บทที่ 380 พระราชโองการ
บทที่ 380 พระราชโองการ
“อู๋ฝาน คุณรู้เรื่องไหมคะ? ไอ้เวรแซ่หลิวนั่นโดนจับตัวแล้ว!” ไม่นานอู๋ฝานก็ได้รับสายจากเจ้าหย้าหนาน “เส้นสายที่คุณหามานี่เป็นใครกันคะ ได้ผลดีมากเลย”
เจ้าหย้าหนานอดกลั้นความดีใจไม่ไหวจนต้องเผยความเริงร่าผ่านทางปลายสาย เถ้าแก่หลิวที่คิดเล่นงานเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วงชิงเอากิจการของครอบครัวเธอ ในที่สุดก็ถูกจับกุมตัวแล้ว เมื่อเช่นนี้ตนถึงจะวางใจได้สักที เพราะปราศจากคนที่รู้ว่าพยายามจะแทงข้างหลัง หญิงสาวจึงสามารถผ่อนคลายลงได้
“เพื่อนคนหนึ่งน่ะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ
อู๋ฝานไม่คาดว่าหลิวอวี่กวงจะลงมือเร็วขนาดนี้ นับจากเวลาที่โทรหาจนถึงปัจจุบัน มันผ่านไปเพียงแค่ครึ่งวัน ทว่าก็ได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว อีกฝ่ายทำอย่างเต็มที่และฉับไว อีกทั้งผลลัพธ์ยังดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก
“เพื่อนของคุณมีอำนาจไม่น้อยเลยค่ะ ไอ้เลวแซ่หลิวนั่น ก่อนหน้านี้มันไปจ้างวานคนอื่นให้ส่งข่าวหาคนที่ถูกคุมขัง ตอนนี้เรื่องแดงออกมาแล้ว คิดว่าคงยากที่จะดิ้นหลุดแน่ค่ะ” เจ้าหย้าหนานหัวเราะเบา ๆ
ตอนที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์ของเจ้าหย้าหนานถูกวางเพลิง ทำให้เธอต้องสูญเสียทรัพย์สินมูลค่าเกินกว่าสิบล้าน จำนวนดังกล่าวไม่ใช่น้อย ๆ และเถ้าแก่หลิวก็เป็นผู้บงการอยู่หลังฉาก ช่วงที่อีกฝ่ายลงมือนั้นดำเนินมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง
“ผมได้ยินมาว่าเขาเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อมา จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องน่าจะไม่ใช่น้อย ๆ วัสดุที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าก็ถูกไฟเผาไปหมดแล้ว คนก็ยากจะรอดจากการถูกคุมขัง เดาว่าคงไม่มีทางจัดการคำสั่งซื้อนั่นให้สำเร็จได้ครับ ถ้าถึงตอนนั้นคงต้องจ่ายค่าเสียหายชดใช้คู่ค้าไม่น้อยเลย รวมกับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกเผาแล้ว ให้ผมเดานะ …คิดว่าครอบครัวของเขาคงมีเงินไม่พอจ่าย ทั้งโรงไม้และโรงงานเฟอร์นิเจอร์คงไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้อีก ตอนนี้ลองหาทางซื้อแบบกดราคาดูก็น่าสนใจนะครับ” อู๋ฝานเอ่ยข้อเสนอให้เจ้าหย้าหนานผ่านทางโทรศัพท์
“จริงด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ทันคิดเลย” เจ้าหย้าหนานรับคำด้วยความประหลาดใจ “ไอ้เลวนั่นที่เคยคิดจะซื้อร้านของฉัน ตอนนี้กลายเป็นทีของพวกเราบ้างแล้ว แค่คิดสีหน้าตอนตาแก่นั่นรู้ข่าวจากในห้องขังก็น่าสนุกแล้วค่ะ”
ยิ่งเจ้าหย้าหนานได้พูดคุยเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น หลังได้ร่วมงานกับอู๋ฝาน ทั้งตนและเขาต่างก็มีความคิดขยายกิจการ ตอนนี้เป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะยึดกิจการของเถ้าแก่หลิว อีกฝ่ายต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่หญิงสาวเป็นเงินไม่ใช่น้อย เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าหย้าหนานจะมีเงินมากพอ และชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง หากอยากซื้อกิจการของเถ้าแก่หลิวก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเป็นไปได้
“ถ้างั้นฝากจัดการเรื่องนี้ต่อด้วยแล้วกันนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ เพราะเขายังมีอีกหลายเรื่องต้องไปจัดการ ทำให้ไม่มีเวลามากพอจะไปจัดการธุระใหญ่ของโรงไม้และโรงงานเฟอร์นิเจอร์ รวมกับเป็นเรื่องที่เจ้าหย้าหนานสามารถจัดการได้ ตนจึงยินดีส่งมอบให้หญิงสาวรับช่วงจัดการต่อ
“ค่ะ รับประกันว่าไม่มีปัญหาแน่นอน” เจ้าหย้าหนานรับคำ เธอผ่อนคลายมากกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด แรงทั้งกายใจมีแต่จะฟื้นฟูมากขึ้น และตอนนี้ก็ยังเป็นโอกาสได้กดราคาซื้อกิจการของเถ้าแก่หลิว เธอยิ่งมีแรงสู้!
