ตอนที่ 360 เซี่ยไห่เคยแอบดูคนอื่นอาบน้ำ?

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 360 เซี่ยไห่เคยแอบดูคนอื่นอาบน้ำ?

ตอนที่ 360 เซี่ยไห่เคยแอบดูคนอื่นอาบน้ำ?

เย่ไป๋คิดว่าตัวเขาเองเป็นหมอ ทั้งยังมีส่วนร่วมในการรักษาเซี่ยเหลย ด้วยเหตุนี้จึงควรยอมรับคำร้องขอของเซี่ยอวี่อย่างไม่มีเงื่อนไข

เขามองเซี่ยอวี่ แล้วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ได้ครับ รักษาสักหนึ่งคอร์สก่อน”

“อย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ”

เย่ไป๋กล่าวว่า “ผมไปส่งครับ ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์มา”

เซี่ยอวี่โบกมือ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันนั่งรถประจำทางไปได้”

เย่ไป๋จึงเอ่ยว่า “คุณเป็นบุคคลสาธารณะ หากมีคนจำคุณได้ขึ้นมา ก็จะมีผู้คนมารุมล้อม จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของคุณนะครับ”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันนอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ แถมยังออกไปไหนมาไหนทุกวัน ไม่มีใครจำฉันได้เสียด้วยซ้ำไป” หากเป็นอย่างนั้นจริง หลายปีในวงการบันเทิงก็จะเปล่าประโยชน์

เย่ไป๋เดินตามหลังหล่อน พร้อมพูดอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อเราแกล้งทำเป็นคู่รักกันแล้ว ก็ควรทำความคุ้นเคยกันก่อนนะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วจะโป๊ะแตกเผยพิรุธเอาได้ง่าย ๆ”

ประโยคสุดท้ายของเย่ไป๋หยุดฝีเท้าของเซี่ยอวี่ได้สำเร็จ

“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้ว”

หลังจากออกจากโรงน้ำชา เซี่ยอวี่สวมหน้ากากและขึ้นมอเตอร์ไซค์ของเย่ไป๋ ซึ่งชายหนุ่มมอบหมวกกันน็อคให้หล่อนอย่างเอาใจใส่ไม่น้อย

เซี่ยอวี่บอกที่อยู่ของตัวเอง จากนั้นเย่ไป๋ก็ไปส่งหล่อนกลับบ้าน

ในขณะที่เซี่ยอวี่จัดการกับ “เป้าหมาย” ได้อย่างสบาย ฝั่งเซี่ยไห่ยังคงกลัดกลุ้ม

แผนการของพี่สาวเขาเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริงสำหรับเขา

คนอื่นต่างคิดว่าคงจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเพชรเม็ดงามเช่นเขาที่จะหาคนรักสักคน แต่ความจริงก็คือไม่มีคนที่เหมาะสมเลย

เซี่ยไห่ขับรถกลับบ้านในตอนบ่าย เขาจอดรถ ถือกุญแจรถไว้ในมือพลางฮัมเพลง ในตอนที่กำลังจะเข้าบ้าน เขาบังเอิญประจัญหน้ากับใครคนหนึ่ง

อีกฝ่ายเพิ่งออกมาจากบ้านจึงชนกับเขาเข้า

เซี่ยไห่มองดูคนตรงหน้าซึ่งสวมแว่นกันแดด แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งตัว ไว้ผมสั้นจนแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย ชายหนุมจึงเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “คุณเป็นใคร?”

“ฉัน… คุณ…” อีกฝ่ายประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นเซี่ยไห่

หล่อนเอ่ยสั้น ๆ ออกมาเพียงสองคำ เซี่ยไห่ก็จำหล่อนได้ทันที พลันโพล่งออกมาว่า “ยัยทอมบอย?”

ผู้หญิงคนนั้นถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นดวงตาเย็นเยือกคู่หนึ่งซึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เซี่ยไห่รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง

“ลินดา คุณมาทำอะไรที่นี่?”

