บทที่ 254.2 ผ่านเข้ารอบ (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 254 ผ่านเข้ารอบ (2)
“เหอะ เจ้าคิดว่าแบบนี้เขาก็สามารถได้อันดับหนึ่งแล้วรึ” ราชครูจวงอ่านข้อสอบของเซียวลิ่วหลังแล้ว บอกตรงๆ ว่าทำได้ไม่เลวจริงๆ

แต่ไม่บังเอิญเลย คำถามครานี้อันจวิ้นอ๋องได้สอบถามฮ่องเต้แคว้นเฉินตอนอยู่ที่แคว้นเฉินมาก่อน ตอนนั้นอันจวิ้นอ๋องไม่ได้รู้หรอกว่าการสอบขุนนางจะถามคำถามนี้ เขาแค่ได้ยินฮ่องเต้แคว้นเฉินพูดถึงหลักการปกครองแผ่นดินขึ้นมาก็เท่านั้น

เซียวลิ่วหลังเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถขนานแท้ เขามีความเฉียบแหลมทางด้านวรรณคดีงดงามโดดเด่น ลึกซึ้งและชัดแจ้ง ใช้การอ้างอิงที่ยอดเยี่ยม ทำให้คนเชื่อถือและศรัทธา ทว่าอย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่นักปกครองที่แท้จริง ในเรื่องการปกครองเขาไม่มีประสบการณ์เท่าฮ่องเต้แห่งแคว้น

ดังนั้นจึงเหมือนที่เอกอัครราชทูตพูดไม่ผิด ข้อสอบสองฉบับนี้กินกันไม่ลง ข้อสอบของหนิงจื้อหย่วนผู้มีความสามารถแห่งเจียงหนานกับหยวนอวี่หลานชายสายตรงของราชเลขาหยวนก็โดดเด่นมากจริงๆ

ต่อให้ฝ่าบาทไม่ส่งเสริมตระกูลจวง ก็จะไม่สนับสนุนราชเลขาหยวนเหมือนกันรึ ราชเลขาหยวนเป็นขุนนางเก่าแก่สามราชวงศ์เชียวนะ

ราชครูจวงแค่นเสียงเย็นออกมา “เจ้าอย่าดีใจเร็วเกินไปหน่อยเลย จอหงวนยังไม่ได้กำหนดให้เจ้าเด็กนั่นครอบครองเลย!”

เซวียนผิงโหวสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ฟัง ไม่ฟัง ตะพาบสวดมนต์”

ราชครูจวง “…!!”

เจ้าน่ะสิตะพาบ!

นี่มันคนอะไรกันนี่!

ราชครูจวงอยู่ต่อนานไม่ได้แล้ว หากอยู่ต่อไปเขาได้อายุสั้นแน่

ราชครูจวงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป!

เซวียนผิงโหวหันไปหยักยกมุมปากให้ “ค่อยๆ เดินล่ะ ไม่ส่ง”

ในห้องหนังสือยามนี้ฮ่องเต้กำลังลังเลสามอันดับแรกอยู่ ราชครูจวงจงรักภักดีต่อฮ่องเต้มานานหลายปี จึงเข้าอกเข้าใจฮ่องเต้เป็นอย่างดี มองจากความลึกซึ้งของบทความแล้ว ข้อสอบของอันจวิ้นอ๋องดึงดูดให้น่าขบคิดให้ลึกซึ้งที่สุด ทว่าดูจากอรรถรสสำนวนภาษาและสถานการณ์ของผู้เข้าสอบคนหนึ่ง เซียวลิ่วหลังถูกใจฮ่องเต้ยิ่งกว่า แต่หนิงจื้อหย่วนกับหยวนอวี่ก็ไม่เลวเช่นกัน

ในบรรดาสี่คนนี้ คนที่อายุน้อยที่สุดคือเซียวลิ่วหลัง ปีนี้สิบแปด อันจวิ้นอ๋องสิบเก้า หยวนอวี่ยี่สิบห้า หนิงจื้อหย่วนอายุมากสุด สามสิบ

ส่วนเรื่องภูมิหลัง หนิงจื้อหย่วนกับเซียวลิ่วหลังมาจากบ้านที่มีฐานะยากจน ส่วนอันจวิ้นอ๋องกับหยวนอวี่มาจากตระกูลสูงส่ง

