ตอนที่ 361 เพียงชั่วข้ามคืน ทั้งพี่สาวและน้องชายต่างสละโสด

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 361 เพียงชั่วข้ามคืน ทั้งพี่สาวและน้องชายต่างสละโสด

ตอนที่ 361 เพียงชั่วข้ามคืน ทั้งพี่สาวและน้องชายต่างสละโสด

เมื่อเซี่ยไห่เอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายว่าทอมบอย เขาก็ถูกเซี่ยอวี่เตะเข้าอีกครั้ง “หากนายจะเรียกลินดาแบบนั้นแล้วหล่อนยอมช่วยก็แปลกแล้ว”

“หากหล่อนมา ผมก็ไม่เรียกหล่อนแบบนี้หรอกน่า!”

เมื่อเซี่ยอวี่กลับเข้าไปในห้อง หล่อนก็ต่อสายหาลินดาทันที

ทันทีที่ลินดาได้ยินถ้อยคำของเซี่ยอวี่ สิ่งแรกที่หล่อนทำก็คือปฏิเสธ

เซี่ยอวี่จึงขู่ว่าหากลินดาไม่ช่วย หล่อนจะไม่รับงานเป็นกรรมการผู้ตัดสินการประกวดนางแบบ

ลินดาพลันร้อนใจ “คุณพี่คะ ฉันเซ็นสัญญากับเขาไปแล้ว”

เซี่ยอวี่โต้กลับ “ฉันเองก็สัญญากับเซี่ยไห่แล้วเหมือนกัน”

………

เช้าวันรุ่งขึ้น ในขณะที่เซี่ยเหลยกำลังจะออกไปข้างนอก เซี่ยอวี่ซึ่งตั้งใจตื่นแต่เช้าก็เอ่ยรั้งเขาไว้ “พี่ใหญ่ เย็นนี้กลับบ้านให้เร็วหน่อยได้ไหมคะ?

“มีเรื่องอะไรหรือ?” เซี่ยเหลยถาม

ดวงตาของเซี่ยอวี่ล่อกแล่กเล็กน้อย จงใจทำเป็นอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“ก็… มีเรื่องนิดหน่อย”

หล่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยท่าทางขวยเขินอย่างยิ่ง “ค่ำนี้ ฉันอยากพาเพื่อนมากินอาหารเย็นที่บ้านน่ะค่ะ”

เซี่ยเหลยเห็นอากัปกิริยาของน้องสาวแล้วก็สนใจขึ้นมา จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที “เพื่อนแบบไหน?”

เซี่ยอวี่พิงกรอบประตู ดูเขินอายที่จะสบตาเซี่ยเหลย ก่อนปริปากเอ่ยกระมิดกระเมี้ยน “เมื่อวานมีผู้ชายคนหนึ่งสารภาพรักกับฉันค่ะ หลังจากไตร่ตรองดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย แต่ฉันอยากพาเขากลับมาที่บ้านเพื่อให้ครอบครัวเราได้พิจารณาดูก่อน หากเห็นว่าเหมาะสม ก็จะเดินหน้าต่อไปค่ะ”

“จริงหรือ?” เมื่อเซี่ยเหลยได้ยินข่าวดังนี้ ในตอนแรกสีหน้าเขาดูสดใสขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลายเป็นความสับสนงุนงง

เมื่อวานยังต่อต้านและปฏิเสธการหาคู่อยู่เลยไม่ใช่หรือ?

ในฐานะนักแสดง เซี่ยอวี่ย่อมมีทักษะด้านการแสดงอยู่ไม่น้อย จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงว่า “จริงสิคะ”

คุณแม่เซี่ยได้ยินเสียงพูดคุยของพี่น้อง ก็รีบโผล่ออกมาจากห้องครัวอย่างตื่นเต้นและเอ่ยถามว่า “เป็นใครกัน พวกเรารู้จักหรือเปล่า?”

