บทที่ 312 หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 312 หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

กลิ่นหอมบ้านี่ทำให้นางติดพันอยู่อย่างแนบแน่นแล้ว

หลังจากอาหารถูกจัดวางไว้เรียบร้อย พวกองครักษ์ลับก็ออกไปทั้งหมด

เย่แจ๋หยิ่งเหลือบไปมองนาง แล้วนำชามเปล่าหนึ่งใบและตะเกียบคู่หนึ่งยื่นส่งไปตรงหน้านาง จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กินเถอะ!”

“ไม่กิน!”

หลานเยาเยาส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ แต่ดวงตากลับไม่เชื่อฟังมองลงไปบนโต๊ะ

ตนเองเป็นคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่ และจะไม่ถูกล่อด้วยอาหารอย่างเด็ดขาด

ไม่มีทางอย่างแน่นอน!

อาหารบ้านี่ก็หอมเสียจริงเลย!

“กรึบ……”

นางอดไม่ได้จนต้องกลืนน้ำลาย

ภายใต้สายตาของเย่แจ๋หยิ่ง ใบหน้าของนางก็เริ่มแดง และเริ่มรู้สึกเขินอาย “เมื่อกี้นี้คงจะดื่มเหล้ามากเกินไปหน่อย เลยไม่ทันได้กลืนลงไป”

“……”

ผ่านไปครู่หนึ่ง

“กรึบ……” นางกลืนน้ำลายอีกครั้ง

เย่แจ๋หยิ่งไม่อาจทนดูต่อไปได้จริง ๆ

เป็นเพราะสายตาของหลานเยาเยาแทบจะติดแนบอยู่กับตะเกียบในมือของเขาแล้ว

นางในตอนนี้ ยังมีลักษณะของเทพธิดาอยู่ที่ไหนอีก

ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเด็กกินเก่งที่อยู่เฉย ๆก็น่ารัก

“กินอันนี้สิ”

เย่แจ๋หยิ่งได้คีบขาหมูชิ้นหนึ่งวางลงไปในชามของนาง

เมื่อมองไปยังขาหมูที่มีสีเย้ายวนใจ เพียงแค่ได้กลิ่น หลานเยาเยาก็รู้ว่า มันจะต้องอร่อยกว่าขาหมูที่นางกินเป็นประจำอย่างแน่นอน

แต่……

“ไม่กิน!” นางยังคงตั้งใจแน่วแน่

“ข้าบังคับให้เจ้ากิน”

“โอ้ ก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลานเยาเยาก็รีบหยิบขาหมูมาแทะไปสองสามคำทันที ในใจก็ชมไม่ขาดปาก แต่ใบหน้ากลับเคร่งขรึมและพูดว่า “แต่นี่เจ้าบังคับให้ข้ากิน ข้าไม่ได้ขอร้องเจ้า”

“อืม! ข้ารู้”

“รู้แต่เจ้าก็ยังหัวเราะ”

“ข้าไม่ได้หัวเราะเจ้า!”

“อย่างนั้นแล้วเจ้าหัวเราะอะไร ลองหัวเราะอีกครั้งซิ”

……

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว บรรยากาศก็ดูปรองดองเป็นพิเศษ ทั่วทั้งห้องที่ปีกด้านข้างของเย่แจ๋หยิ่งเต็มไปด้วยปัจจัยแห่งความสุข

เป็นเพราะการกินที่สะดวกสบาย หลานเยาเยาจึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา และดื่มในทันที

สีหน้าของนางค่อย ๆแดง แต่ก็กลับยิ้มอย่างสดชื่นร่าเริง

“เย่แจ๋หยิ่ง ข้าคิดว่าอันที่แล้วเจ้าก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอ หรือพวกเราจะมาสาบานเป็นพี่น้องกันไหม วันหลังถ้าเจ้ามีของอร่อยอะไรก็เอามาเลี้ยงข้าด้วย วันหลังข้ามีของดีก็จะไม่เอามาให้เจ้า”

“ไม่สาบาน!” เย่แจ๋หยิ่งปฏิเสธกลับไป

เขามองไปยังมือที่ว่างเปล่าของตนเอง และมองแก้วเหล้าที่ไม่มีเหล้าแล้วในมือของหลานเยาเยา