หลังวางสายจากเจ้าหย้าหนาน อู๋ฝานจึงโทรหาหลิวอวี่กวงอีกครั้งเพื่อเอ่ยขอบคุณ อีกฝ่ายยังคงวางตัวดี กล่าวว่าแค่ต่อสายโทรศัพท์เล็กน้อยเพื่อฝากจัดการต่อ และเบื้องหลังของเถ้าแก่หลิวก็ไม่ได้ขาวสะอาด ดังนั้นจึงสามารถจับกุมได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าอย่างไร อู๋ฝานก็นึกขอบคุณหลิวอวี่กวงที่ช่วยเหลือจากใจ และมันก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการด้วย
ไม่กี่วันจากนั้น อู๋ฝานยังต้องยุ่งอยู่กับธุรกิจทั้งหลายในช่วงกลางวัน ไม่ว่าจะเป็นที่โรงบ่ม โรงไม้ โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ร้านอาหาร ทั้งหมดกำลังเข้ารูปเข้ารอยด้วยดี ในส่วนของโรงงานสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นเช่นชาตื่นรู้ ยาทาลบรอยแผลเป็น และครีมผิวกระจ่างนั้นก็ดำเนินการด้วยดีแล้ว ชายหนุ่มสามารถเข้าไลน์ผลิตได้ทันที ในโลกความเป็นจริง กิจการของอู๋ฝานกำลังก้าวหน้าใหญ่โตมากขึ้น
ในช่วงเวลาคุ้นเคย อู๋ฝานเทเลพอร์ตไปยังโลกแห่งเกมเหมือนที่ทำเช่นทุกวัน ทั้งการบ่มไวน์ การล่ามอนสเตอร์ และการก่อสร้างในหมู่บ้านเร้นลับ ทั้งหมดกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี และดังที่ชายหนุ่มเอ่ยปากไว้ ลั่วหยางและหวังปิงนำกลุ่มคนจำนวนห้าร้อยจากเทศมณฑลเดินทางกลับมา นั่นจึงยิ่งทำให้หมู่บ้านเร้นลับคึกคักมากขึ้น การก่อสร้างก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น
อู๋ฝานเริ่มทดสอบรสชาติไวน์ที่ผลิตล็อตแรกด้วยตนเอง รสชาติของพวกมันดีอย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งร่างรู้สึกประหนึ่งได้ลอยล่องขึ้นสู่สวรรค์ เขากล้าสาบานเลยว่าไม่เคยดื่มไวน์ที่วิเศษเช่นนี้มาก่อน
หัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นปรมาจารย์ด้านการบ่มเหล้าองุ่น หลังได้ดื่มเหล้าองุ่นที่ชายหนุ่มทำด้วยตนเอง ยังต้องเอ่ยคำชมออกมา เขาไม่อาจทราบว่าเหตุใดอีกฝ่ายที่ครอบครองวิชาบ่มเหล้าองุ่นระดับสูง กลับสามารถบ่มเหล้าองุ่นได้รสชาติดีเสียยิ่งกว่าตัวเขาที่เป็นปรมาจารย์นักบ่ม
อู๋ฝานคาดว่าเพราะสถานะผู้เล่น จึงทำให้ความเร็วในการบ่มของเขารวดเร็วกว่าที่หัวหน้าหมู่บ้านทำได้ ดังนั้นการกล่าวว่ารสชาติดีเยี่ยมยิ่งกว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผล
เมื่อรสชาติออกมาดี อู๋ฝานย่อมพอใจ ตอนนี้จึงขอให้ลั่วหยางและหวังปิงนำส่วนหนึ่งไปยังเทศมณฑลเพื่อจำหน่าย และผลตอบรับก็ออกมาดีดังที่คาดเอาไว้ เหล้าองุ่นของพวกเขาได้รับความนิยมในเทศมณฑล จนความต้องการซื้อมีมากกว่าจำนวนวางขาย