ลินดาสวมแว่นกันแดดกลับแล้วเอ่ยว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องงานกับพี่สาวเซี่ย”

“คุยเรื่องงานอะไรกัน? พี่สาวผมเพิ่งกลับมา คุณก็คิดจะลากหล่อนไปแล้วงั้นหรือ? คุณนี่มันนายทุนจริง ๆ รู้ก็แต่วิธีให้หล่อนทำเงินให้พวกคุณ”

ลินดาอธิบาย “ไม่ได้ไปไหน เป็นงานในเมืองไห่เฉิงนี่แหละ”

เซี่ยไห่ได้ยินดังนั้น น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลง “โอ้ อย่างนั้นก็ยังพอว่า ทางที่ดีควรขยับขยายงานให้ภายหน้าหล่อนได้ก้าวหน้าในเมืองไห่เฉิง ไม่ต้องกลับไปที่ฮ่องกงแล้ว”

“คุณเซี่ย ได้ยินมาว่าคุณเปิดห้องเต้นรำเหรอคะ?” น้ำเสียงลินดาเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ใช่ ทำไม คุณอยากไปเต้นรำงั้นหรือ? แต่ผมว่าคุณลืมไปเสียเถอะ ถ้าจะใส่แต่ชุดดำหม่นหมองขนาดนี้” เซี่ยไห่จ้องมองหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์พร้อมเอ่ยเหน็บแนมถากถาง

ลินดาอดกลั้นต่อแรงกระตุ้นที่อยากจะเตะชายหนุ่ม จึงรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเซี่ยไห่เข้าไปในบ้านและเห็นเซี่ยอวี่ เขาก็พาลพาโลกับหล่อนอย่างหงุดหงิด “ทำไมยัยทอมบอยนั่นถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

เซี่ยอวี่กำลังทาเล็บ เมื่อได้ยินถ้อยคำของเซี่ยไห่ ดวงตาเฉียบคมก็จ้องมองมาทีเขาทันที “เซี่ยไห่ ระวังคำพูดหน่อย ทอมบอยอะไรกัน? ลินดาเป็นหญิงแกร่งก็เท่านั้น”

“เฮอะ” เซี่ยไห่โยนกระเป๋าเงินใบเล็กซึ่งเหน็บไว้ใต้รักแร้ลงแล้วเอ่ยถามเซี่ยอวี่ “พี่ใหญ่กับแม่ล่ะ?”

“ไปซื้อของ”

เซี่ยอวี่ทาเล็บมือข้างหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาเป่าเล็บเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเอง ก่อนถามเซี่ยไห่ว่า “นายเจอคนที่จะมาแสดงละครเป็นคู่รักหรือยัง?”

เซี่ยไห่นั่งไขว้ห้างพลางถอนหายใจ “ไม่ครับ ผมจะไปหาจากไหนได้”

“ฉันเจอแล้วนะ” เซี่ยอวี่กล่าวอย่างภูมิใจ

“ใคร?”

เซี่ยไห่เหลือบมองไปนอกประตูแล้วเอ่ยเย้า “คงไม่ใช่ลินดาหรอกนะ? ไม่ใช่ว่าเดิมทีหล่อนเป็นผู้ชายกระมัง?”

เซี่ยอวี่เหยียบเท้าของเขาทันที แล้วกัดฟันกรอดพร้อมข่มขู่ “เชื่อไหมว่าฉันวางยาให้นายเป็นใบ้ได้?”

