บทที่ 255 จอหงวนเดินขบวน

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 255 จอหงวนเดินขบวน
การสอบหน้าพระที่นั่งในปีนี้เรียกได้ว่าสะเทือนทั้งวงการ เรื่องน่าตกใจอย่างแรกคือ อันจวิ้นอ๋องชวดที่หนึ่งของจอหงวน ถัดมาคือหลานของราชเลขาหยวนสอบไม่ติดสามอันดับแรกเสียอย่างนั้น

กลับกลายเป็นว่า เซียวลิ่วหลังและหนิงจื้อหย่วนเป็นม้ามืดของการสอบครั้งนี้ เรียกได้ว่าผู้เข้าสอบคนอื่นแทบจะเทียบไม่ติดฝุ่น

ตัวเต็งที่หลายๆ คนมองไว้คืออันจวิ้นอ๋อง หยวนอวี่ รวมถึงหวังเยวียนบุตรจากตระกูลสูงศักดิ์แห่งเจียงหนาน โดยอันจวิ้นอ๋องจะได้เป็นจอหงวน หยวนอวี่ได้เป็นปั้งเหยี่ยน และหวังเยวียนได้เป็นทั่นฮวา

แต่ผลที่ออกกลับผิดคาด

ที่ผ่านมาคะแนนของเซียวลิ่วหลังและหนิงจื้อหย่วนค่อนข้างเสถียรมาโดยตลอด โดยเฉพาะเซียวลิ่วหลัง แม้เขาจะไม่ได้ที่หนึ่งในการสอบระดับสำนัก แต่การสอบครั้งอื่นๆ เขาทำได้ดีและอยู่ในอันดับต้นทุกครั้ง ฉะนั้นการที่เขาจะได้จอหงวนก็เป็นเรื่องที่สมควร เพียงแต่อันจวิ้นอ๋องมีชื่อเสียงมากกว่าเขา อีกทั้งยังเป็นผู้เข้าสอบที่ทำได้ดีมาโดยตลอด

ใครจะไปนึกเล่าว่าอันจวิ้นอ๋องจะพ่ายให้แก่เซียวลิ่วหลัง

ตระกูลจวงผู้คงแก่เรียน ใครจะไปคิดเล่าว่าอยู่มาวันหนึ่งจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ

เช่นนั้นแล้ว พวกตระกูลจวงมองว่าอยู่นิ่งๆ รอให้เรื่องเงียบไปเองจะดีกว่า

บัณฑิตที่สอบได้กลุ่มจิ้นซื่อจี๋ตี้สามอันดับแรก จอหงวน ปั้งเหยี่ยน ทั่นฮวา เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของการสอบหน้าพระที่นั่ง

ส่วนกลุ่มรองลงมาคือจิ้นซื่อชูเซิน มีจำนวนทั้งหมดเจ็ดสิบสองคน

ส่วนอีกหนึ่งหนึ่งร้อยสามสิบห้าคนที่เหลือถูกจัดอยู่ในถงจิ้นซื่อชูเซิน

ตู้รั่วหานพอใจเป็นอย่างมากที่ครั้งนี้เขาสอบได้ที่สิบสาม พัฒนาจากครั้งก่อนขึ้นมาสองอันดับ

ส่วนเฝิงหลิน ครั้งก่อนที่สอบฮุ่ยซื่อเขาอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหก ตอนนั้นเขาแทบไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่แล้ว พอมาสอบหน้าพระที่นั่งครั้งนี้ ด้วยความที่เขากดดันและตื่นเต้นมากเกินไปเลยทำออกมาได้ไม่ดีนัก ผลคือเขาสอบได้ลำดับที่สองร้อย

แม้จะเตรียมใจมาเผื่อแล้วก็ตาม แต่เอาเข้าจริงก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย

ส่วนหลินเฉิงเย่ก่อนหน้านี้เขาสอบฮุ่ยซื่อได้ลำดับที่หนึ่งร้อยยี่สิบสาม พอมาครั้งนี้ ลำดับของเขาขึ้นมาอยู่ที่เก้าสิบเก้า