เหล้านี้เขาดื่มไปเพียงแค่หนึ่งคำ

ก็ได้ถูกนางชิงไปดื่มแล้ว

“ทำไมไม่สาบานล่ะ ดูถูกข้าหรือ ข้าเป็นเทพธิดาที่รูปร่างหน้าตาสง่างาม ผู้คนทั่วไปต่างก็นับถือข้าดุจเทพเจ้า พระราชวงศ์แต่ละประเทศต่างก็เคารพและยำเกรงข้า ข้าเป็นคนลึกลับจนคาดเดาไม่ถูก อำนาจที่แข็งแกร่ง มีอะไรตรงไหนที่ไม่คู่ควรจะเป็นพี่น้องกับเจ้า”

ถ้าไม่ใช่เพราะอาหารที่แสนอร่อย นางก็คงจะไม่พูดข้อเสนอนี้หรอก!

“ไม่ใช่ไม่คู่ควร แต่ข้าไม่ต้องการ”

เย่แจ๋หยิ่งหยิบแก้วเหล้ามาใหม่อีกใบ แล้วเทเหล้าไปหนึ่งแก้ว เขายังไม่ได้ดื่ม แต่แค่ถือไว้ในมือ

เป็นอย่างที่คาดไว้!

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ มือที่เรียวขาวมือหนึ่งก็ยื่นเข้ามา คว้าแก้วเหล้าไปจากในมือของเขา และดื่มมันอีกครั้ง

เมาแล้วหรือ

เมาแล้วก็ดี!

“เรื่องดีขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่ต้องการล่ะ”

หลานเยาเยาขยี้ผมของตนเองอย่างยุ่งเหยิง ทำให้ศีรษะของตนเองไม่ต้องหนักเกินไป

ตอนนี้!

เย่แจ๋หยิ่งเอนตัวเข้ามา และพูดจูงใจข้าง ๆหูของนาง

“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนสิ่งของทั้งหมดของข้าให้กลายเป็นของเจ้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลานเยาเยาก็เปล่งประกาย

แบบนี้ก็ดีสิ!

เย่แจ๋หยิ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจมหาศาล กำลังทหารที่อยู่ในมือของเขาแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้

อีกอย่างเขายังร่ำรวยเทียบเท่าได้กับทรัพย์สินของแผ่นดิน ตั๋วเงินเป็นพันตำลึงปึกหนาคิดจะเผาก็เผา โดยไม่มีความรู้สึกใด ๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อาหารที่เย่แจ๋หยิ่งทำขึ้นนั้นอร่อยกว่าที่ซาหมั่นเฉิงพ่อครัวอันดับหนึ่งของใต้หล้าทำขึ้นเสียอีก

หากสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ได้กลายเป็นของตนเอง อย่างนั้นได้พัฒนาขึ้นแล้วจริง ๆ”

แต่……

“แล้วของข้าล่ะ”

แม้ว่าเงินทองของนางจะไม่มากเท่าเย่แจ๋หยิ่ง ตำหนักก็ไม่ได้ใหญ่โตเท่าเขา แต่เขามีพื้นที่ทางการแพทย์!

นี่คือความมั่งคั่งที่ไม่มีสิ้นสุด!

“ของเจ้าก็ยังเป็นของเจ้า”

ว้าว!

ดีมาก

ของของเขาก็กลับเป็นของตนเองทั้งหมด สิ่งของของตนเองก็ยังคงเป็นของตนเอง การค้าขายที่ขาดทุนแบบนี้ เขาคิดจะทำอะไร

“บอกมา เจ้ามีจุดมุ่งหมายอะไร”

“……”

ยังไม่เมาหรือ

ดังนั้นเย่แจ๋หยิ่งจึงรินเหล้าไปอีกสองแก้ว จนกระทั่งหลานเยาเยาดื่มจนหมด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวนอีกครั้ง

“โธ่ ข้อเสนอของข้าเป็นอย่างไร”

เอ่อ……

ข้อเสนออะไรกัน

หลานเยาเยาทำปากพึมพำ ราวกับกำลังคิดหนัก

ดูเหมือนว่าสิ่งของทุกอย่างของเย่แจ๋หยิ่งล้วนแต่เป็นข้อเสนอของนาง ช่างเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ จะต้องดีมากแน่นอน

“ตกลง ดีมาก!”

