แปดโมงเช้า คุณช่วยมาที่สำนักพิมพ์ของเราด้วย จะได้ปรึกษาเรื่องการชดเชยค่าเสียหายด้านชื่อเสียงกัน ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะคะ”

น้ำเสียงของหัวหน้าถงสุภาพอย่างยิ่ง แต่คำที่พูดออกมานั้นกลับฟังดูไม่รื่นหูนัก

หลินม่ายสีหน้าบึ้งตึง และกำลังจะโต้แย้ง

ฟางจั๋วหรานได้ยินทุกคำพูดของหัวหน้าถงที่เล็ดลอดออกมาจากในโทรศัพท์อย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ

สีหน้าเขาเคร่งขรึมเย็นชาขึ้นมาทันใด พลันคว้าหูโทรศัพท์มาพูดตอกกลับไปอย่างอดไม่ได้ “เพราะคุณงานยุ่ง เวลาของคุณมันมีค่ามากมาย แต่คนอื่นเขาไม่มีงานทำ จึงถือว่าเวลาของเขาไม่มีค่า ดังนั้นเลยต้องให้ความร่วมมือกับคุณงั้นเหรอ? คุณยุ่งอะไรนักหนา? ยุ่งจนจัดการให้นักข่าวในความรับผิดชอบของคุณเขียนบทความที่ไม่ผ่านการตรวจสอบพวกนั้นมาทำลายชื่อเสียงของหล่อนอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นคุณอย่ายุ่งเลยจะดีกว่า! ถ้าคุณต้องการความชัดเจนนัก ม่ายจื่อของเราก็จะฟ้องสำนักพิมพ์ของคุณ และการฟ้องร้องครั้งนี้จะทำให้สำนักพิมพ์ของพวกคุณแพ้คดีอย่างแน่นอน ถ้าพวกคุณอยากจะคลี่คลายเรื่องนี้ดีๆ ก็ต้องมาขอร้องม่ายจื่อของเราเสียดีๆ ปรับความเข้าใจกับหล่อนซะ ถึงจะทำให้เรื่องนี้เปลี่ยนจากเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก จากเรื่องเล็กก็แล้วกันไปได้ ผมล่ะไม่เข้าใจเอาซะเลย พวกคุณต่างหากที่เป็นฝ่ายขอร้องม่ายจื่อ แล้วคุณเอาอะไรมาหยิ่งยโสนัก! บอกชื่อเต็มของคุณมา ผมจะเอาไปร้องเรียนกับหัวหน้าของคุณ!”

สำนักหนังสือพิมพ์“ป่ายซิ่งเซิงหัว”ทำงานไม่ค่อยยุติธรรมนัก หวังหรงบอกข่าวอะไรพวกเขาก็เชื่อไปหมด จนทำให้ชื่อเสียงของหลินม่ายเสียหาย

แม้ผลกระทบจะไม่ใหญ่หลวง แต่นั่นก็เป็นเพราะตอนนั้นสาวน้อยคนนี้กับเขาโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงยากที่จะพูดจริงๆ

ฟางจั๋วหรานโกรธเคืองสำนักหนังสือพิมพ์นี้อยู่เต็มอกมานานแล้ว ตอนนี้ฝ่ายนั้นยังจะแสดงทีท่าเช่นนี้อีก เขาจึงไม่สามารถทนได้จริงๆ

หัวหน้าถงที่อยู่อีกฝั่งของสายเองก็โมโหเช่นกัน “ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครเหรอ? คุณมีสิทธ์สอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้หรือยังไง?”

หล่อนยังคงพูดพล่ามไม่หยุดอยู่ในสาย แต่ฟางจั๋วหรานได้วางหูโทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้ว

เขาหยิบสมุดโทรศัพท์เล่มหนึ่งในลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมาพลิกดูไปมา

เมื่อหาเบอร์โทรผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมและการกระจายเสียงมณฑลเจอ ก็ร้องเรียนพฤติกรรมทั้งหมดของหัวหน้าถงเมื่อครู่กับผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม

จากนั้นจึงแสดงความเห็นของตน ว่าเจ้าหน้าที่ที่รู้อยู่เต็มอกว่าตนเป็นฝ่ายผิด แต่กลับวางอำนาจต่อกลุ่มผู้เสียหายอย่างหัวหน้าข่ง ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ที่สำนักหนังสือพิมพ์

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภาพลักษณ์ของหนังสือพิมพ์เสื่อมเสีย และกระทบต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค เขาก็เพิ่มระดับพฤติกรรมของหัวหน้าถงเมื่อครู่นี้ขึ้นไปถึงจุดวิกฤตที่สามารถจะเป็นไปได้

หลินม่ายอ้าปากค้างฟังอยู่ข้างๆ ไม่นึกเลยว่าท่านศาสตราจารย์จะมีฝีปากล้ำเลิศขนาดนี้ แทบจะไปเป็นนักการทูต โต้คารมในสงครามโต้วาทีได้เลยทีเดียว