เซี่ยอวี่ยกยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้ค่ะ”

ดูจากสีหน้าของเซี่ยอวี่ ก็ไม่ได้ดูเหมือนเป็นเรื่องโกหกแต่อย่างใด

อย่างไรเสียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ หญิงสาวก็ปฏิเสธทุกครั้งไป ซ้ำยังไม่เคยมีบทสนทนาที่สงบจิตสงบใจเลย วันนี้กลับเป็นครั้งแรกที่หล่อนออกปากประกาศเรื่องคนรักของตัวเองขึ้นมาก่อน ทั้งยังจะพาเขามาที่บ้านด้วย

ด้วยบุคลิกของหล่อนแล้ว ก็ใช่ว่าจะอับจนหนทาง

แม่เซี่ยโผเข้ากอดเซี่ยอวี่อย่างตื่นเต้น ก่อนจะหอมแก้มหล่อนดังฟอด “เยี่ยมมาก ลูกสาวแม่ ในที่สุดลูกก็มีความคิดความอ่านเสียที”

เซี่ยอวี่มองไปยังผู้เป็นแม่ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ ลึกลงไปในใจของหล่อนก็ยิ่งรู้สึกสะเทือนอารมณ์มากยิ่งขึ้น

ที่แท้การที่หล่อนสละโสดไปคบหาดูใจกับใครสักคนนั้นทำให้คุณแม่และพี่ใหญ่มีความสุขมากถึงเพียงนี้

เพียงครู่เดียว สายตาของคุณแม่เซี่ยก็จับจ้องไปยังเซี่ยไห่ที่เพิ่งลุกจากเตียงแทน

“แล้วเมื่อไหร่ลูกจะมีความคิดความอ่านบ้าง?”

เซี่ยไห่ “???”

เซี่ยอวี่จึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“แม่คะ อันที่จริง เสี่ยวไห่เองก็มีคนที่เขาชอบอยู่ในใจ”

“งั้นรึ?” คุณแม่เซี่ยและเซี่ยเหลยต่างมองไปยังเซี่ยไห่เป็นตาเดียว

เซี่ยไห่เพิ่งกลับมาจากห้องเต้นรำตอนกลางดึก ตอนนี้ที่ลุกมาก็เพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ ทำให้ชายหนุ่มยังอยู่ในสภาวะง่วงงุน ทรงผมกระเซิงเป็นรังนกและหน้าตาอิดโรย

เซี่ยอวี่จึงทำหน้าที่เป็นโฆษกของเขา “ค่ะ”

“ใครกัน?” คุณแม่เซี่ยเอ่ยถามอย่างดีอกดีใจ

เซี่ยอวี่หัวเราะคิกคัก “หากพูดออกมาแล้วแม่ต้องไม่เชื่อแน่ ๆ เป็นคนที่พวกคุณรู้จักดีค่ะ”

“เป็นผู้หญิงที่พวกเรารู้จักงั้นหรือ?” คุณแม่เซี่ยและเซี่ยเหลยสบตากัน แววตาของทั้งคู่ฉายชัดถึงความสงสัย

“แม่กับพี่ใหญ่ยังจำเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เซี่ยไห่กลับไปยังฮ่องกง ไม่ทันระวังจึงไปแอบดูลินดาอาบน้ำเข้าได้ไหมคะ?”

เซี่ยไห่ซึ่งกำลังจะเข้าห้องน้ำได้ยินถ้อยคำของเซี่ยอวี่เข้าพอดี ก็พลันตำหนิหล่อนอย่างลนลาน “พี่ครับ!”

ทว่าคุณแม่เซี่ยกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจสีหน้าอับอายของเซี่ยไห่ “เรื่องนั้นแม่จำได้สิ ดูเหมือนว่าตอนนั้นเสี่ยวไห่จะไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำ จึงเผลอเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงไม่นับว่าเป็นการแอบดู”

หลังจากคุณแม่เซี่ยพูดจบ นางก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อความหมายที่เซี่ยอวี่จะสื่อ แล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

จากนั้นจึงจ้องมองเซี่ยอวี่

เซี่ยอวี่เองก็ส่งสายตาตอบพวกเขาเป็นการยืนยัน

“ใช่ค่ะ วันนั้นลินดาบุกเข้ามาในหัวใจของเขาด้วย”

เซี่ยไห่ “!!!”

