บทที่ 320 เวที

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 320 : เวที

“งานเลี้ยง?”

แคโรไลน์นึกออกทันทีว่าในทุกปี จี้ป๋อหนง ผู้บริหารบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์คนปัจจุบันจะจัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ A16 ในทุกปี

จากนั้นเธอก็รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก และไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไร

หรือเจ้าของร้านหลินจะออกจากร้านเพื่อไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของจี้ป๋อหยง?

นี่…มันเป็นไปได้เหรอ?

แคโรไลน์ย่อมไม่เชื่อโดยสัญชาตญาณ เพราะถึงบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะเป็นที่รู้จักดีในหมู่คนทั่วไปและเป็นองค์กรการค้าผูกขาดยักษ์ใหญ่ แต่ในสายตาของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว โดยเฉพาะองค์กรใหญ่อย่างสมาคมแห่งสัจธรรมและหอพิธีกรรมต้องห้าม มันก็เป็นแค่เครื่องมือที่ใช้ทำเงินอย่างเดียว…

ในแง่ของตำแหน่ง กระทั่งหอการค้าแอชที่ควบคุมโดยดรูอิดยังมีอิทธิพลในการเจรจา เผชิญหน้า และร่วมมือกับองค์กรใหญ่ ๆ ข้างต้นมากกว่าพวกเขาเลย

เช่นเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับหน่วยข่าวกรองก็มาจากการสนับสนุนของหอการค้าแอช โจเซฟจึงต้องไว้หน้าพวกเขาอยู่พอตัว

แต่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์เป็นเครื่องมือขุดเหมืองอย่างแท้จริง แม้ว่าจริง ๆ พวกเขาจะทำเงินได้มากกว่าหอการค้าแอช แต่เงินเหล่านั้นก็เป็นของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ลงทุนไป การเอาเงินลงทุนกลับมาต่อรองธุรกิจกับเจ้าของเงินดูไม่น่าขำแย่เหรอ?

พูดตรง ๆ ก็คือ ถึงจี้ป๋อหนงจะดูมีหน้ามีตาและมีชื่อเสียง แต่เขาก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของผู้มีอำนาจที่แท้จริงในเขตกลาง ทั้งจากสมาคมแห่งสัจธรรมและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงอย่างสภาผู้อาวุโสของหอพิธีกรรมต้องห้ามเท่านั้น

ตัวจี้ป๋อหนงเองเป็นเพียงคนธรรมดา และนี่คือเวรกรรมที่ใหญ่ที่สุดของเขา

ตัวจี้ป๋อหนงและบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่มีวันได้มีจุดยืนขึ้นมาในเวทีของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้คือเจตนาที่วงการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจัดสรรไว้อย่างจงใจ สิ่งที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ถือครองสำคัญมากเกินไป หากพวกเขาปกครองโดยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะเกิดความทะเยอทะยานจนนำไปสู่การก่อกบฏได้

แต่หากเจ้าของเป็นแค่คนธรรมดาไร้พลังล่ะ? นั่นก็จะเท่ากับว่า ถึงเขาจะคิดต่อต้าน แต่ก็เปลี่ยนความคิดเป็นการกระทำไม่ได้

ทว่าครั้งนี้ ดูเหมือนพวกระดับสูงจะตัดสินใจผิดพลาด

ในขณะที่สงครามอันยืดเยื้อนี้ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จะแอบย่องขึ้นบ้านของพวกเขาอย่างลับ ๆ และยังทำสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย…

เมื่อแคโรไลน์คิดมาถึงจุดนี้ หัวใจของเธอก็สั่นคลอนอย่างคุมไม่ได้ และความคิดของเธอก็ไม่มั่นคงอีกต่อไป

จากมุมมองทั่วไปที่เราวิเคราะห์เมื่อครู่ จี้ป๋อหนงดูจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เจ้าของร้านหลินขยับตัวเลย แต่นั่นก็คือ…จากมุมมองทั่วไป

แต่ในขอบเขตคำว่าปกติของเจ้าของร้านหลินล่ะ? คงไม่ใช่แบบนั้นแน่

ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นตัวแปรใหญ่ที่สุดในปัจจุบันด้วย

ชายหนุ่มไม่ใช่ที่มาของความชั่วร้าย ที่จริงแล้วเขาไล่ตามความสุขของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้เขาเกิดอยากจะดูละครที่คนธรรมดาล้มระบบผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมา และจี้ป๋อหนงก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย!