เซี่ยไห่เมื่อถูกเหยียบเท้าก็ร้องโอดโอย ก่อนจะรีบร้องขอความเมตตา

เซี่ยอวี่จ้องเขาเขม็งด้วยสายตาไร้ปรานี แล้วนั่งลงทาเล็บมือซ้ายต่อ

“เอ๊ะ…” ไม่รู้ว่าเซี่ยอวี่คิดอะไรอยู่ จู่ ๆ หญิงสาวก็มองเซี่ยไห่แล้วหรี่ตาลง

เซี่ยไห่เห็นสายตาที่หล่อนจ้องมองก็พลันขนลุก มองกลับด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่จ้องผมทำไม? ผมพูดอะไรผิดเหรอ? เดิมทีหล่อนก็เหมือนผู้ชายอยู่แล้ว”

เซี่ยอวี่จับจ้องเขาพลางหัวเราะเยาะเบา ๆ “นายอย่ามาใช้ไม้นี้เลย นายรู้ดีกว่าใครเสียด้วยซ้ำไปว่าหล่อนเป็นผู้ชายหรือเปล่า”

เมื่อเซี่ยอวี่เอ่ยออกมาเช่นนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเซี่ยไห่ก็พลันแดงเรื่อ

ชายหนุ่มรีบลุกหนีด้วยความเขินอาย

เซี่ยอวี่เย้าแหย่ด้วย้ำเสียงเหน็บแนม “โธ่เอ๊ย เรื่องที่ไปแอบดูหล่อนอาบน้ำนั่นก็ผ่านมาหลายปีดีดับแล้ว ยังจะมาเขินอายอะไรกัน?”

เซี่ยไห่หันมองเซี่ยอวี่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ อธิบายอย่างมีเหตุมีผล ทั้งยังจริงจังว่า “ผมไม่ได้แอบดู! ใครจะรู้ว่ามีคนแปลกหน้าอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำล่ะครับ? เรื่องนี้มันไม่ใช่เพราะพี่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าหรือไง”

“หล่อนเองไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับนายเสียหน่อย นายจะตื่นเต้นร้อนตัวไปไยกัน”

เซี่ยอวี่มองผู้เป็นน้องชายแล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ไม่อย่างนั้นแล้ว ก็ให้ลินดาแกล้งเป็นคนรักของนายสิ”

“พี่พูดอะไร?” เซี่ยไห่เบิกตากว้างและเกือบจะกระโดด “พี่บ้าไปแล้วเหรอ?”

เซี่ยอวี่ทาเล็บอย่างใจเย็น “นายจะเอะอะโวยวายทำไม? ลินดาเหมาะที่สุดแล้วที่จะเป็นคนรักของนาย… ไม่สิ แกล้งเป็นคนรักของนาย เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ระหว่างพวกนายก็มีที่มาที่ไป”

“หล่อนอายุน้อยกว่านายแค่ไม่กี่ปี อีกทั้งยังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน ย่อมได้เห็นการแสดงของฉันอยู่เป็นประจำ ซึ่งนั่นหมายความว่าหล่อนเองก็ต้องพอมีทักษะการแสดงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ไม่มีทางโป๊ะแตกให้เสียเรื่องต่อหน้าคุณแม่และพี่ใหญ่แน่ นายวางใจได้”

แต่ไม่ว่าเซี่ยอวี่จะพยายามขายมากแค่ไหน เซี่ยไห่ก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง “ไม่ครับ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผมชอบ”

“ก็บอกแล้วนี่ว่าแค่แกล้งเป็นคนรักกัน”

“แบบนั้นก็ไม่ได้อยู่ดี”

แม้จะเป็นการแกล้งทำ แต่เขาก็ต้องหาผู้หญิงสวยผมยาวสลวยมายืนเคียงข้าง เขาจึงจะเข้าสู่บทบาทได้

“จนถึงตอนนี้พี่ใหญ่ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะฟื้นตัว นายใจแข็งพอจะทนดูเขารู้สึกกดดันทางจิตใจเพราะรู้สึกผิดต่อเราได้ไหมล่ะ? หากเป็นแบบนี้ต่อไป การรักษาก็จะไร้ผล”

“แต่…” การจะให้ยัยทอมบอยนั่นมาแกล้งเป็นคนรักของเขา เขาทำไม่ได้จริง ๆ

“ลินดาเจ๋งมากนะ แถมหล่อนก็รู้จักกับพวกคุณแม่ ย่อมทำให้เข้ากันได้ง่ายกว่า”

เซี่ยไห่คัดค้านหัวชนฝา “ไม่ครับ ผมรับไม่ได้”

“พี่ควรเป็นห่วงตัวเองมากกว่า” จู่ ๆ เซี่ยไห่ก็คิดขึ้นมาได้ในเรื่องที่เซี่ยอวี่บอกว่าตัวหล่อนหาคนที่จะมาแกล้งเป็นคนรักได้แล้ว จึงเอ่ยถาม “พี่ไปหาใครมา?”

