“ พี่สาวหวังเจียน้องสาวยุ่งอยู่หรือป่าว?” วังจ้วงยองกำลังเดินไปทั่วในพื้นที่ปฏิบัติการขณะที่เขากำลังขัดผิวไปด้วย เมื่อเขาเห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นๆรวมทั้งนางพยาบาลหวังกำลังนับเครื่องมือผ่าตัดในห้องเก็บของปลอดเชื้ออยู่ เขาก็ยิ้มและทักทายพวกเขาทุกคน
ตอนนี้นางพยาบาลหวังแต่งตัวอยู่ชุดผ่าตัดสีเขียวเข้ม เธอนั้นเต็มไปด้วยความโมโหทันที “ คุณเรียกใครว่า ‘พี่สาว‘?”
นักศึกษาฝึกอย่างวังจ้วงยองก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง “ ก็คุณไม่ใช่หรอที่โทรเรียกฉันขึ้นมา พี่สาวหวัง”
“ ฉันเป็นคนโทรเรียกอย่างงั้นหรอ” นางพยาบาลหวังมีท่าทีที่ไม่มั่นใจเท่าไรนักกับคำพูดของเธอ
วังจ้วงยองตอบอย่างมั่นใจว่า“ ครั้งสุดท้ายที่ฉันคุยกับพี่สาว ก็คือที่คุยผ่านโทรศัพท์ไง…”
“ แล้วพี่สาวมีน้องสาวหรือป่าวล่ะ? หรือว่าพี่สาวโทรผิด?” นางพยาบาลหวังหันหน้ามาด้วยความโมโห จากนั้นเธอพูดด้วยถ้อยคำที่หน้าหงุดหงิดว่า“ ตอนนี้จำนวนของในห้องมันไม่ครบ ฉันจะลองนับมันใหม่ดู สอง, สี่, หก, แปด…สิบสอง…”
“ ถ้าอย่างนั้นฉันจะปล่อยให้คุณทำงานไปแลฉันก็จะไปหาพี่สาวหวัง…”
นางพยาบาลหวังหันหน้าของเธอหนึ่งร้อยแปดสิบองศาเพื่อจ้องมองไปที่วังจ้วงยองอย่างน่ากลัว
“ พี่สาวหวัง …งั้นฉันไม่ยุ่งล่ะ…” วังจ้วงยอก โบกมืออย่างแข็ง
“ ดีมาก ” จากนั้นวังเจียใส่อุปกรณ์เข้าไปในเครื่องตรวจความสะอาดก่อนที่เธอจะหันหลังกลับเพื่อนับอุปกรณ์อีกครั้ง “ สองสี่หกแปด…สิบสี่…”
“ ขอโทษนะ…” วังจ้วงยองยืนอยู่ที่ที่ทางเข้าและถามว่า“ ทำไมคุณต้องทำความสะอาดห้องนี้ด้ว มันไม่มีใครมาใช้ห้องนี้ไม่ใช่หรอ? อีกทั้งทำไมคุณต้องทำความสะอาดห้องพักฟื้นและห้องผ่าตัดพร้อมกันอีกด้วย?”