อ้อ จริงสิ เซียวลิ่วหลังคือเป๋น้อยคนนั้นใช่หรือไม่

ฮ่องเต้นึกถึงไม้เท้าด้ามนั้นที่ตัวเองเห็นก็ขมวดคิ้วมุ่น

ผู้เข้าสอบทั่วทั้งเมืองหลวงและครอบครัวต่างเริ่มนับวันรอคอยผลสอบกันอย่างยาวนาน แม้ว่าทุกคนจะเป็นจิ้นซื่อกันแล้ว อย่างแย่ที่สุดก็เป็นถงจิ้นซื่อ แต่ก็ไม่มีใครอยากไปเป็นถงจิ้นซื่อกันสักคน

การจุดธูปที่วัดผู่จี้คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ว่ากันว่าล้วนเป็นผู้เข้าสอบมากราบไหว้กันทั้งสิ้น

คนทั้งครอบครัวในตรอกปี้สุ่ยทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ละคนนั่งกันไม่ติด

หญิงชราไม่แอบกินผลไม้เชื่อมแล้ว ไพ่กระดาษก็ไม่เล่นแล้ว วันๆ เอาแต่ชี้นิ้วสั่งจี้จิ่วอาวุโสให้ซื้อเนื้อเสียบไม้ อันที่จริงคือสืบข่าวคราว

หลายวันมานี้แม่นางเหยาก็ไม่ทำขนมแล้วเช่นกัน พอฟ้าสางก็จะไปเดินเล่นพูดคุยกับเพื่อนบ้าน แต่ความจริงแล้วก็รอข่าวคราวเช่นกัน

หมู่นี้เสี่ยวจิ้งคงตั้งอกตั้งใจเล่าเรียนเป็นอย่างมาก เขาเอาแต่ห่วงพี่เขยนิสัยไม่ดีว่าจะสอบไม่ติด แบบนั้นที่บ้านก็ต้องพึ่งพาอาศัยเขาแล้ว

พอเขาโตขึ้นแล้ว เขาจะสอบจอหงวนกลับมาให้เจียวเจียว!

วันประกาศผลคือวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนสี่ เพราะอันดับจิ้นซื่อเขียนบนกระดาษเหลือง ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่าป้ายทอง

พวกก้งซื่อไม่สามารถรอแจ้งที่บ้านได้ ต้องเข้าวังไปรับการแต่งตั้ง พอพวกเขาแต่งตั้งเสร็จจึงค่อยประกาศอันดับในศาลาว่าการแต่ละแห่งและสำนักจัดสอบของเมืองหลวง

ยามห้ากู้เจียวกับเซียวลิ่วหลังก็ตื่น ทั้งคู่กินข้าวเช้ากันง่ายๆ แล้วกู้เจียวก็มาส่งเซียวลิ่วหลังขึ้นรถม้าของหลิวเฉวียน

“ยังเช้าเกินกว่าจะประกาศ เจ้าไม่ต้องรอหรอก” เซียวลิ่วหลังบอกกู้เจียว

“อืม ได้” กู้เจียวพยักหน้า

เซียวลิ่วหลังปล่อยม่านลง คิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงเลิกขึ้นอีกครั้ง

กู้เจียวมองเขา “มีอะไรรึ”

เซียวลิ่วหลังอยากจะเอ่ยแต่ก็ไม่เอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก ยังเช้าอยู่เลย เจ้ากลับไปนอนสักงีบดีกว่า”

กู้เจียวแย้มยิ้ม “ได้”

เซียวลิ่วหลังมองนางแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยม่านลง นั่งรถม้าไปถึงวังหลวง

พวกก้งซื่อมาถึงกันพอสมควรแล้ว เฝิงหลินกับหลินเฉิงเยี่ยและตู้รั่วหานก็อยู่กันหมด

เฝิงหลินไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะตื่นเต้นในการสอบระดับวังเกินไปหรือไม่ กลับไปจึงล้มป่วย โชคดีที่มีหลินเฉิงเยี่ยกับผู้ดูแลโจวคอยดูแลเขา จึงทำให้เขาฝืนจากการป่วยมาได้

ได้ยินว่าในอดีตมีคนล้มป่วยลุกไม่ได้ ถึงขั้นเสียชีวิตเลย ดังนั้นหนทางการสอบขุนนางเส้นนี้จึงไม่ได้เดินง่ายนัก

เฝิงหลินดีขึ้นจากการป่วยหนักบ้างแล้ว สีหน้ายังคงซีดขาว

พวกเขาทักทายกันสองสามประโยค จู่ๆ ด้านหลังฝูงชนก็เกิดการเคลื่อนไหว จากนั้นก็เห็นอันจวิ้นอ๋องเดินมาโดยมีพวกคนรับใช้พยุงไว้

“เอ๋” ตู้รั่วหานถลึงตาโตมองอย่างแปลกใจ “เหตุใดขาเขาจึงเป๋ได้เล่า”