แคโรไลน์เบิกตากว้าง ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจแนวความคิดของเจ้าของร้านหลินแล้ว

เมื่อผนวกเรื่องเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ความเป็นไปได้ที่ไร้สาระนี้ก็ขยายตัวขึ้นอย่างไร้สิ้นสุดทันที!

ร่างของเธอสั่นสะท้าน เธอมองลูกน้องที่มารายงานแล้วพูดอย่างกระสับกระส่าย “พูดต่อสิ! หน่วยข่าวกรองส่งข้อมูลและตัวแปรอื่น ๆ มาอีกไหม?”

ลูกน้องคนนั้นพยักหน้าแล้วตอบว่า “ก่อนหน้านี้ครู่หนึ่ง ลูกสาวของจี้ป๋อหนง จี้จือซู่นำกระเป๋าหนังใบหนึ่งเข้าไปในร้านหนังสือ จากการสังเกตการณ์ของหน่วยข่าวกรอง ความผันผวนอีเธอร์ที่จับได้ก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่หลังจากนั้นเขาก็พบว่ามีความผันผวนแปลก ๆ เกิดขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะกลับเป็นปกติ เขาเลยไม่สนใจแต่ทำบันทึกไว้ครับ”

แคโรไลย์ถาม “กระเป๋าใบนั้นมีปัญหาอะไรไหม?”

ลูกน้องตอบว่า “เป็นไปได้สูงครับ พวกเราคิดว่ามีความเป็นไปได้มากว่าจี้จือซู่จะส่งคำขอร้องถึงเจ้าของร้านหนังสือด้วยวิธีการนี้ครับ”

“ต่อมาก็คือ ครั้งนี้จี้จือซู่ไม่ได้ใช้วิธีเดินมาร้านหนังสืออย่างเคย แต่ใช้วิธีขับรถมา และตอนนั้นคนขับรถของเธอก็ตามเข้าไปในร้านหนังสือด้วยครับ เมื่อครู่เราเรียกดูฐานข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่พบเลยว่ามีคนขับรถคนนี้อยู่ในบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ด้วย”

“ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าคนขับรถคนนั้นจะเป็นจี้ป๋อหนงมาเองครับ”

แคโรไลน์ฟังแล้วก็รับเอกสารที่เหลือมาเปิดดูอย่างรวดเร็ว ความคิดของเธอไหลเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

เป็นอย่างนี้นี่เอง! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!

เรื่องทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว…

แคโรไลน์ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

จี้จือซู่เคยไปหาเจ้าของร้านหลินมาก่อน และไวลด์กับโจเซฟก็เผชิญหน้ากันเพราะไวลด์ต้องซ่อมการ์กอยล์ที่เขาให้เจ้าของร้านหลินไว้ ทำให้เกิดการเปิดศึกกันตามมา

นี่สามารถสรุปได้หรือไม่ว่า เจ้าของร้านหลินยอมรับคำขอแล้วเร่งให้เกิดข้อพิพาทขึ้น?

แต่หลายวันก่อนหน้านั้น รองประธานสมาคมแห่งสัจธรรมแอนดรูว์ก็เคยมาเพื่อขอโทษ แล้วจากนั้นก็ไป ๆ มา ๆ ร้านหนังสืออยู่หลายครั้งด้วย

นี่หรือเปล่าที่เป็นเหตุผลการปฏิเสธความช่วยเหลือของสมาคมแห่งสัจธรรมต่อหอพิธีกรรมต้องห้าม?