อีกฝั่งของสาย ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมและการกระจายเสียงประจำมณฑลลูบหน้าอกที่เพิ่งจะผ่าตัดทำบายพาสหัวใจของตน

ตอนนั้นสถานการณ์ย่ำแย่มาก ถึงขนาดศาสตราจารย์ที่แก่ประสบการณ์กว่าฟางจั๋วหรานก็ยังไม่กล้าทำการผ่าตัดให้เขา เหตุผลหลักคือไม่มีความมั่นใจในการผ่าผัด กลัวจะเกิดอุบัติเหตุและต้องรับผิดชอบ

เป็นศาสตราจารย์ฟางนั่นเองที่ยืนขึ้นอย่างไม่ลังเล และทำการผ่าตัดให้เขา นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่เช่นนั้นตอนนี้น่ากลัวว่าหลุมฝังศพของเขาคงจะมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมดแล้ว

ผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรมหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียง

ศาสตราจารย์ฟางอยากกำจัดเจ้าหน้าที่หนังสือพิมพ์ตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถปฏิบัติงานตามหน้าที่คนหนึ่ง แค่บอกมาคำเดียวก็พอแล้ว ยังกลัวว่าเขาจะไม่จัดการให้อีกหรือ?

ต้องทำให้การกระทำของเจ้าหน้าที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนคนนั้นยกระดับขึ้นไปถึงขั้นวิกฤตเชียว ได้นึกถึงปัญหาด้านหัวใจของเขาบ้างหรือเปล่านะ?

หลังจากวางสาย เขาก็สั่งลูกน้องคนหนึ่งให้ไปติดต่อกับสำนักพิมพ์นั้น ให้ไล่เจ้าหน้าที่ที่ชื่อหัวหน้าถงคนนั้นออกทันที

หลังจากฟางจั๋วหรานคุยกับผู้อำนวยการเสร็จแล้ว เขาก็โทรศัพท์ออกไปอีกสายหนึ่ง

โทรศัพท์สายนี้ต่อสายถึงหัวหน้าใหญ่ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลเศรษฐกิจในเมืองคนหนึ่งที่เขารู้จัก บอกเรื่องความไม่สะดวกสบายของหลินม่ายเพราะไม่มีโทรศัพท์บ้านให้เขาฟัง

จากนั้นก็บอกว่า เพราะไม่มีโทรศัพท์บ้าน บางครั้งจึงพลาดการซื้อขายไปด้วย

โรงงานของหลินม่ายแม้จะเป็นธุรกิจเอกชน แต่ก็สามารถทำกำไรจากภาษีให้กับเมืองและมณฑลได้เช่นกัน

หากมีโทรศัพท์บ้าน เธอก็จะสามารถคุยธุรกิจกับคู่ค้าได้ที่บ้าน ทั้งสามารถทำการซื้อขายได้มากขึ้น และจ่ายภาษีได้มากขึ้นด้วย

ตอนนี้นโยบายได้เปลี่ยนจากการเน้นด้านจิตใจเป็นการเน้นด้านเศรษฐกิจไปตั้งนานแล้ว หัวหน้าใหญ่คนนั้นเองก็อยากให้สถิติเศรษฐกิจในเขตของตัวเองดูดีสักหน่อยอยู่เหมือนกัน

แม้ขอบข่ายโรงงานเสื้อผ้าของหลินม่ายจะไม่ใหญ่นัก แต่ต่อให้ขายุงจะเล็กแค่ไหนก็ยังเป็นเนื้อ

ยิ่งกว่านั้นฟางจั๋วหรานก็ออกหน้าเองแล้ว เขาเองก็ไม่อาจไม่ให้หน้าเขาได้เช่นกัน

ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงในทันที พรุ่งนี้จะจัดการให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานโทรคมนาคมติดตั้งโทรศัพท์บ้านให้กับหลินม่ายถึงบ้าน

ทั้งยังถามฟางจั๋วหรานด้วยความกระตือรือร้น ว่าต้องการติดตั้งโทรศัพท์ที่โรงงานของหลินม่ายด้วยหรือเปล่า

ทั้งที่โรงงานเสื้อผ้าของหลินม่ายก็ดี ตลาดสดก็ดี ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ซื้อมาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ตอนที่ซื้อมาก็มีโทรศัพท์อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งอีก

แต่ในทางตรงข้ามก็สามารถติดตั้งโทรศัพท์ที่ร้านเปาห่าวชือกับร้านเซาเข่าให้ร้านละเครื่องได้

ฟางจั๋วหรานเอ่ยคำขอขึ้นมา หัวหน้าใหญ่คนนั้นก็ตอบรับทันทีโดยที่ไม่แม้แต่จะหยุดคิด

ติดตั้งหนึ่งเครื่องหรือติดตั้งสามเครื่องก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ

