บทที่ 315 การปรากฏตัวของราชครูใหญ่

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 315 การปรากฏตัวของราชครูใหญ่

พูดจบก็ตายไปด้วยความรัก

หลานเยาเยาไม่ได้หยุดรั้งไว้อีก และจ้องไปยังฉากตรงหน้าด้วยความงุนงง ความเจ็บปวดในใจเหมือนมีดทิ่มราวกับว่ายามที่ฮ่องเต้ได้ปิดตาลงนั้น ก็ค่อย ๆจางหายไป

จากนั้นนางก็มองเห็นดวงดาวนับหมื่นที่ร่วงตกลงมา ภูเขาทลายแผ่นดินนแตกออก ทั้งผืนแผ่นดินตกอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง

แต่เดิมคิดว่าภาพลวงตาจะจบลงที่นี่

แต่!

ต่อจากนั้น นางก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนของชีวิตบนโลก การเติบโตอย่างต่อเนื่องของต้นบุพเพ เสื้อผ้าของนางเปลี่ยนไปตามความเปลี่ยนแปลงผันผวนนั้นอย่างต่อเนื่อง

ความรู้สึกนั้นราวกับว่า นางเป็นคนที่ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ยาวนานมาก เมื่อมองลงไปยังการสลับเปลี่ยนระหว่างกลางวันและกลางคืนบนผืนแผ่นดิน และการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ในไม่ช้า ภาพเหล่านั้นก็หยุดลง

ในคืนข้างแรม……

ผู้หญิงในชุดขาวสวมผ้าคลุมหน้าสีขาว โอบกอดจิ่วเซียวหวงเพ่ย กำลังเข้ามาประจันหน้า

ผู้หญิงที่ไร้ซึ่งลมหายใจอย่างมนุษย์ที่มีชีวิต ได้ดึงดูดความสนใจของหลานเยาเยาในทันที

หลังจากเพียงได้เห็นผู้หญิงในชุดขาวเดินมายังเบื้องหน้าของนาง ผ่านทะลุร่างของนางไป และลอยตรงขึ้นไปบนต้นบุพเพ ท้ายที่สุดก็เหมือนกับนาง พิงกายกับต้นบุพเพ และเริ่มบรรเลงจิ่วเซียวหวงเพ่ย

เสียงของพิณที่นุ่มนวลและหม่นหมองเคล้าอยู่ด้วยกัน

คนที่เดินตามผู้หญิงในชุดขาวอย่างเงียบ ๆ ก็เริ่มฆ่ากันในทันที

เสียงของพิณนี้ที่เกิดขึ้นก่อนภาพลวงตาจะปรากฏออกมา เป็นเสียงที่จิ่วเซียวหวงเพ่ยบรรเลงออกมาเอง

ในขณะนี้ นางดูเหมือนจะเห็นผู้หญิงในชุดขาวยิ้มให้นางอย่างแผ่วเบา

หลานเยาเยาลอยขึ้นไปยังต้นบุพเพด้วยตนเองอย่างช่วยไม่ได้……

หลังจากลอยขึ้นไปยังต้นบุพเพ นางและผู้หญิงในชุดขาวก็เหมือนแม้เหล็กสองอัน ถูกดึงดูดเข้าหากัน และซ้อนทับกัน

“ตึง ตึง ตึง ตึง ……”

เสียงของพิณยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงของการต่อสู้ยังคงดังไม่หยุดหย่อน

ภาพลวงตาได้หายไปแล้ว

เพียงแต่ภาพลวงตาของนางนั้นเกิดขึ้นเพียงไม่นาน ผู้อื่นยังคงดื่มด่ำอยู่กับมันโดยถอดถอนตนเองออกมาไม่ได้

เมื่อคนที่เหลือทั้งหมดต่อสู้กันจนตาแดง หลานเยาเยาหยุดบรรเลง จิ่วเซียวหวงเพ่ยก็หยุดบรรเลงเสียงพิณด้วยตนเองไปด้วย

หลังจากเสียงของพิณหยุดลง

คนที่ยังไม่ตายได้ฟื้นมีสติขึ้นมา พวกเขาจึงได้พบว่า คนที่ฆ่ากันจนตาแดงนั้น ก็ฆ่ากันได้แม้แต่คนของตนเอง

แต่ละคนเต็มไปด้วยสายตาที่หวาดผวา จ้องมองไปยัง เทพธิดาที่ยังคงนั่งอยู่บนต้นบุพเพ

มันช่างน่ากลัวเกินไป!

