บทที่ 381 ประทานรางวัล

บทที่ 381 ประทานรางวัล

“ท่านคือหนานเจี๋ยอู๋ฝาน?” คนที่เพิ่งตะโกนเรียกอู๋ฝานมารับราชโองการเอ่ยถาม

“ขอรับ ข้าเอง” อู๋ฝานตอบรับ

อีกฝ่ายสำรวจอู๋ฝานก่อนจะตอบคำ “รับพระราชโองการ”

อู๋ฝานขมวดคิ้ว ให้รับราชโองการนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่การที่ต้องคุกเข่าคือสิ่งที่เขาไม่อาจรับได้ “ต้องคุกเข่าหรือไม่?”

ครั้งนี้จึงเป็นอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วแทน กระทั่งเผยสายตาดูหมิ่นค่อนแคะ มองอู๋ฝานอย่างปรามาส ทว่าไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดออกมา “ท่านมีสถานะเป็นหนานเจี๋ย เป็นขุนนางผู้หนึ่ง ดังนั้นไม่ต้องคุกเข่า”

ตอนที่อาณาจักรเหยียนเฟิงก่อตั้ง มีเพียงผู้ที่สร้างคุณงามความดีครั้งใหญ่เท่านั้นจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนาง ปฐมจักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้องการแสดงถึงความสำคัญของผู้คนเหล่านั้น รวมถึงการเป็นขวัญกำลังใจให้แก่บรรดาผู้เข้าร่วมสร้างชาติจนสำเร็จ จึงอนุญาตให้ใครก็ตามที่ครอบครองสถานะขุนนางไม่จำเป็นต้องคุกเข่าแม้พบกับจักรพรรดิ

แน่นอนว่า หากต้องการคุกเข่าด้วยตนเองก็ไม่ใช่ข้อห้ามแต่ประการใด จักรพรรดิจะไม่เอ่ยห้ามปราม ปกติแล้วเหล่าเสนาบดีในราชสำนัก หากพบจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ครอบครองสถานะขุนนางหรือไม่ได้ครอบครอง ต่างก็คุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ ตลอดมาสถานะเช่นขุนนางไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับจักรพรรดิ ดังนั้นจึงมีคนปฏิบัติตามน้อยลงตามกาลเวลา ทุกคนเกิดความไม่คุ้นชิน แต่หากคิดใช้อภิสิทธิ์ดังกล่าว จักรพรรดิจะไม่พอใจหรือไม่?

ทว่าอู๋ฝานหาได้ทราบเรื่องเหล่านี้ไม่ กระทั่งนึกยินดีอยู่ในใจด้วยซ้ำที่ขุนนางมีสิทธิพิเศษดังกล่าว

ไม่ต้องคุกเข่า? งั้นก็ดีเลย

อู๋ฝานค่อนข้างพึงพอใจกับธรรมเนียมปฏิบัตินี้

อีกฝ่ายที่เพิ่งเอ่ยตอบเห็นว่าอู๋ฝานไม่คุกเข่าลงจริง ๆ ตอนแรกจึงขมวดคิ้ว ต่อมาเปลือกตากระตุก เขาเหยียดหยามท่าทีเฉยเมยของชายหนุ่มอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายต้องคุกเข่า เพราะมันถือเป็นอภิสิทธิ์ที่ขุนนางพึงมีจริง ๆ

แต่หนิวเอ้อและคนอื่นที่อยู่ด้านหลังไม่มีอภิสิทธิ์ดังกล่าว พวกเขาต่างคุกเข่าลงด้วยความนอบน้อม ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากยอมรับแต่ประการใด กระทั่งรู้สึกเป็นเกียรติเสียด้วยซ้ำ

เพราะมันคือพระราชโองการ หลายคนตลอดชั่วชีวิตไม่เคยได้ยินคำนี้ ตอนนี้เมื่อได้พบ อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามอู๋ฝานรับพระราชโองการ จึงนับเป็นเกียรติอย่างสูง ภายหน้าสามารถนำไปคุยโวให้ลูกหลานฟังได้อีกหลายรุ่นเสียด้วยซ้ำ

“ด้วยนามแห่งสวรรค์ จักรพรรดิ…” ผู้นำของกลุ่มคนเห็นคนอีกฝั่งคุกเข่าลง จึงเริ่มคลี่ม้วนกระดาษพระราชโองการและอ่านข้อความภาษาทางการ

“หนานเจี๋ยอู๋ฝาน ของขวัญที่ส่งมาให้นั้นองค์หญิงชื่นชอบเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจึงมอบรางวัลแก่หนานเจี๋ยอู๋ฝาน และอวยบรรดาศักดิ์ให้หนึ่งขั้น พร้อมกับเหรียญทองห้าพันเหรียญ ผ้าไหมหนึ่งร้อยผืน อัญมณีหนึ่งกล่อง ที่ดินศักดินาหนึ่งร้อยหมู่*[1]… และขอออกคำสั่งให้จื่อเจวี๋ยอู๋ฝานเดินทางสู่เมืองหลวงเพื่อมาพบข้าทันที จบราชโองการ!”