หลินเฉิงเย่พอใจกับผลสอบของเขามาก แม้เขาไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ แต่เขาสามารถพาตัวเองไปถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ ต้องขอบคุณความพากเพียรของเขาและคำแนะนำของเซียวลิ่วหลัง เดิมที่พ่อของเขาคาดหวังไว้แค่ให้หลินเฉิงเย่สอบถึงระดับจวี่เหรินก็เพียงพอ แต่ไปๆ มาๆ เขากลับทำผลลัพธ์ได้ออกมาเหนือความคาดหมาย แม้การสอบครั้งนี้เขาจะได้เป็นถงจิ้นซื่อก็ตาม แต่อย่างน้อยหลินเฉิงเย่ก็ทำพ่อของเขาหน้าบานได้สามวันสามคืนเลยทีเดียว

ตัวเขาเองก็หน้าบานไม่แพ้กัน เพราะว่าเขาไม่ต้องสืบทอดมรดกของตระกูลแล้ว

โดยฮ่องเต้จะเป็นผู้ประกาศสามอันดับแรก ส่วนอันดับที่เหลือจะถูกประกาศโดยโฆษกประจำราชสำนัก พอประกาศเสร็จสิ้น โฆษกวังจะนำผู้ที่ได้สามอันดับแรกเดินขึ้นไปที่หน้าพระที่นั่งเพื่อทำพิธีรับมอบ

คนที่ทำหน้าที่รับมอบคือผู้ที่ได้เป็นจอหงวน ส่วนอีกสองคนจะต้องยืนอยู่ด้านหลังเพื่อทำความเคารพ

จุดที่ทั้งสามคนจะต้องประจำอยู่ต้องเป็นไปตามพิธีรีตอง คนที่ได้เป็นจอหงวนจะได้ยืนอยู่บริเวณตรงกลางและเยื้องมาด้านหน้าเล็กน้อย โดนจะต้องหยุดยืนอยู่บนรูปปั้นเต่ามังกรที่ตั้งอยู่ตรงกลางหน้าแผ่นหินราชดำเนินแผ่นแรก

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรที่ใบหน้าเซียวลิ่วหลังเป็นเวลานานสองนาน ขณะที่เซียวลิ่วหลังหลุบตาลงและปล่อยให้ฮ่องเต้ยลโฉมของตัวเองอยู่อย่างนั้น

“ฝ่าบาท” เว่ยกงกงเอ่ยทัก

ฮ่องเต้เอ่ยอืมรับทราบ พลางละสายตาออก แล้วยื่นเกียรติบัตรให้แก่โฆษก จากนั้นโฆษกก็ยื่นให้เซียวลิ่วหลัง

หลังจากที่ได้รับเกียรติบัตรมาแล้ว เซียวลิ่วหลังเป็นคนนำจิ้นซื่ออีกสองคนในการถวายความเคารพเพื่อแสดงความขอบคุณ

พิธีการสำคัญหลังการสอบหน้าพระที่นั่งคือการให้จอหงวนเดินขบวนไปตามท้องถนน โดยเหล่าจิ้นซื่อทั้งหมดต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบที่ออกโดยราชสำนัก ภายใต้การนำของจอหงวนคนใหม่ พวกเขาเดินขบวนไปตามถนนของจักรวรรดิของนครหลวงเพื่อรับคำอวยพรจากประชาชน

โดยอาภรณ์ของผู้ที่ได้เป็นจอหงวน ถูกเรียกว่าชุดจูจิ่น หรือที่รู้จักในชื่อเฟยหลัวจิ่น ซึ่งเป็นชุดสีแดง และเป็นคนเดียวที่จะได้ใส่ชุดสีนี้

ส่วนปั้งเหยี่ยนและทั่นฮวาจะได้ชุดสีเขียวคราม และจิ้นซื่อคนอื่นๆ จะอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้ม