“ สิบหกสิบแปดยี่สิบยี่สิบ นางพยาบาลหวังจึงนับอย่างรอบคอบก่อนที่เธอจะตอบว่า“ เพราะหมอหลิงจะกลับมาแล้ว ”
วังจ้วงย้องสามารถสัมผัสได้ถึงโทนที่นุ่มนวลของนางพยาบาลหวังที่มีต่อหมอหลิง
ในปกติแล้ว วังจ้วงยองในฐานะรูมเมทของหลิงรัน เขาเองคุ้นเคยกับท่าทีเช่นนี้เป็นปกติอยู่แล้ว
ในอดีตรายชื่อเพื่อนในวีแชท ของวังจ้วงย้องนั้นจะเต็มไปด้วยสาวๆหลายคนทั้งต่างสาขา และ ต่างชั้นปี เหตุผลหลักเป็นเพราะในบรรดารูมเมทของเขาทั้ง หลิงรันและเฉินวานห่าวนั้นรวยและดูดีดังนั้นสาว ๆที่อยากรู้เรื่องของทั้งสองก็จะเพิ่มเพื่อนกับวังจ้วงย้องในวีแชทเพื่อมาข้อมูลของทั้งสองไว้ก่อน
แต่อย่างไรก็วังจ้วงย้องเองก็มีวิธีจีบสาวอยู่เช่นกันนั้นคือการให้กล้วยไม้เป็นคนแทนการจีบซึ่งจะทำให้สาวๆที่ได้รับมันรู้สึกดี
อีกทั้งหน้าตาของวังจ้วงย้องก็ดูไม่เป็นอันตรายจึงเป็นสาเหตุให้เขาเป็นด้านแรกของสาวๆ ก่อนจะถึงรูมเมทของเขาทั้งสอง
อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นเรื่องยากมากที่วังจ้วงยองจะเข้าใจบรรยากาศในโรงพยาบาล ณ ตอนนนี้
วังจ้วงยองไม่เข้าใจและพูดว่า“ ถึงแม้หลิงรันจะกลับมาก็ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดขนาดนี้ไม่ใช่หรือยังไง? และก็ไม่ได้มีคำสั่งอะไรจากหัวหน้าพยาบาลไม่ใช่หรือยังไง”
“ นี่เป็นคำสั่งจากผู้อำนวยการฮวงโดยตรงตั้งหาก” นางพยาบาลยกคางเฉิดหน้าของเธออย่างภาคภูมิใจ
“ ทำไมถึงเป็นอย่างงั้น” วังจ้วงย้องตกใจมากในตอนนี้ สังคมที่นี้ซับซ้อนกว่าในมหาลัยเสียอีก แม้แต่ผู้อำนวยการฮวงเองก็ทำให้ซับซ้อนได้ …
“ หมอหลิงจะต้องทำการผ่าตัดหลังจากที่เขากลับมาและเขามักจะใช้ห้องผ่าตัดสองถึงสามห้องเมื่อเขาเริ่มทำการผ่าตัด ตามเวลานั้นห้องผ่าตัดที่เปิดดำเนินการจะใช้เวลาส่วนใหญ่และมันจะสายเกินไปที่เราจะทำความสะอาดห้องพักฟื้นให้แห้งไม่ให้มีความชื้นเหลืออยู่เลย และดูเหมือนว่าจำนวนผู้ป่วยในห้องพักฟื้นก็ลดลงบางแล้ว ผู้ป่วยที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยทั้งหมดของหมอหลิง เมื่อเขากลับมีกห้องพักฟื้นจะถูกครอบครองโดยเขาอีกครั้งอย่างแน่นอน”
นางพยาบาลหวังพูดเหมือนว่าเธอมีประสบการณ์มากมายกับเรื่องเหล่านี้ “ พักให้เต็มทีขณะที่คุณยังสามารถพักได้อยู่ ฉันจำได้ว่าผู้ป่วยฉุกเฉินจะเข้ามาอย่างมากมายในช่วงเวลาตีห้าเป็นต้นไป”
“ ตีห้า…” เมื่อได้ยินเช่นนั้นมันทำให้วังจ้วงยองจำได้ว่าหลิงรันเคยเข้าไปศึกษาศพในอาคารกายวิภาคศาสตร์ในมหาวิทยาลัยตอนเวลาตีสี่มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเชื่อคำพูดของเธอทันที ถึงกระนั้นเขาก็ยังสับสนเล็กน้อยและกล่าวว่า“ ห้องผ่าตัดปฏิบัติการเป็นของแผนกฉุกเฉินในขณะที่ห้องพักฟื้นจะต้องยืมจากแผนกศัลยกรรมมือ พวกเขาจะยินดีที่จะเปิดประตูตอนตีห้ให้กับหลิงรันหรอ”
“ หมอหลิงไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบใช้ห้องพักฟื้นตอนตีห้า ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของแผนกศัลยกรรมมือผู้อำนวยการฝ่ายจินชอบใช้ห้องพักฟื้นตอนตีห้าเช่นกัน เขาเคยเปิดห้องการฟื้นฟูแบบพิเศษสำหรับผู้ป่วยโดยเริ่มเวลาตอน 5:30 น. และสิ้นสุดเวลา 6:30 น. นางพยาบาลหวังกัดริมฝีปากแล้วบอกว่า“ แผนกศัลยกรรมมือต้องการให้หมอทำการผ่าตัดและดูการพักฟื้นของผู้ป่วยก่อนออกเดินทางไปอบรม หากแพทย์มีการประชุมเวลาเก้าโมงเช้าเขาจะต้องไปที่ห้องพักฟื้นตอนตีห้า ”
เมื่อนางพยาบาลหวังพูดถึงเรื่องนี้ทำให้พยาบาลที่กำลังนั่งนับจำนวนอุปกรณ์อยู่หันมาสนใจ พยาบาลคนหนึ่งปรบมือและหัวเราะ “ หัวหน้าแพทย์คนนั้นที่มีนามสกุลเบ้า เป็นคนหัวล้านและเคยเดินวอร์ดรอบตอนตีห้า อยู่มาวันหนึ่งเขาเดินไปคู่สามีภรรยาที่มีกำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เขาตกตะลึงอย่างขณะที่ออกไปยืนรออยู่นอกห้องเป็นเวลาสิบนาที ”
“ ใช่แล้วใช่ฉันจำได้แล้ว เขาชอบทำการผ่าตัดตลอดทั้งคืนก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่แผนกผู้ป่วย เขาอ้างว่ามันเงียบและสงบในช่วงเวลานั้น แต่เขาหยุดทำยังงั้นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ”
วังจ้วงยองรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเขาฟังข่าวซุบซิบ จากนั้นเขาก็ถามว่า“หรือว่าเพราะเขาโดนร้องเรียนจากคู่สามีภรรยาที่กำลังโจ๊ะครึมๆกันอยู่ !!”
“ ไม่นะฉันคิดว่าเป็นเพราะเขาหัวโล้นตั้งหากล่ะ ฉันได้ยินมาว่านายจะหัวโล้นถ้านายนอนดึกติดต่อกันเป็นเวลานาน” พยาบาลนีอูพูดและโบกมือของเธอด้วยท่าทางไม่ชอบใจ จากนั้นเธอกล่าวเสริมว่า“ เขาเป็นหัวหน้าแพทย์ที่น่ารังเกลียดมากและนายจะจำเขาได้ๆแน่ถ้านายพบเขา จะจำไม่มีวันลืมเลยล่ะ ”
วังจ้วงยองแตะที่หัวของเขาและเขารู้สึกว่าผมของเขาเริ่มร่วงลงมาด้านล่าง
หลิงรันขึ้นรถหลังจากที่เขาลงจากเครื่องบิน และเขาพาหมอลู่ติดรถมาด้วย
“ ไม่ต้องห่วงนะฉันมีเงินพอที่จะให้เราสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้” หลิงรันตบกระเป๋าของเขาและอธิบายให้หมอผู้ซึ่งพร้อมที่จะขึ้นรถบัสกลับบ้านแล้ว
หมอลู่ต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาลังเล เขาเข้าไปในรถหลังจากเห็นลิงรันเข้ามา
แท็กซี่คนแรกส่งหลิงรันกลับบ้านต่อหน้าหมอลู่
หลิงรันจ่ายค่าโดยสารก่อนที่เขาจะลงรถ
นักวิชาการจู้ตงอี้ใจดีมากจน เขาจ่ายเงินให้หลิงรันตามจำนวนการผ่าตัดซึ่งเป็นเงิน 31,550 หยวน เขาจ่ายเงินให้หลิงรันเป็นเงินสดมากพอที่จะจัดแบ่งเป็นสามกอง มันดูน่าเกรงขามมาก ในทางตรงกันข้ามหมอลู่ได้เพียงรับ 5,000 หยวนกับค่าผ่าตัดซึ่งได้น้อยกว่าที่เขาผ่าตัดอยู่ในหยุนหัว
อีกทั้งหลิงรันไม่ได้แบ่งส่วนแบ่งใดๆให้เขา เขาพูดกับหมอลู่ก่อนที่เขาจะลงจากรถว่า “ หากคุณมีเวลานะ เราค่อยหาการผ่าตัดเพิ่มกันที่หลัง ”
หลิงรันนั้นไม่ใช้หมออาวุโส การพูดของเขาจึงตรงๆไม่มีนัยอะไรอยู่ในคำพูด เขาพูดคำเหล่านี้เพราะเขาได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดที่มากขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