“จื่อเจวี๋ยอู๋ฝาน ขอแสดงความยินดี จงรับราชโองการ!”

ตอนนี้อู๋ฝานตัวแข็งทื่อด้วยความประหลาดใจ กระทั่งไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง

เป็นพระราชโองการประทานรางวัลให้! อีกทั้งยังเป็นรางวัลที่ดีเกินคาด การอวยบรรดาศักดิ์หนึ่งขั้น นับเป็นเรื่องหาได้ยากถึงยากที่สุดเสียด้วยซ้ำ ขณะที่รางวัลอื่นก็ไม่ใช่เลวร้ายด้วยเช่นกัน

ไม่แปลกใจที่หน่วยทหารม้าด้านหลังจะมีรถลากติดตามมาด้วย ภายในคือของรางวัลตอบแทนที่นำมามอบให้ ขณะนี้ยังไม่ทันได้เจอจักรพรรดิ แต่กลับได้รับของรางวัลครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการอวยบรรดาศักดิ์ เหรียญทอง อัญมณี ทั้งหมดนี้จะต้องมีความหมายแน่

อู๋ฝานไม่คาดว่าภารกิจพิเศษที่ได้รับมาครั้งก่อน จะมาพร้อมรางวัลที่ดีถึงขนาดนี้ รวมกับรางวัลทั้งหลายที่ได้รับจากระบบตอนทำภารกิจลุล่วง ภารกิจพิเศษนี้ให้รางวัลเขาอย่างหนักเลยทีเดียว!

‘เริ่มหวังให้มีภารกิจพิเศษอีกแล้วสิ ถ้าจะให้ดีคือมีเข้ามาทุกวันเลย!’ อู๋ฝานคิดอยู่ในใจ

แต่ชายหนุ่มก็ทราบดีว่ามันไม่อาจเป็นไปได้ ภารกิจธรรมดายังยากจะพบเสียด้วยซ้ำ กับภารกิจพิเศษที่มอบรางวัลให้มากมายเพียงนี้ ปรากฏขึ้นมาให้รับสักครั้งหนึ่งก็ถือว่าน่าตื้นตันมากแล้ว

“จื่อเจวี๋ยอู๋ฝาน รับราชโองการ!” เมื่อเห็นอู๋ฝานยังไม่ตอบสนอง ผู้นำของกลุ่มคนจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยอีกครั้ง และน้ำเสียงครั้งนี้ค่อนข้างเหลืออด

ด้วยฐานะมหาขันทีแห่งพระราชสำนัก เขาย่อมได้เห็นและเจอคนถือดีมามาก แม้อู๋ฝานได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นจื่อเจวี๋ย แต่ในสายตาของเขานั้นหาใช่เรื่องใหญ่ไม่ เขาเคยได้เจอผู้มีบรรดาศักดิ์สูงกว่านั้นมาแล้วมากมาย ในใจจึงไม่หวาดเกรงกับสถานะของอีกฝ่าย

“ขอรับ จื่อเจวี๋ยรับราชโองการ” ตอนนี้เองที่อู๋ฝานตอบสนองต่อพระราชโองการ ตอนที่รับพระราชโองการมานั้น ชายหนุ่มได้มอบทองสิบเหรียญให้แก่อีกฝ่าย สีหน้าท่าทีที่รับเอาไว้นั้นไม่แปรเปลี่ยน กระทั่งพลิกข้อมืออย่างรวดเร็วจนเหรียญทองหายวับเข้าไปใต้แขนเสื้อ เรียกได้ว่ามีความเชี่ยวชาญอันน่าทึ่ง

หลังรับเหรียญทองจากอู๋ฝาน สีหน้าท่าทีอีกฝ่ายจึงค่อยดูดีขึ้นมาบ้าง

“การนำราชโองการมาไกลถึงที่นี่ ลำบากพวกท่านแล้วขอรับ” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้น