เดิมที เทพธิดาสามารถใช้เสียงพิณฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย

เอ่อ……

ล้วนแต่มองมาที่ข้าทำไมกัน

อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ภาพลวงตาที่ข้าสร้างขึ้น เรื่องนี้ข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ

ทันใดนั้น

หลานเยาเยาเงยหน้ามองไปยังป่าใบเมเปิ้ล สายตาก็หรี่ลงเล็กน้อย เจตนาของการฆ่าก็ได้หายไป

“ซ้วด ซ้วด ซ้วด……”

มีเพียงไม่กี่คนที่ต่อสู้จนถึงที่สุด ภายใต้ความหวาดกลัวไม่มีวิธีใดจะถอนตนเองออกมาได้ ได้ถูกอาวุธลับของอุปสรรคที่ฝ่าฟันแทงผ่านทะลุหัวใจ จากนั้นก็ล้มลงถึงแก่ชีวิต

“ซา ซา ซา ……”

เงาร่างเหล่านั้นมาพร้อมกับลมหายใจอันหนาวเหน็บ จากนั้นจึงล่องลอยไปยังร่างที่ไร้ชีวิต

ดูเหมือนว่าพวกเขารังเกียจร่างที่ไร้ชีวิตเหล่านี้ ต่างพูดจาดูถูกเหยียดหยามทีละคน

หนึ่งในนั้นยังโบกมือขึ้นโดยตรง ทำการกวาดซากศพออกไปไกล ๆ

เอ๊ะ!

ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว

หลายวันมานี้ไม่ได้มีความพยายามลงมือลอบสังหารนางอีกต่อไปแล้ว บางทีอาจจะกำลังรอวันนี้สินะ

การสู้รบนัดแรกของพวกเขาเหล่านี้คงมาถึงแล้ว

เดาได้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังคงอยู่ไม่ไกลแล้วใช่ไหม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สวมเสื้อคลุมในคืนนั้น เขาจะมาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

เป็นไปดั่งที่คาดไว้!

มีเพียงไม่กี่คนนั้นที่ทำความสะอาดซากศพ จัดการกวาดเก็บสถานที่ ก็เพื่อสำหรับให้คนสำคัญออกโรง

ในไม่ช้า!

ทันใดนั้นความกดดันอันทรงพลังได้กดลงมา ทันใดนั้นหลานเยาเยาก็ถูกกดจนเริ่มหายใจไม่ออก

เดิมทีนางไม่เห็นด้วยซ้ำว่า คนชราผมขาวที่สวมเสื้อคลุมคนนั้นมาจากทิศทางไหน และไม่กะพริบตา

แต่…….

คนชราในชุดคลุมปรากฏตัวต่อหน้าลูกน้องของเขา และจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา

หลายเยาเยาหรี่ตาลงอย่างช่วยไม่ได้!

การบีบบังคับกดดันของเขาแข็งแกร่งมากเกินไป

“เทพธิดา ไม่พบกันนานสบายดีไหม! แฮะ ๆ ๆ……” ความมืดครึ้มน่าสะพรึงกลัวได้ดังขึ้นมา

“เจ้าก็สบายดีไหม ราชครูใหญ่!”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป

ราชครูใหญ่ก็สะดุ้งเล็กน้อย ก็หรี่สายตาลงทันที

ไม่นึกเลยว่านางจะรู้จักสถานะของเขา

“เจ้าฉลาดมาก”

“ฉลาดงั้นหรือ ไม่ฉลาดหรอก ข้าโง่จะตายไป เพียงแต่ไม่รู้ว่า ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าว่าราชครูราชวงศ์ก่อนหรือ ราชครูเทียนเวิง”

ในราชวงศ์ก่อนหน้านี้

ราชครูราชวงศ์ก่อนชื่อว่าอะไร ในหนังสือไม่ได้มีการบันทึกไว้

แต่!

ในตอนนี้ประเทศก่วงส้า เขาใช้ชื่อว่าโจ้จ้านเทียนเวิง ดังนั้นหลายคนจึงเรียกเขาว่าราชครูเทียนเวิง

เมื่อเสียงของนางพูดออกไป

ก็ได้เห็นราชครูเทียนเวิงที่เดิมทีทำตาหรี่อยู่นั้น ตอนนี้ได้หรี่มากขึ้นกว่าเดิม

ต่อจากนั้น

เขาแอบรวบรวมกำลังภายในขึ้นมาอย่างลับ ๆ และหลังจากลืมตาขึ้นเล็กน้อย กำลังภายในของเขาก็ทำให้เกิดลมแรงพัดเข้าหาหลานเยาเยา

หลานเยาเยารู้มานานแล้วว่าราชครูเทียนเวิงไม่สามารถระงับความหงุดหงิดไว้ได้ ดังนั้นก่อนที่จะมีลมพัดแรง จึงได้กระโดดจากกิ่งไม้ด้านนี้ไปยังกิ่งไม้อีกด้านหนึ่งแล้ว