ถ้าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นการปะทุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของสงครามนี้ก็อยู่ในการคำนวณของเจ้าของร้านหลินด้วย

บางทีเรื่องทั้งหมดนี้อาจเป็นไปเพื่อหักเหความสนใจของหอพิธีกรรมต้องห้าม สมาคมแห่งสัจธรรม และผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงคนอื่น ๆ ให้ไปสนใจศึกการตัดสินระหว่างไวลด์และโจเซฟ และเพราะเหตุนั้นจึงไม่มีใครมาสนใจเรื่องอื่นที่เกิดขึ้นอีกฝั่ง

ส่วนงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ A16 ก็เป็นเวทีสำหรับคนธรรมดา…ที่ใช้สร้างความประทับใจของเขาอย่างสูงสุด

“นี่มัน โธ่… หน่วยโลจิสติกส์ที่รับผิดชอบเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของร้านหนังสือล่ะ? ยังไม่ตอบอีกเหรอ?”

แคโรไลน์นวดขมับของเธอแล้วถอนหายใจยาว สถานการณ์แบบนี้ เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ?

บุคคลใต้บัญชาของเธอรายงานทันที “เขาตอบครับ…เพิ่งตอบเลย แต่ว่า…”

แคโรไลน์กระวนกระวายขึ้นมาทันที หัวใจเด้งขึ้นมาจ่อคอ “เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้รายงานลังเล แล้วจึงพูดว่า “โธมัส คนที่อยู่เวรวันนี้อาจมีความผิดปกติด้านจิตใจครับ ตอนแรกเขาบอกว่าเจ้าของร้านหนังสือหายตัวไป แล้วเขาก็เริ่มพูดจาไร้สาระ เขาหัวเราะแล้วบอกว่ากำแพงคือประตู เงาคือนรก ผู้ศรัทธาแอบมองหมู่ดาว เห็นสิ่งที่ตายไปแล้ว อะไรคือจักรวาล และอื่น ๆ ครับ”

แคโรไลน์ได้ยินดังนั้นแล้วก็โบกมืออย่างโล่งใจ “เรื่องปกติ หลังจากพาเขากลับมาก็ให้ยาสร่างสติของพวกนักล่าซะ แค่นั้นก็จะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

เธอให้ลูกน้องของเธอเปลี่ยนไปจับตามองรอบ ๆ บริเวณคฤหาสน์ A16 แทน และแน่นอนว่ามีผู้รายงานเข้ามาว่าพบเจ้าของร้านหลิน ซึ่งนั่นยืนยันการคาดเดาของเธอเอง

ถ้านี่เป็นแผนการของเจ้าของร้านหลินจริง ๆ แล้วใครจะไปหยุดมันได้ล่ะ?

ต่อให้มีคนออกมาหยุดมัน เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของร้านหลินตรง ๆ ไหม? แล้วใครจะไปรับมือกับเขาได้?

ในเมื่อป้องกันไม่ได้ พวกเธอก็ทำได้เพียงหยุดและภาวนาให้เจ้าของร้านหนังสือเอาแต่ใจคนนี้ดูละครต่อไปโดยสวัสดิภาพ…

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวแบ่งความสนใจยไปที่อื่นเลย…ที่อีกด้าน ภัยคุกคามของนิกายกลืนศพก็ใกล้เข้ามา แถมศึกระหว่างคนระดับภัยพิบัติสองคนก็ใกล้ระเบิดออกในเมืองนอร์ซินอยู่รอมร่อ

แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ตัวการใหญ่กลับไปงานเลี้ยงคนธรรมดาหน้าตาเฉย

ต้องพูดว่าเป็นไปตามนิสัยเจ้าของร้านหลินจริง ๆ

ในขณะเดียวกัน ที่สมาคมแห่งสัจธรรม

แอนดรูว์ส่งนักวิชาการที่เข้ามารายงานคำขอจากหอพิธีกรรมต้องห้ามกลับออกไปพร้อมคำตอบ จากนั้นก็พูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “การรบกวนงานเลี้ยงของพระเจ้ามันเกินขอบเขตของคุณไปจริง ๆ นะ โจเซฟ คุณต้องชดใช้สำหรับมลทินนี้อย่างสาสมเลยล่ะ”