“หามิได้ หามิได้ เป็นเกียรติของพวกเราที่ได้รับใช้จักรพรรดิ” มหาขันทียิ้มตอบรับอย่างอบอุ่น “จื่อเจวี๋ยอู๋ฝานได้รับพระราชทานรางวัล เป็นการแสดงให้เห็นว่าจักรพรรดิเห็นคุณค่าท่านมากเพียงใด ข้าหวังว่าท่านจะพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยแบ่งเบาความกังวลของจักรพรรดิสืบไป”

“เป็นสิ่งพึงกระทำอยู่แล้วขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ “กงกงเดินทางมาเหนื่อย เหตุใดไม่เข้ามาจิบเหล้าองุ่นสักแก้วดับกระหาย รวมถึงทานอะไรสักเล็กน้อยก่อนเล่าขอรับ”

“ไม่เป็นไรขอรับ ข้ายังต้องรีบเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อเรียนให้องค์เหนือหัวทราบ หลังจัดแจงอะไรเรียบร้อย ขอให้จื่อเจวี๋ยรีบเดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยเช่นกัน องค์เหนือหัวกำลังรอท่านอยู่” มหาขันทีตอบ แม้จะค่อนข้างพอใจในตัวอู๋ฝานบ้างแล้ว แต่ในใจนั้นก็ยังดูแคลนสถานที่อันเล็กจ้อยแห่งนี้ กระทั่งคิดว่าไม่น่ามีอาหารที่ควรเรียกว่าอาหารไว้ทานด้วยซ้ำ

“ข้าจะรีบเดินทางให้เร็วที่สุดขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ “แต่กงกงพอจะบอกให้ทราบได้หรือไม่ ว่าเหตุใดองค์เหนือหัวต้องการให้ข้าเข้าพบที่เมืองหลวง? อย่างที่ท่านทราบ พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ค่อยได้ออกไปเจอกับโลกภายนอกเท่าไหร่นัก หากไปทำอะไรผิดพลาด เกรงว่าจะทำองค์เหนือหัวไม่พอใจเอาได้”

“ก็จริง” มหาขันทีพยักหน้ารับ “แต่จื่อเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงขนาดนั้นหรอกขอรับ ครั้งนี้องค์เหนือหัวเรียกเข้าพบยังเมืองหลวงไม่ใช่เพราะเรื่องเลวร้าย แต่เป็นเรื่องของที่ดินศักดินาต่างหากขอรับ”

“ที่ดินศักดินา?” อู๋ฝานทวนคำ

“ในอาณาจักรเหยียนเฟิงของพวกเรา ขุนนางตำแหน่งตั้งแต่จื่อเจวี๋ยขึ้นไปได้รับอนุญาตให้ครอบครองที่ดินศักดินา ทุกสิ่งภายในพื้นที่ศักดินาจะขึ้นอยู่กับเจ้าของผู้ครอบครอง ซึ่งก็คือจื่อเจวี๋ย แต่ท่านเพิ่งได้รับการอวยบรรดาศักดิ์ ยังไม่ได้ครอบครองที่ดินศักดินา การเดินทางเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพื่อจัดการเรื่องดังกล่าวให้เรียบร้อย” มหาขันทีตอบ

“ข้าทราบแล้วขอรับ ขอบคุณกงกง” อู๋ฝานตอบรับ

“ยินดีขอรับ” มหาขันทีรับคำ “หากไม่มีเรื่องใดแล้ว ข้าก็ขอตัวขอรับ”

“ขอให้กงกงเดินทางโดยสวัสดิภาพขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ

มหาขันทีโบกมือพร้อมนำกลุ่มคนเดินทางกลับจากหมู่บ้านเร้นลับ และเป็นอีกครั้งที่ฝุ่นต้องตลบ

หลังกลุ่มคนจากไป พวกหนิวเอ้อจึงกล้าที่จะมายืนข้าง ๆ อู๋ฝานพร้อมเอ่ยแสดงความยินดีกันออกมา

เนื้อหาของพระราชโองการเมื่อครู่ พวกเขาได้ยินอย่างชัดเจน ในฐานะทหารส่วนตัวของอู๋ฝาน บรรดาศักดิ์ของอีกฝ่ายที่ก้าวหน้ามากขึ้น ย่อมเป็นเกียรติแก่พวกเขาด้วยเช่นกัน อย่างไรพวกเขาก็ผูกติดกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว เกียรติของเจ้านายคือเกียรติของตนเอง สถานะของพวกเขาย่อมก้าวหน้าขึ้นเช่นเดียวกัน มีหรือในใจจะไม่ยินดี!

[1] หมู่ เป็นหน่วยที่ดินของจีน มีค่าประมาณ 666 ตารางเมตร