ฮ่องเต้ได้ประทานปิ่นดอกไม้ให้เซียวลิ่วหลังและอีกสองคน จากนั้นพวกเขาจึงนำปิ่นดอกไม้พระราชทานนั้นมาติดไว้ที่หมวกของพวกเขา ด้วยความที่เซียวลิ่วหลังเป็นหนุ่มรูปหล่อ แม้จะมีปิ่นดอกไม้ติดที่หัวก็แทบไม่มีกลิ่นอายของความเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่นิด กลับกัน ปิ่นดอกไม้นั้นยิ่งทำให้เขาดูภูมิฐานและสดใสมากขึ้นด้วยซ้ำ

ขณะที่รูปลักษณ์ของหนิงจื้อหย่วนที่ดูแคระแกร็นและดำคล้ำ พอเพิ่มปิ่นดอกไม้เข้าไปกลับยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาหมองลงกว่าเดิมไร้ซึ่งความสง่าราศีแบบที่ทั่นฮวาควรจะเป็น

ขบวนเริ่มขึ้นโดยมีองครักษ์หลวงคอยนำแถว ตามมาด้วยขุนนางฝ่ายพิธีที่คอยรัวกลองเป็นจังหวะ

เซียวลิ่วหลังในชุดยาวสีแดงสดสะดุดตานั่งอยู่บนอานม้าเป็นผู้เดินนำขบวนจิ้นซื่อกว่าสองร้อยคน พวกเขาได้รับเสียงปรบมือจากประชาชนที่มาคอยต้อนรับพวกเขาอย่างเนืองแน่น

เขากลับมายังเมืองหลวงแห่งนี้อีกครั้ง และเขาถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว

เพราะบัดนี้ เขาอยู่ท่ามกลางแสงและสายตาของผู้คน

แม้เหล่าราชองครักษ์ได้เตรียมการปิดถนนไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของผู้คนได้ เหล่าทหารจึงจำเป็นต้องใช้ร่างของพวกเขาเป็นเกราะกั้นฝูงชน

แม้จะกันคนได้ แต่มิอาจกันข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในมือของพวกเขาได้

เดิมผู้คนปักธงไว้ที่อันจวิ้นอ๋องตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าจอหงวนคนใหม่จะหล่อเหลาราวเทพบุตรเช่นนี้! แน่ใจใช่ไหมว่าเขาเป็นคน มิใช่เทพจากสวรรค์ลงมาท่องเที่ยวบนโลก งามอะไรเช่นนี้

“ท่านจอหงวน! เห็นข้าหรือไม่!”

“ท่านจอหงวน! มองมาทางนี้ได้ไหม!”

เหล่าหญิงสาวผู้กล้าหาญพยายามกันร้องตะโกนสุดเสียง

แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่ออันจวิ้นอ๋องดังขึ้น แต่เสียงที่ว่านั่นกลับฟังดูพิลึกชอบกล

ถ้าให้ตะโกนเรียกท่านจอหงวน ท่านทั่นฮวา ดูเหมือนจะยังพอคล่องปากอยู่บ้าง แต่พอเป็นคำว่าปั้งเหยี่ยน…พวกเขารู้สึกกระดากปากพิลึก

เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนเรียกท่านปั้งเหยี่ยน แต่เหมือนจะไม่ทันระวัง คำที่พูดออกไปเลยไปใกล้เคียงกับคำว่า “ท่านตาขาว” อันจวิ้นอ๋องพอได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหน้าเขียว!

ส่วนเฝิงหลินที่ตอนแรกดูจะไม่ค่อยมีความสุขกับผลที่ได้เท่าใดนัก แต่พอได้มาอยู่ในขบวน พอได้ยินเสียงร้องตะโกนและปรบมือจากผู้คนเขาก็เริ่มมีไฟขึ้นมาอีกครั้ง

ในเมื่อคนทั้งเมืองต่างยกโขยงกันมาแสดงความยินให้พวกเขาขนาดนี้ จะสอบได้ที่เท่าไหร่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป คุ้มแล้วความพยายามที่ผ่านมา

แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีถุงหอมปริศนาลอยกระแทกเข้ามาบริเวณหน้าอกของเฝิงหลินเต็มเปา

ปฏิกิริยาแรกของเฝิงหลินคือตกใจ ก่อนจะหยิบถุงหอมขึ้นมาแล้วหันไปทางที่มันลอยมา

“บนนี้ บนนี้ๆ !”