เซี่ยอวี่ “เย่ไป๋”

“ให้ตายสิ”

ดูเหมือนว่าคำตอบจะเป็นไปดั่งที่คาดไว้

เซี่ยไห่ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก

“เย่ไป๋อายุน้อยกว่าฉันมากขนาดนั้น แต่ฉันยอมทุ่มสุดตัวทุกอย่างเพื่อพี่ใหญ่ แล้วนายยังจะมัวมาเขินอายอะไรอยู่ได้?” เซี่ยอวี่มองไปยังเซี่ยไห่ด้วยความน้อยใจ “เพื่อประโยชน์ของทุกคน นายจะยอมอะลุ้มอล่วยสักครั้งไม่ได้เลยหรือ?”

“ลูกสองคนทะเลาะอะไรกันอีกแล้ว?”

คุณแม่เซี่ยและเซี่ยเหลยเดินถือผักปลาเข้ามา ทันทีที่พวกเขามาถึงลานบ้าน พวกเขาก็ได้ยินเสียงพูดคุย

คุณแม่เซี่ยเข้ามาในบ้าน มองดูลูกสาวและลูกชายคนเล็กแล้วถอนหายใจ “เมื่อไหร่พวกแกสองคนจะเป็นผู้ใหญ่เสียที? อายุอานามก็ไม่น้อยกันแล้วแต่ก็ยังทะเลาะกันเป็นเด็กอยู่อีก? จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยพาคนรักกลับมาที่บ้านกันเลย แม่คลอดพวกแกมานี่มีประโยชน์อะไรกัน?”

ทันทีที่คุณแม่เซี่ยทอดถอนหายใจ สีหน้าของสามพี่น้องก็ยุ่งเหยิงซับซ้อนขึ้นมาโดยพลัน

เมื่อเซี่ยเหลยคิดถึงถ้อยคำของเซี่ยไห่ที่ตอบโต้เขาว่า “ไม่มีน้องชายน้องสาวคนไหนแต่งงานก่อนพี่ใหญ่หรอกนะครับ” เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง

หากเขาไม่แต่งงาน ทั้งสองคนจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?

สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทำให้น้อง ๆ ต้องเดือดร้อน

ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ ๆ ร่างของหลิวกุ้ยอิงก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา

จากนั้นเซี่ยเหลยก็หิ้วข้าวของเข้าไปในห้องครัว

ส่วนคุณแม่เซี่ยถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

เซี่ยอวี่และเซี่ยไห่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก พร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจของทั้งสองคน

สีหน้าของเซี่ยไห่ดูย่ำแย่ลงไปอีก พวกเขาไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้อีกแล้ว

ต่อให้ต้องไปหาคนมาแสร้งแกล้งเป็นคนรักกันก็ตาม

เซี่ยไห่ครุ่นคิดสับสนอยู่นาน ก่อนจะปริปากเอ่ยกับเซี่ยอวี่อย่างอาย ๆ ว่า “พี่สาว ถ้า… ถ้าอย่างนั้นพี่ช่วยถามยัยทอมบอยนั่นให้หน่อยสิครับว่าหล่อนยินดีจะมารับบทบาทนี้ไหม”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นึกภาพพี่ไห่กับลินดาแกล้งคบกันเป็นแฟนแล้วก็…โอ๊ย ขำรอเลยค่ะ บันเทิงแน่ๆ

ไหหม่า(海馬)