หลินม่ายชื่นชมฟางจั๋วหรานอย่างเลื่อมใสยิ่ง เรื่องที่ตัวเองหมดทางจะแก้ไข กลับแก้ไขได้อย่างง่ายดายสำหรับเขา

ช่วงสายในวันถัดมา หลินม่ายรอเจ้าหน้าที่โทรคมนาคมมาติดตั้งโทรศัพท์ให้อยู่ที่บ้าน

มันแตกต่างจากที่ผู้นำเมืองเคยกล่าวปราศรัย ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้า เจ้าหน้าที่ของสำนักงานโทรคมนาคมก็มาแล้ว

หลังจากฟังคำขอของหลินม่ายจบ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พูดขึ้นอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ติดตั้งโทรศัพท์หนึ่งเครื่องในครั้งแรกมีค่าใช้จ่าย 1,500 หยวน คุณแน่ใจที่จะติดสามเครื่องใช่ไหมครับ?”

หลินม่ายตะลึงไปเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าการติดตั้งโทรศัพท์ในยุคนี้จะแพงขนาดนี้

ในชาติก่อนเธอเพิ่งจะได้ติดตั้งโทรศัพท์เครื่องแรกก็ตอนปี90 ค่าติดตั้งเป็นเงิน 2,000 หยวน

แต่ตอนนั้น พนักงานทั่วไปคนหนึ่งก็มีเงินเดือนร้อยสองร้อยหยวนแล้ว ค่าติดตั้งสองพันหยวนนั้นก็พอจะฝืนรับได้อยู่

แต่ตอนนี้ พนักงานทั่วไปคนหนึ่งมีเงินเดือนแค่ยี่สิบสามสิบหยวนเท่านั้นเอง แต่ค่าติดตั้งโทรศัพท์กลับเก็บถึง 1,500 หยวน ช่างน่าหวาดผวาเกินไปแล้ว!

ถึงแม้ว่าจะแพงจนน่าขยาด แต่หลินม่ายก็ยังยืนหยัดที่จะติดตั้งโทรศัพท์สามเครื่อง

เจ้าหน่าที่โทรคมนาคมมองเธอด้วยแววตาที่ใช้มองเศรษฐี คิดในใจว่าเธอคนนี้ช่างรวยจริงๆ

ในยุคนี้ยังไม่มีการเข้าถึงโทรศัพท์ในครัวเรือน เจ้าหน้าที่โทรคมนาคมยังคงต้องลากสายโทรศัพท์เข้ามา ดังนั้นการติดตั้งจึงเสียเวลาอย่างมาก

หลินม่ายเองก็ไม่ได้เร่งรัด ทั้งยังนำน้ำอัดลมแช่เย็นหรือถั่วเขียวต้มมาให้พวกเขาเป็นครั้งคราว

จนถึงเวลาสิบโมงกว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่โทรคมนาคมถึงติดตั้งโทรศัพท์ที่ร้านเปาห่าวชือ ร้านเหรินเจียนเยียนหั่ว และบ้านของหลินม่ายเสร็จสิ้นทั้งหมด

ทั้งยังต้องติดตั้งโทรศัพท์เครื่องพ่วงไว้ที่ห้องของเธอเครื่องหนึ่งตามคำขอ

หลังจากที่ส่งเจ้าหน้าที่โทรคมนาคมกลับไปแล้ว หลินม่ายก็แวะไปที่ร้านเปาห่าวชือ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไปให้โต้วโต้วกับฉีฉีด้วย

พวกเขาอยู่ในวัยที่ร่างกายกำลังเติบโต กินของว่างก่อนอาหารเที่ยงสักหน่อย จะเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเข้ามาในร้านเปาห่าวชือแล้วเอ่ยถามหาหลินม่าย

หลินม่ายหันไปมองสำรวจผู้มาเยือน ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนและเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

บนร่างของทั้งคู่ส่งกลิ่นอายความมีวัฒนธรรม และในมือของทั้งสองล้วนเต็มไปด้วยของขวัญ

ดูจากบุคลิกของชายวัยกลางคนคนนั้นแล้ว ดูเหมือนเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่ราชการ

หลินม่ายถาม “พวกคุณเป็นใครเหรอคะ? มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า?”

ชายวัยกลางคนคนนั้นแย้มยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “คุณคือสหายหลินม่ายนี่เอง สวัสดีครับ สวัสดี ผมคือหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของหนังสือพิมพ์ป่ายซิงเซิงหัว หวังต้าหลงครับ เมื่อวานเนื่องจากสหายของเราแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม จนทำให้คุณรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม วันนี้ผมจึงเป็นตัวแทนหนังสือพิมพ์ของเรามามอบของขวัญชดเชยให้กับคุณโดยเฉพาะครับ”

หลินม่ายพยักหน้าอย่างใจกว้าง “ฉันรับคำขอโทษค่ะ ยังมีธุระอะไรอีกไหมคะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่หมอนี่นอกจากฝีมือการลงมีดจะคมแล้วฝีปากยังคมอีก

ไหหม่า(海馬)