หญิงสาวในผ้าคลุมยืนโบกมือให้เขา

ใบหน้าของเฝิงหลินเริ่มแดงระเรื่อ

นี่เป็นครั้งแรกที่มีหญิงสาวมอบของให้เขา

เรียนหนังสือนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง

ด้วยความที่จอหงวนคนใหม่และอันจวิ้นอ๋องได้รับความนิยมหนักมาก เหล่าหญิงสาวจึงเริ่มเพ่งเล็งไปที่จิ้นซื่อคนอื่นๆ เฝิงหลินเองก็ได้รับของมาไม่น้อย ใบหน้าของเขาแดงจนเหมือนกับสีของก้นลิง จนสาวๆ ต่างพากันหัวเราะให้กับอาการของเขา

อันจวิ้นอ๋องได้รับถุงหอมมาจำนวนมาก แม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจรับ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะโยนทิ้งเสียทีเดียว

“ถ้าเจ้าไม่เอาล่ะก็ ยกให้ข้าได้นะ” หนิงจื้อหย่วนเอ่ยพลางหยิบถุงหอมขึ้นมา “ของพวกนี้ถูกเย็บปักมาอย่างดี สามารถขายได้ราคาไม่น้อยเชียวล่ะ”

อันจวิ้นอ๋อง “…”

เซียวหลิวหลังได้รับถุงหอมมากที่สุด แต่เขาไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่นิด เขาโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดี เขาคงใบหน้าที่เย็นชาตลอดเวลา ซึ่งทำให้หัวใจของสาวๆ แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ!

จอหงวนคนนี้ดูท่าจะจีบยากจริงๆ !

แต่ตามประเพณีแล้ว เหล่าหญิงสาวทั้งหลายก็แค่มาร่วมงานและแสดงความยินดีไปตามระเบียบเท่านั้น ไม่มีใครคิดเกินเลยจริงๆ จังๆ อยู่แล้ว

และในตอนนี้ หัวใจของเซียวลิ่วหลังเริ่มไม่เป็นสุข

มีหญิงสาวมากหน้าหลายตามาดูเขา แต่ทำไมนางกลับไม่มากันนะ

แต่ก็นะ เพราะเขาเป็นคนบอกนางไว้เองว่าไม่ต้องรอเขา แล้วอย่างไร นางก็เลยไม่มาจริงๆ เสียอย่างนั้น

และก็เป็นความผิดเขาเองที่ไม่ได้บอกว่าจะมีขบวนเดินรอบเมืองหลังจากที่ประกาศผล

นั่นสินะ เขาผิดเอง

อีกทั้งนางไม่ใช่คนที่นี่ คงไม่รู้ประเพณีอะไรแบบนี้ด้วย

ไม่แปลกที่นางจะไม่มา

แล้วถ้าเกิด นางมาจริงๆ เล่า

จะลองเงยหน้าดูหน่อยไหม

ไม่ดีกว่า

แม้สมองของเขาจะสั่งว่าอย่าเงยหน้ามอง แต่ร่างกายกลับไม่ฟัง สองมือของเขากำบังเหียนแน่น จากนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วทอดสายตาไปยังสองข้างทาง จากนั้นค่อยมองขึ้นไปทางระเบียงของตึกรามบ้านช่องต่างๆ

“ท่านจอหงวนมองข้าแล้ว! เขามองข้าด้วย!”

“ไม่จริง! เขามองข้าต่างหาก”

“ข้าต่างหาก!”