คราวนี้ในเซี่ยงไฮ้แผนของจู้ตงยี้ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเขาทำการผ่าตัดให้กับหลิวเหว่ย, หลิงรันจะต้องพยายามใช้ทักษะที่ดีที่สุดในการจัดการการผ่าตัดในครั้งนั้น แต่เมื่อหลิงรันใช้การผ่าตัดกับซู่ฟาง ทักษะของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาก
เหตุผลเบื้องหลังนั้นเป็นเพียงเพราะหลิงรันมีประสบการณ์จากการผ่าตัดของหลิวเหว่ยเพิ่มขึ้นเท่านั้น
การผ่าตัดของหลิวเหว่ยนั้นช่วยพัฒนาทักษะของหลิงงรันค่อนข้างมาก หากไม่ใช่เพื่อหลิวเหว่ยนักวิชาการจู้ตงยี้คงไม่พยายามทำให้ดีที่สุดในการออกแบบแผนและยังทำการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมการผ่าตัดเช่นนี้แน่ๆ
หากไม่มีการวิเคราะห์และการดำเนินการจริง หลิงรั จะไม่สามารถคิดทักษะใหม่ที่เขาต้องการเมื่อเขาทำการซู่ฟางได้เลย
อีกทั้งหลิงรันได้ทำการผ่าตัดนักกีฬาอีกสามคนที่เหลือโดยใช้แผนเพิ่มความแข็งแกร่งที่มาจากทักษะของเขา
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากผ่าตัดห้าครั้งถ้ามีเคสคล้ายกับหลิวเหว่ยอีกคนหลิงรันอาจเพิ่มการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้หนึ่งถึงสองเปอร์เซ็นต์ได้เลย
นี่เป็นเพราะธรรมชาติที่ซับซ้อนของแผน มันเพียงพอที่จะทำให้หลิงรันรู้สึกว่าการพัฒนาทักษะของเขาชัดเจนขึ้น หากเป็นเพียงการผ่าตัดเอ็นร้อยหวายที่ฉีกขาดธรรมดา หลิงรันอาจจะไม่สามารถได้รับประสบการณ์มากมาย
อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปการผ่าตัดด้วยตนเองนั้นจะได้รับคะแนนค่าประสบการณ์อยู่แล้ว ยิ่งระดับทักษะที่จำเป็นสำหรับการผ่าตัดสูงเท่าไรการคุณภาพของการผ่าตัดของศัลยแพทย์ก็จะสูงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับศัลยแพทย์ที่จะต้องได้รับประสบการณ์มากขึ้นอีกด้วย
สำหรับแพทย์ประจำเช่น หมอลู่หากเขาเป็นผู้ช่วยในการผ่าตัดหนึ่งถึงสองร้อยครั้งคุณภาพของทักษะของเขาก็อาจเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
หมอลู่จำได้ว่าเขาได้ทำงานร่วมกับหลิงรันในการทำผ่าตัดหลายครั้งและเมื่อได้ยินว่าหลิงรันบอกถึงจำนวนการผ่าตัดของเขา เขาก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า“ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากกมายที่อยู่กับคุณ…ในอนาคตฉันจะนั่งรถแท๊กซี่ไปทำงานทุกวันเหมือนที่คุณนั่งมาในวันนี้ ”
“ ก็ดีเช่นกัน หากคุณยังไม่รวยคุณควรทำการผ่าตัดมากกว่านี้ ” หลิงรัน ยืนอยู่ซอยหน้าบ้านเขา เขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นและเขาคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่หมอลู่เคยช่วยเขา
หมอลู่จับมือของตัวเองแน่น เขาพยายามต่อต้านไม่ให้เขากดข้อความแสดงคำขอบคุณหลิงรันผ่านมือถือของเขา
วันถัดไป…
หลิงรันนอนหลับจนถึงเจ็ดโมงเช้า เขาตื่นขึ้นมารดน้ำต้นไม้แล้วไปตลาดเพื่อซื้ออาหารทะเลและเครื่องปรุงอื่นๆ เขาปรุงโจ๊กทะเลหนึ่งหม้อก่อนที่พ่อแม่ของเขาจะตื่น
หลิงโจวเหยียดหลังซึ่งเป็นท่าทางที่เขาไม่คุ้นเคย จากนั้นเขาตะโกนด้วยความประหลาดใจในห้องของเขา“ หลิงรันกลับมาแล้วเหรอ?”
