บทที่ 314 เสียงของพิณที่บรรเลงเอง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 314 เสียงของพิณที่บรรเลงเอง

หมายความว่าอย่างไร

อยากรู้ยังไม่ง่ายอีกหรือ เหอะ รออีกเดี๋ยวก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ

เป็นไปตามที่นางคาดหวังจริง ๆ

ไม่นานหลังจากที่คำพูดของนางได้เอื้อนเอ่ยออกไป ก็ได้ยินเสียงใบไม้ที่อยู่ในป่าเมเปิ้ลรูปวงแหวนดังกรอบแกรบ และค่อย ๆมองเห็นศีรษะของผู้คนเป็นจำนวนมาก

ในไม่ช้า!

กลุ่มคนอื่น ๆอีกหลายคนที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด ก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว

พวกเขาไม่ยอมด้อยกว่าคนอื่น จึงต้องการที่จะเอาใจเทพธิดา

ถึงอย่างไร ความลับที่เทพธิดารู้ บางทีเจ้านายของพวกเขาอาจจะใช้ทักษะและกำลังทั้งชีวิตก็ไม่มีทางรู้ได้

“เทพธิดา เจ้านายข้ามีสมบัติอยู่มากมาย และมีบรรดาแขกมากมายมาเยือนจวน ดังนั้นจึงสามารถปกป้องเทพธิดาได้อย่างแน่นอน” คนกลุ่มหนึ่งในนั้นก้าวเข้ามาเพื่อเอาใจ

“อะไรกัน เจ้านายของพวกเจ้าเป็นแค่ครอบครัวเล็กๆ คิดว่าพอมีเงินนิดหน่อย ร่ำรวยมากพอที่จะเลี้ยงแขกแล้วหรือ

ต่อหน้าเจ้านายของพวกข้า แม้แต่นิ้วเท้าก็ยังจะดีกว่า รีบไสหัวไป มิฉะนั้น จะทำให้พวกเจ้าตายกลายเป็นวิญญาณที่อยู่ใต้ดาบนี้”

คนอีกกลุ่มหนึ่งก็มาดูถูกพวกเข้าโดยตรง ถึงกับใช้วิธีการข่มขู่

“อย่าพูดมากเกินไป คนเถื่อนกลุ่มหนึ่ง ยังจะกล้ามาโวยวายถึงที่นี่ ช่างทำให้เจ้านายของพวกเจ้าขายขี้หน้าจริง ๆเลย” คนกลุ่มนั้นก็ไม่ยอมที่จะน้อยหน้า

“พูดอะไรนะ ใครทำให้คนต้องขายหน้า ทั้งหมดนี้ไม่ต้องพูดมากแสดงออกมาเลยดีกว่า ดูซิว่าใครจะมีความสามารถมากกว่ากัน”

“ได้! เข้ามาเลย กลัวว่าเจ้าจะไม่ทำไม่ได้”

“พี่น้องเชิญ!”

คนทั้งสองกลุ่มก็ทะเลาะกันอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนชุดดำกลุ่มแรกสุดที่ปรากฏตัวออกมาก่อนหน้านี้ต้องตกตะลึง

พวกเขาถูกเมินเฉยไม่ได้รับความสนใจ หรือไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลยตั้งแต่แรก

อย่างนั้นตอนนี้พวกเขาก็สามารถจะเจรจาความร่วมมือกับเทพธิดาต่อไปได้ใช่หรือไม่

ชายชุดดำร่างใหญ่โตหันไปมองร่างของเทพธิดาที่ยืนอยู่บนต้นบุพเพ

แต่กลับพบว่า……

เดิมทีเทพธิดานางไม่ได้ดูตื่นเต้นคึกคักนัก แต่กลับกำลังโอบพิณกู่ฉินจื่อหลิง เอนกายพิงลำต้น……นอนหลับไปแล้ว

นี่ยังสามารถหลับได้ลงหรือ

ใต้ต้นไม้มีเงาดาบ และมีเสียงของการต่อสู้กัน!

“เทพธิดา……”

“รบกวนเทพธิดา ควรจะได้รับโทษอย่างไร”

ทันทีที่ชายร่างใหญ่ในชุดดำตะโกนออกมา ก็ถูกหยุดทันที น้ำเสียงที่ดูถูกดังออกมาจากด้านหลัง

“เทพธิดาเพิ่งจะพูดไป จะต้องหาคนที่แข็งแกร่งมาร่วมมือ เจ้าไม่ได้ยินหรือไง”

ดังนั้น คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าคือพวกข้า ผู้ชนะจะเป็นผู้มีคุณสมบัติได้ติดตามเทพธิดา”

ดังนั้น!

ทั้งสองคู่นี้ซึ่งไม่ลงรอยกันก็เริ่มทำร้ายซึ่งกันและกัน

ในความเป็นจริง!