เซียวลิ่วหลังก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เขามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง บังเอิญอันจวิ้นอ๋องก็กำลังมองเขาอยู่พอดี สายตาสบกันเข้า เซียวลิ่วหลังสัมผัสได้ถึงความเย็นชาในแววตาของอันจวิ้นอ๋องได้จางๆ อย่างชัดเจน

เซียวลิ่วหลังไม่เข้าใจ และไม่ใส่ใจด้วย

แค่คนไม่สำคัญคนหนึ่งเท่านั้น เขาชอบตนหรือว่าเกลียดตนแล้วมันสำคัญตรงไหนกัน

คนทั้งกลุ่มยังคงเข้าตำหนักไท่เหอตามเลขที่สอบ โต๊ะและเบาะนั่งในการสอบถูกเก็บไปหมดแล้ว ตัวตำหนักจึงกว้างขวางสว่างไสว บรรยากาศเรียบง่าย และเพราะฮ่องเต้ ราชครูจวง ราชเลขาหยวนและพวกขุนนางเสนาบดีอยู่ด้วยจึงทำให้ดูเป็นทางการและเคร่งขรึมเป็นพิเศษ

ทุกคนโขกศีรษะคำนับฮ่องเต้ตามการนำของขุนนางพิธีการ จากนั้นเว่ยกงกงก็ส่งสมุดรายชื่อให้ฮ่องเต้

ผู้เข้าสอบทุกคนยืนห่างจากฮ่องเต้ราวๆ หนึ่งจั้ง อันที่จริงก็ค่อนข้างไกลพอควร มีคนใจกล้าอยากจะดูโฉมหน้าของฮ่องเต้ ทว่ายังไม่ทันเงยหน้าขึ้นมาก็ถูกความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ข่มขวัญจนหายใจไม่ออก

ฮ่องเต้ไม่ชอบการพิธีรีตอง จึงเริ่มประกาศสามอันดับแรกเลยทันที

“หนิงจื้อหย่วนผู้เข้าสอบจากเมืองก้งโจวเหยา จิ้นซื่ออันดับสามขั้นหนึ่งรัชศกเกิงอู่เดือนสี่”

หนิงจื้อหย่วนนิ่งอึ้ง พวกผู้เข้าสอบต่างตกใจ นะ นะ นะ นี่ นี่คือโฉมหน้าของทั่นฮวา รึ

“อะแฮ่ม!” ขันทีที่อยู่ด้านข้างส่งสายตาให้หนิงจื้อหย่วนที่กำลังตกตะลึงอึ้ง

หนิงจื้อหย่วนได้สติอย่างรวดเร็ว เขาเบี่ยงกายออกจากแถว สาวเท้าไปตรงหน้าฮ่องเต้ แล้วหยุดอยู่ในที่ที่กำหนด เลิกชายชุดคลุมขึ้นโขกศีรษะคำนับตามธรรมเนียมขนานใหญ่ สะอื้นเอ่ยสะอื้นว่า “กระหม่อม หนิงจื้อหย่วน คำนับขอบพระทัยฝ่าบาท! ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

ฮ่องเต้ให้เขายืดตัวขึ้น แล้วอ่านต่อ “จิ้นซื่ออันดับสองขั้นหนึ่งของรัชศกเกิงอู่เดือนสี่ จวงอวี้เหิง”

ทุกคนหันพรวดไปที่อันจวิ้นอ๋อง

อันจวิ้นอ๋องเป็นปั่งเหยี่ยน อย่างนั้นรึ

เหนือความคาดหมายนิดหน่อย

อันจวิ้นอ๋องเกิดความผิดหวังขึ้นในใจ เขาลากขาที่บาดเจ็บเดินไปตรงเบื้องพระพักตร์ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่บ้างอิจฉาบ้างตกใจ แล้วคุกเข่าโขกศีรษะคำนับให้ขนานใหญ่เช่นกัน “กระหม่อม จวงอวี้เหิง คำนับขอบพระทัยฝ่าบาท! ขอฝ่าบาท…ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

ฮ่องเต้เหลือบมองอันจวิ้นอ๋องโดยไม่ได้ตรัสอะไร

จากนั้นก็จะเป็นจอหงวนแล้ว

สายตาฮ่องเต้ตกอยู่บนร่างหยวนอวี่หลานชายสายตรงของราชเลขาหยวนครู่หนึ่ง แล้วเปิดสมุดรายชื่ออ่านต่อ “จิ้นซื่ออันดับหนึ่งขั้นหนึ่งของรัชศกเกิงอู่เดือนสี่ เซียวลิ่วหลัง!”