“เพียงแค่เขียนชื่อของเจ้าลงไปบนบันทึกนี้ เจ้าก็สามารถยึดทรัพย์สินครอบครัวของข้าได้ ครอบครองตำหนักของข้า และยังสามารถไล่ข้าออกไปได้”

พูดจบ

เย่แจ๋หยิ่งก็ได้หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน หลังจากเปิดออก ก็หยิบกระดาษข้างในออกมา จากนั้นก็ยื่นให้กับนาง

“ฮื้ม คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องดี ๆขนาดนี้ ข้าดูหน่อย”

หลานเยาเยารับกระดาษแผ่นนั้นมาดู พบว่าตัวอักษรบนนั้นดูมั่วไปหมด เหมือนกับไส้เดือนกำลังคลาน

เห็นไม่ชัด เห็นไม่ชัดเลยจริง ๆ!

อย่างไรก็ตามเมื่อดวงตาของนางมองไปบนซองจดหมายของเย่แจ๋หยิ่ง ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที และคว้ามันมาไว้

“นี่คืออะไรหรือ”

มองไปยังตัวอักษรตัวใหญ่บนซองจดหมาย นางมองแล้วมองอีก

“ข้ารู้จักตัวอักษรสองตัวนี้ แต่ง…..แต่งอะไรนะ”

“นี่เป็นโฉนดที่ดินตำหนักของข้า” สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งมีความกังวลเล็กน้อย

“โฉนดที่ดินหรือ”

“อื้ม! นี่คือโฉนดที่ดิน”

“โอ้ ที่แท้ก็โฉนดที่ดิน โฉนดที่ดินอะไรนะ ขนมปังกรอบหรือ น่องไก่หรือ ไม่สิ ขาหมูต่างหาก……”

เมื่อเห็นว่านางวเมาแล้วจนเริ่มจะพูดจาเพ้อเจ้อ เย่แจ๋หยิ่งจึงได้ดึงเอาซองกลับมา จากนั้นให้นางลงชื่อไว้บนกระดาษ

“เขียนชื่อของเจ้าไว้ตรงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าทั้งหมดก็จะเป็นของเจ้า” สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรวมเขาด้วย

เมื่อเห็นหลานเยาเยาหยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนชื่อลงไปที่ท้ายกระดาษ

เขาอดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อบนหน้าผากของตนเอง

“เฮ้อ……”

เขาพูดจาเหลวไหลออกไปอย่างตรง ๆเช่นนี้จะดีจริงหรือ

ช่างเถอะ

ลักพาคนกลับตำหนักก่อนค่อยว่ากัน

จนกระทั่งหลังจากที่หลานเยาเยาเขียนเสร็จ นางก็นอนคว่ำหน้าตรงลงไปบนกระดาษ

เย่แจ๋หยิ่งยิ้มและจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้กับนาง จากนั้นก็ค่อย ๆยกศีรษะของนางขึ้น แล้วหยิบกระดาษออกมาดู

เอ่อ……

ไม่มีชื่อเขียนอยู่บนกระดาษ แต่ได้วาดรูปทองแท่งใหญ่ ๆเอาไว้สองแท่ง

เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกหมดหนทาง

นี่เป็นโอกาสที่ดี……

ตอนนี้!

ก็ไม่รู้ว่าหลานเยาเยากำลังฝันอยู่หรือเปล่า เห็นแต่เพียงนางทำหน้ามุ่ย และบ่นพึมพำ

“ป้องกันไฟป้องกันโจรป้องกันอ๋องเย่ หลอกเอาทรัพย์หลอกล่อลวงเขาชำนาญสุด

“……”

……

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว หลานเยาเยาที่กำลังนอนหลับอย่างหอมหวาน จู่ ๆก็ได้กลิ่นเหม็นแปลก ๆ

เหม็น……

เหม็นมาก!

เมื่อนางค่อย ๆลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือมือที่เรียวขาวมือหนึ่ง กำลังหยิบขวดยาขนาดเล็กออกจากจมูกของนาง

หลังจากที่มือนั้นพ้นสายตาไป ใบหน้าที่หล่อเหลาดั่งเทพบุตร ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง

คือเย่แจ๋หยิ่ง!

มองไปจากมุมนี้ ช่างหล่อเหลาไร้ที่ติจริง ๆ!

เพียงแค่ดวงตาที่เรียบนิ่งและเปล่งประกายสดใสของเขา ทำไมนางกลับไม่เห็นถึงร่องรอยของความไม่พอใจ