“ ฉันส่งข้อความถึงพ่อเมื่อวานนี้” หลิงรันตอบผ่านประตู
จากนั้นหลิงโจวตอบว่า“ โอ้พ่อลืมไปหมดเลย เมื่อคืนพ่อนอนเร็ว”
“ ผมทำอาหารเช้าให้พ่อกับแม่อยู่” หลิงรันกล่าว
“ อาแต่พ่ออยากนอนต่อมากกว่า ” หลิงโจวหยุดครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามว่า“ ลูกทำอะไรเป็นด้วยหรอ?”
“ โจ๊กทะเล แลผมก็ยังซื้อแพนเค้กทอดจากมุมถนนรวมทั้งเนื้อวัวปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองมาด้วย ”
“ พ่อเข้าใจแล้ว…ลูกใส่อะไรลงไปในโจ๊กบ้าง”
“ หอย, กุ้ง, ซี่โครงหมู, ปลากะพง, เห็ดชิตาเกะ, และขึ้นฉ่าย…”
“ และก็ต้มสามนาทีนะ” หลิงเจี่ยโจวตอบอย่างมั่นใจ
หลิงรันกลับไปที่ชั้นล่างและเปิดไฟเพื่อต้มจโจ๊ก เมื่อมันกำลังจะเดือดเขาเห็นพ่อของเขาหลิงโจว
“ ลูกไม่ได้ใส่ปูใช่ไหม?” หลิงโจว สวมรองเท้าแตะของเขาไว้ เขาเปิดฝาหม้อโจ๊กทะเลขึ้นมา เขาดมแล้วพยักหน้าแล้วพูดว่า“ กลิ่นมันหอมจริงๆ ในที่สุดลูกก็เข้าใจวิธีการทำโจ๊กทะเล ดีมากเลยลูกจะไมอดตายในอนาคตแล้ว ”
หลิงรันเสิร์ฟชามข้าวต้มสองใบและพูดว่า“ เช้านี้ไม่มีปูเลย ”
“ โจ๊กทะเลที่ไม่มีปูนั้นอยู่นั้นได้ห้าดาวในการจัดอันดับอาหาร มันไม่ใช่อาหารจานหรู…” หลิงโจวฟังดูไม่พอใจมาก เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเตาปิงเดินลงบันได เขาเสิร์ฟโจ๊กทะเลหนึ่งชามให้เธอทันทีและตะโกนว่า“ ที่รักโจ๊กทะเลของฉันพร้อมแล้ว มาและกินมันอย่างรวดเร็ว ”
หลิงโจวหันไปรอบ ๆ แล้วตบหัวตัวเอง เขากล่าวว่า“ ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าลูกหลิงจำได้หรือเปล่าว่าพ่อนัดกับเพื่อนบ้านไว้ตอนเช้าหรือตอนเย็นกัน”
“ ในตอนเช้าผมคิดว่านะ” หลิงรันกินข้าวต้มที่เขาปรุงอย่างเงียบ ๆ
“แล้วลูกไม่รีบไปโรงพยาบาลเหรอ?”
“ ผมจะไปตอนบ่าย หลังจากที่เขาตอบพ่อของเขาหลิงรันหันไปพูดกับเตาปิงที่เดินมาหาเขาว่า“ แม่ครับผมอยากกินแดดเดียวนึ่งในไวน์ ”
“ แน่นอน เตาปิงรวบกระโปรงของเธอแล้วนั่งลง เธอยิ้มเบา ๆ “ ให้พ่อของลูกซื้อเนื้อสัตว์ในตลาดมานะวันหลัง ”
คิ้วของหลิงโจวกระตุก “ มันจะใช้เวลาสองวันในการทำหมูนึ่งเกลือในไวน์ดังนั้นลูกจะไม่ได้ในกินมันในวันพรุ่งนี้หรอก ”
“ ผมอาจะทำงานล่วงเวลาในโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ ผมจะกินมันวันหลังล่ะกัน” หลิงรานพูด
“ จากนั้นเราจะกำหนดวันที่เราต้องการกินมันเป็นอาหารจานแรก – วันมะรืนนี้ไหม เพราะทานข้าวร้านข้างนอกสู้ฝีมิการทำอาหารของฉันไม่ได้หรอก” เตาปิงพูดตัดบท
“ มันไม่อร่อยเท่ากับเราทำเองหรอก”หลิงรัน ตอบ จากนั้นเขาก้มศีรษะลงเพื่อกินโจ๊กทะเลต่อไป
* Slurp, slurp … *