เซี่ยไห่ต้องการเอ่ยคัดค้านตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกสายตาเฉียบคมของเซี่ยอวี่ปรามไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะเล่าเรื่องซุบซิบให้แม่และพี่ใหญ่ฟัง

“ครั้งนี้ลินดามาเมืองไห่เฉิง พวกเขาสองคนจึงได้เชื่อมสัมพันธ์กัน”

คุณแม่เซี่ยได้ยินดังนั้ ก็ตบต้นขาตัวเองอย่างตื่นเต้น “โอ๊ย สวรรค์ พระโพธิสัตว์ทรงเมตตาคุ้มครอง”

สายตาสืบเสาะเจาะลึกของเซี่ยเหลยกวาดมองไปทั่วใบหน้าของผู้เป็นน้องชาย ส่วนเซี่ยไห่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเก้อเขินวางตัวไม่ถูก

บนสีหน้าของเซี่ยอวี่เองก็ไม่เห็นถึงความผิดแปลกอะไร

เซี่ยเหลยพลันรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง เขาเดินออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี

ส่วนคุณแม่เซี่ยนั้นขอบคุณทวยเทพทุกองค์ที่นางรู้จักอย่างตื่นเต้น แล้วปริปากเอ่ยอย่างดีอกดีใจ

“แม่ต้องบอกเซี่ยเซี่ยและเจียเหอให้มากินอาหารเย็นด้วยกันในวันนี้แล้ว”

ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ครอบครัวจะต้องอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เนื่องจาก “คนรัก” ของหล่อนเป็นสหายพี่น้องของเฉินเจียเหอ ในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ นางจึงตกลงที่จะให้ครอบครัวของหลานสาวมากินข้าวด้วยกันอย่างสบาย ๆ

“ก็ดีค่ะ ให้พวกเขามากินข้าวด้วยกัน จะได้ถือโอกาสนี้ช่วยฉันพิจารณาด้วย”

ดวงตาของเซี่ยอวี่หลุกหลิกเล็กน้อย ก่อนถามหยั่งเชิงผู้เป็นแม่

“แม่คะ ฉันควรเรียกลินดามาไหม?”

“เรียกสิ อย่างไรก็ต้องเรียก” คุณแม่เซี่ยบอกให้เซี่ยอวี่รีบต่อสายหาลินดาเพื่อให้มากินข้าวเย็นด้วยกัน

ในเมื่อลูกชายของนางมีใจให้หญิงสาว ในฐานะสมาชิกในครอบครัว พวกเธอควรมีบทบาทอย่างแข็งขันในการเป็นคนกลางเพื่อหาทางจับคู่พวกเขาเสีย

คุณแม่เซี่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกชายของตนจะชอบผู้หญิงแบบนี้

หากรู้ตั้งแต่แรก นางคงไม่ปล่อยให้เขาเป็นโสดมาจนถึงบัดนี้

เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงวางแผนที่จะเปิดร้านในวันมะรืน ซึ่งในวันนี้ป้ายร้านอาหารกำลังจะมาส่งแล้ว พวกเขาจึงรออยู่ในร้านอาหาร

คุณแม่เซี่ยจึงนั่งรถมาที่นี่คนเดียว เพื่อมาแจ้งข่าวดีกับหลินเซี่ยโดยเฉพาะ พร้อมถือโอกาสนี้ชวนพวกเขาไปกินอาหารเย็นที่บ้านด้วย

นางเห็นว่าประตูฝั่งร้านอาหารเปิดอยู่ แต่แทนที่จะรีบเข้าไป นางกลับวิ่งไปที่ร้านเสริมสวยก่อน

หลินเซี่ยกำลังยุ่งมาก ทว่าหญิงชราก็ไม่หลบเลี่ยงผู้คน ทันทีที่เห็นหลินเซี่ย นางก็กล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “เซี่ยเซี่ย คืนนี้กลับบ้านไปกินข้าวที่บ้านนะ”

“คุณอาของหลานจะพาคนรักมาด้วย”

“คุณย่า พูดว่าอะไรนะคะ?” มือของหลินเซี่ยพลันชะงักลงชั่วคราว ตื่นตะลึงจากวาจาของหญิงชรา “คุณอาของหนูมีคนรักแล้วเหรอคะ?”