“ท่านจอหงวน”

แค่เขาเงยหน้าขึ้นมาชำเลืองเล็กน้อยกลับทำให้เกิดความโกลาหลที่น่าสะพรึงกลัวขนาดว่าองครักษ์เองก็เอาไม่อยู่ พอเห็นเช่นนี้ เซียวลิ่วหลังก็ยิ่งรู้สึกกลัวและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก

นี่นางไม่มาจริงๆ รึ

น่าขำชะมัด นี่เขารู้สึกผิดหวังหรือนี่

ฟุ่บ!

จู่ๆ ก็มีถุงหอมตกลงมาที่เขาอีกครั้ง เขาไม่ได้ดูด้วยซ้ำ แต่ขณะที่เขากำลังจะโยนมันทิ้ง กลับรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติเมื่อได้หยิบสัมผัสถุงหอมถุงล่าสุดนี้

เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะชำเลืองถุงหอมที่อยู่ในมือ รอยเย็บที่เป็นระเบียบนี้ แต่เผยให้เห็นตะเข็บอยู่ด้านนอก

เขารู้สึกตะลึงจนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองต้นทางของถุงหอมอย่างอดไม่ได้ ซึ่งเป็นระเบียงของร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง

เซียวลิ่วหลังดึงบังเหียนแน่นเพื่อที่จะหยุดม้า

ไม่มีจิ้นซื่อคนไหนเดินนำหน้าเขาอยู่แล้ว

พอเขาหยุดลง คนที่เดินตามมาด้านหลังจึงต้องจำหยุดไปด้วย

เหล่าทหาร และคนอื่นๆ ที่อยู่บนถนนเส้นนั้นต้องพากันหยุดเดิน

เซียวลิ่วหลังถือถุงหอมไว้ในมือ พลางมองขึ้นไปที่หญิงสาวที่นั่งอยู่บนร้านน้ำชา

หญิงสาวในชุดสีเขียวคราม หุ่นเพรียว คิ้วสวย ปานสีแดงที่ใบหน้าซ้ายของเธอเหมือนเมฆบนท้องฟ้า และมันก็เหมือนกับกลีบของดอกไห่ถังที่ร่วงหล่นในสายลม และมันสัมผัสหัวใจของผู้คน

กู้เจียวนั่งเอนกายที่ข้างหน้าต่าง แล้วยิ้มให้เขา

อารมณ์ของเซียวหลิวหลางดีขึ้นทันใด เขาคลี่ยิ้มออกมา สายตาอันเย็นชาก่อนหน้าก็ละลายหายไป

เมื่อเขายิ้มออกมา ก็เหมือนน้ำแข็งและหิมะละลายหายไป ราวกับทุกอย่างฟื้นคืน ราวกับแสงที่สาดส่องยามเช้า!

อยากหยุดเวลานี้ไว้เหลือเกิน

อย่าว่าแต่สาวๆ เลย แม้แต่หนุ่มๆ พอเจอรอยยิ้มของเซียวลิ่วหลังเข้าไปก็ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าท่านจอหงวนได้รับถุงหอมนี้ไว้แล้วแขวนไว้ที่เข็มขัดของเขา

เหล่าหญิงสาวพากันอิจฉาตาร้อน!

ไม่ใช่ว่าท่านปฏิเสธถุงหอมมาตลอดทางหรอกหรือ ไฉนถึงรับไว้เสียอย่างนั้น!

แล้วท่านจะยิ้มทำไม ท่านยิ้มไม่ได้นะ!

เมื่อสาวๆ คิดว่าเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหมดหวัง บางสิ่งที่สิ้นหวังกว่าก็เกิดขึ้น

ท่านจอหงวนคนใหม่คว้าปิ่นดอกไม้ออกมาจากหมวกของเขา

ผู้คนต่างพากันตกตะลึง พลางคิด ไม่หรอกมั้ง คงไม่ได้จะเอาปิ่นนี้มอบให้นางหรอกนะ

ไม่ได้นะ! ไม่ได้เด็ดขาด!