ชาตื่นรู้ถูกผลิตขึ้นในโลกแห่งเกมเช่นเดียวกัน สรรพคุณของมันก็ยอดเยี่ยม หลังดื่มเข้าไป อู๋ฝานก็รู้สึกสดชื่นสมองโล่งปลอดโปร่ง
ส่วนสวนสมุนไพรอยู่ระหว่างการจัดสรร นอกจากสมุนไพรระดับสูงที่อู๋ฝานนำกลับมาจากในป่า หน่วยรักษาการณ์ที่ออกล่ามอนสเตอร์ก็มีการนำสมุนไพรระดับต้นและระดับกลางกลับมาด้วยบางส่วน เพราะมีจำนวนไม่มาก สวนสมุนไพรจึงยังไม่ได้เพาะปลูกอย่างเต็มที่
วันนี้อู๋ฝานเข้าเกมมาและคิดเข้าไปสำรวจในป่าเพื่อฝึกฝน แต่กลับได้พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากนอกหมู่บ้าน พวกเขาขี่ม้ามุ่งหน้ามา การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกลุ่มคนนอกหมู่บ้าน ทำให้คนในหมู่บ้านต้องหันมาสนใจและตื่นตัว
ชายหนุ่มเฝ้ามองและระมัดระวังเช่นกัน เพราะทราบว่าตามปกติแล้วคนนอกจะไม่ค่อยสัญจรมาทางหมู่บ้านเร้นลับ นี่นับเป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำที่มีคนขี่ม้าเข้ามาอย่างเอิกเกริก
อีกฝ่ายเป็นใคร?
อู๋ฝานได้แต่ครุ่นคิดและสงสัย ขณะที่หนิวเอ้อและพรรคพวกต่างตื่นตัวเฝ้าระวังกันอย่างเต็มที่ ยุคนี้ที่กองทัพกบฏออกอาละวาด กำลังรบของทหารม้ากลุ่มหนึ่งนั้นไม่ใช่อะไรที่สามารถดูแคลนได้
ทว่าทหารม้าที่เดินทางมาเมินเฉยต่อสายตาสงสัยของผู้คน มุ่งตรงเข้าไปยังลานกว้างพร้อมตะโกนเสียงดัง “หนานเจี๋ยอู๋ฝานอยู่ที่ไหน มารับพระราชโองการ!”
ราชโองการ?
อู๋ฝานและผู้คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างมึนงงไปครู่หนึ่ง ไม่ว่าจะเขาหรือพวกหนิวเอ้อก็มีอาการคล้ายกัน พวกเขาทราบเพียงว่าโลกนี้มีจักรพรรดิอยู่ แต่ไม่เคยพบจักรพรรดิคนดังกล่าว นับประสาอะไรกับการรับราชโองการ มันเป็นสิ่งห่างไกลตัวพวกเขาจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ชายหนุ่มมายังโลกแห่งนี้ แม้สงสัยว่าจักรพรรดิของโลกฝั่งนี้หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเส้นทางที่ต้องมาบรรจบกันเร็วถึงขนาดนี้มาก่อน
ทั้งยังไม่ใช่การพบโดยตรง แต่มีพระราชโองการมาถึง
“หนานเจี๋ยอู๋ฝานอยู่ที่ไหน ออกมารับพระราชโองการ!” เมื่อเห็นไม่มีใครตอบรับจึงตะโกนเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
อู๋ฝานที่ดึงสติกลับมาได้ เดินออกไปด้วยความสงสัยและระมัดระวัง
“ข้าคืออู๋ฝาน!” อู๋ฝานมายืนตรงหน้ากลุ่มทหารม้าพร้อมเอ่ยเสียงดังตอบรับ
ตอนนี้เองที่สายตาของทหารม้าทุกคู่จับจ้องมายังอู๋ฝาน