คุณแม่เซี่ยพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “ใช่ หล่อนบอกว่ามีชายหนุ่มมาสารภาพกับหล่อน แล้วหล่อนเองก็คิดว่าเขาไม่เลวเลย จึงตอบตกลง และเย็นนี้จะพาเขามาที่บ้านเพื่อให้ทุกคนช่วยพิจารณา”

หลินเซี่ยมองไปที่หญิงชราที่หน้าบานเป็นกระด้งในขณะที่เอ่ยคำ ก่อนจะอุทานออกมา “ว้าว กะทันหันจังเลยค่ะ”

“ไม่กะทันหันหรอก เมื่อครั้งอยู่ที่ฮ่องกงก็มีผู้ชายส่งดอกไม้เผยความในใจให้หล่อนตั้งมากมาย แต่คุณอาของหลานไม่แม้แต่จะปรายตามองเสียด้วยซ้ำไป”

คุณแม่เซี่ยเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ใครจะไปคาดคิดว่าชะตาดอกท้อจะมาทันทีที่หล่อนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนเวลาใด ก็ยังเป็นคนในบ้านเกิดที่ทำให้รู้สึกสนิทใจ ทั้งยังมาได้ถูกจังหวะจะโคนอีกต่างหาก”

หลินเซี่ยยังคงสับสนว่าจู่ ๆ เซี่ยอวี่ก็มีคนรักขึ้นมาได้อย่างไร?

แถมหล่อนยังตอบตกลงทันทีที่อีกฝ่ายสารภาพรัก?

ในขณะที่หลินเซี่ยกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของคน หญิงชราก็บอกข่าวสะเทือนโลกาออกมาอีกเรื่อง

“ยังมีอีกเรื่อง คุณอารองของหลานเองก็มีคนที่ชอบแล้วเหมือนกัน และวันนี้ผู้หญิงคนนั้นก็จะมาที่บ้านเราด้วย”

หลินเซี่ยพลันรู้สึกว่าหน่วยความจำในสมองเต็มขึ้นมา เธอมองหญิงชราด้วยสีหน้าประหลาดใจพลางเอ่ย “คุณย่า จริงเหรอคะ?”

คุณแม่เซี่ยเอ่ยตอบอย่างเคร่งขรึมหนักแน่นและจริงจังเป็นอย่างยิ่ง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง”

“วันนี้หลานเลิกงานให้เร็วหน่อย แล้วพาหู่จือมาที่บ้านเราพร้อมเจียเหอ เดี๋ยวย่าจะไปหาพ่อของหลานที่ทางนั้นเสียหน่อย”

หลังจากคุณแม่เซี่ยพูดจบ นางก็แหวกม่านที่ประตูขึ้น ก่อนจะสาวเท้าเล็ก ๆ ออกไปอย่างมีความสุข

“คุณย่าเดินดี ๆ ค่ะ”

แม้ว่าคุณย่าจะออกไปแล้ว ทว่าหลินเซี่ยก็ยังเอียงศีรษะครุ่นคิดพิจารณาอย่างลึกซึ่ง

เพียงชั่วข้ามคืน ทั้งเซี่ยอวี่และเซี่ยไห่ต่างสละโสดกันทั้งคู่อย่างนั้นหรือ?

เรื่องนี้ทำไมถึงมีกลิ่นแปลก ๆ ขนาดนี้กันนะ?

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นจะเป็นยังไงกันนะ ทั้งพี่สาวน้องชายจะเผยพิรุธอะไรออกมาหรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)