“ข้าจะบอกให้นะท่านราชครูใหญ่ เจ้าก็แก่จนผมหงอกแล้ว อายุก็มากแล้ว

ยังมีอุปสรรคอะไรที่ยังไม่เคยพบเจออีกหรือ ถึงได้ไม่สามารถรับแรงกระตุ้นเล็กน้อยได้

หากให้เจ้าได้สมดั่งฝันและได้รับยาสำหรับชะลอวัย ไม่อย่างนั้นก็คงจะเอาแผ่นดินทั้งแผ่นดินเก็บใส่กระเป๋าใช่ไหม

จากนั้นใครกล้าที่จะอยู่เหนือเจ้า เจ้าก็จะฆ่าคนนั้น”

แม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของราชครูเทียนเวิงจะไม่สามารถจะคาดเดาได้ แต่นางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตามคนเราก็ย่อมมีจุดอ่อน

และนางก็รู้ถึงจุดอ่อนของเขา——กลัวตาย

ใช่แล้ว ก็แค่กลัวตาย

บ่อยครั้งที่เป็นเช่นนี้ คนที่ยิ่งยืนอยู่ที่สูง ก็จะกำลังก็จะมาก อำนาจยิ่งใหญ่เท่าไรกลัวที่สุดก็คือความตาย

นอกจากนี้!

ราชครูเทียนเวิงยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่ราชวงศ์ก่อนถึงปัจจุบัน บวกกับบันทึกในหนังสือ เขาต้องมีอายุอย่างน้อยเก้าสิบกว่าปี

สำหรับชีวิตที่ยืนยาวเช่นนี้ของเขา

ก็ไม่มีทางหนีชะตากรรมในยามชราไปได้อย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้นทำไมเขาจึงไม่เอาแผ่นดินทั้งแผ่นดินเข้าตัวเองก่อน และใช้พละกำลังทั้งชีวิตในการตามหา สิ่งที่อาจจะไม่มีอยู่เลยอย่างยาแห่งความหนุ่มสาว

จากมุมมองของพวกเขา

นางเป็นเพียงผู้เดียวที่มีแนวโน้มว่าจะค้นพบยาแห่งความหนุ่มสาว

ดังนั้น!

นางไม่สามารถตายได้

อีกทั้งยังสำคัญมากด้วย

แม้ว่าจะไม่สามารถตายได้ แต่มีบางคนที่ต้องการควบคุมนาง จึงคิดบีบบังคับให้นางอยู่ในความเชื่อฟัง จึงจะต้องคิดหาวิธีการทรมานต่างๆอย่างแน่นอน

ดังนั้น!

นางไม่สามารถจะให้คนอื่นทำตามอำเภอใจได้

เนื่องจากไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา อย่างนั้นไม่ต้องลงมือดีกว่า ไม่จำเป็นต้องทารุณใช่ไหม

เป็นอย่างที่คิด!

หลังจากได้ยินคำพูดของเขา

ราชครูเทียนเวิงไม่ได้โจมตีนางอีก แต่กลับจ้องมองไปยังตัวนาง สำรวจอยู่เป็นเวลานาน

ท้ายที่สุด

พูดอย่างน่าขนลุก “สมกับที่เป็นเทพธิดา เจ้ารู้ความลับของพิณกู่ฉินจื่อหลิง จริงๆ บอกความลับออกมา ข้าก็อาจไว้ชีวิตเจ้าได้”

น้ำเสียงที่แก่ชรา ราวกับออกมาจากนรก กำลังร้องเรียกความตายอยู่ตลอดเวลา

“ความลับก็ส่วนความลับ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ายาแห่งความหนุ่มสาวอยู่ที่ใด

เจ้าก็ควรจะรู้ไว้ด้วย ข้าเพิ่งจะมาที่นี่ ยังไม่ทันจะพบสาเหตุอะไร และแล้วฝ่ายนักฆ่าก็มา จากนั้นพวกท่านก็มา”

นี่เป็นคำพูดที่สมเหตุสมผล

อีกทั้งหลานเยาเยากล้าที่จะแน่ใจ ราชครูเทียนเวิงต้องคอยแอบสังเกตอยู่นานแล้ว

ดังนั้น!

คำพูดที่นางพูดไปตอนนี้ เขาคงจะไม่สงสัยเป็นแน่

“อย่างนั้นก็คงต้องรบกวนเทพธิดาช่วยตรวจสอบเดี๋ยวนี้”

ปากกล่าวว่าขอรบกวน

แต่น้ำเสียงที่ออกมาล้วนแต่เป็นวาจาออกคำสั่งทั้งสิ้น

ราวกับว่านางเป็นนักโทษของเขาอยู่แล้ว และนางจำเป็นจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา

ฮึ!

นางไม่มีทางยอมให้ใครมาจูงจมูก

“ตกลง!”

พูดจบ หลานเยาเยาก็ทำการค้นหา ทั้งด้านบนและล่างของต้นบุพเพอยู่เป็นเวลานาน แน่นอนในระหว่างนั้นก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้เห็น