จริง ๆแล้วหลานเยาเยาไม่ได้นอนหลับ เพียงแค่งีบก็เท่านั้น

มีกลุ่มคนอยู่หลายกลุ่ม นางขี้เกียจที่จะคอยจัดการกับทีละกลุ่ม ให้พวกเขาฆ่ากันเองยังจะดีกว่า ส่วนที่เหลือก็จะมีจำนวนที่ไม่เพียงพอ

เพียงแค่นางขยับนิ้วก้อยอย่างง่ายดายเบา ๆ ก็สามารถกำจัดใครก็ได้ตามที่ต้องการ แบบนี้ไม่ดีหรอกหรือ

ดังนั้น ฟังเสียงการต่อสู้ของพวกเขา

นางจึงเริ่มขยับเล่นพิณอย่างสบาย ๆและเป็นอิสระ

เสียงของพิณไพเราะ จังหวะของพิณที่เร้าใจชวนให้ตื่นเต้น บรรเลงได้อย่างมีเสน่ห์

แต่การต่อสู้ของกลุ่มคนนั้น ดูเหมือนจะถูกกระตุ้นเมื่อได้ยินเสียงพิณ เมื่อมือเปื้อนเลือดก็ไม่สามารถจะหยุดลงได้

เมื่อคนด้านนี้ถูกฆ่าตายหมดแล้ว ก็ไปฆ่าอีกด้านหนึ่ง

ทันใดนั้น!

“ตึง!”

เสียงพิณหยุดลงอย่างกะทันหัน

หลานเยาเยาก็ได้ลืมตาขึ้นทันที มองไปที่มือทั้งสองข้างของตนเองที่อยู่บนสายพิณ บนนั้นมีคราบเลือดติดอยู่

นางเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับมีคราบเลือดปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

นางยกขึ้นมาแตะปลายจมูก แล้วดม

เลือด……

อีกทั้งยังเป็นเลือดสด ๆที่เพิ่งจะไหลออกมา……

ในตอนนี้!

ก็ได้มีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้น

“ตึง ตึง ตึง ตึง……”

ทันใดนั้นเสียงพิณก็ดังขึ้นมาเอง เสียงโทนต่ำ เศร้าวิเวกวังเวง โศกเศร้าหดหู่ใจ

เมื่อเห็นจิ่วเซียวหวงเพ่ยได้บรรเลงเพลงขึ้นมาเอง ความตกใจในดวงตาของหลานเยาเยาเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องเอ่ย

ด้วยความตกใจ ทันใดนั้นนางจึงนึกขึ้นมาได้

ในสนามม้าหลวง เมื่อตอนที่นางบรรเลงพิณนี้เป็นครั้งแรก ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่มันได้บรรเลงเพลงเช่นกัน

ดังนั้น!

นางจึงวางมือทั้งสองลงบนสายพิณทันที เริ่มบรรเลงขึ้นตามจังหวะของมัน

เมื่อจังหวะการบรรเลงของนาง ได้หลอมรวมกับจังหวะของเสียงพิณนี้

ทันใดนั้นพลังที่แข็งแกร่งและไร้ตัวตน ก็แผ่ออกมาจากพิณนั้นอย่างกะทันหัน ทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง

ผู้คนที่ถูกกวาดล้างด้วยพลังนี้ ทุกสิ่งที่พวกเขาเห็น ล้วนแต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน

หลานเยาเยาก็เช่นกัน

ตกอยู่ในห้วงแห่งจินตนาการ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือพิณตัวนี้……

และต้นบุพเพที่มีแถบผ้าแดงนับหมื่นพันแขวนอยู่……

หลานเยาเยามองดูทุกสิ่งรอบตัว

นี่เป็นวัดเมื่อนานมาแล้ว นานจนกระทั่งมีเพียงวัดเล็ก ๆที่เป็นซากปรักหักพัง

นางยังคงพิงอยู่บนต้นบุพเพ ใต้ต้นไม้มีคู่รักอยู่คู่หนึ่งที่เปียกโชกไปด้วยเลือด พวกเขาทั้งสองนั่งแอบอิงอยู่ด้วยกัน

ความหนาวเย็นของร่างกายแผ่ซ่านออกมาอย่างไม่สิ้นสุด และด้วยลมหายใจของความเป็นกษัตริย์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดทำให้คนไม่อาจมองไปอย่างตรง ๆได้

อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง นางสวมเสื้อผ้าสีขาวที่เปื้อนเลือด แต่ยังคงความงดงามของเทพธิดา น่าทะนุถนอม

“ข้า ข้าไม่สามารถจะอยู่……กับเจ้าได้อีกต่อไป”

ผู้หญิงชุดขาวที่กำลังจะตาย ยื่นมือที่ชุ่มไปด้วยเลือด พยายามที่จะสัมผัสผู้ชายที่โอบกอดนาง แต่ขณะที่กำลังจะสัมผัส มือของนางก็ร่วงหล่นลง

“ซู่เอ๋อ ซู่เอ๋อ อย่าหลับตา เจ้าลืมตาขึ้นมามองข้า……”

ดวงตาที่แดงก่ำของผู้ชาย โอบกอดผู้หญิงเอาไว้แน่นในอ้อมแขน และตะโกนเรียกชื่อของผู้หญิงคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง

“ซู่เอ๋อ……”

“ฮ่องเต้ ได้โปรดมอบยาวิเศษให้กับพวกข้า มิเช่นนั้นที่นี่จะกลายเป็นที่ฝังศพของพวกเจ้า ขอฮ่องเต้โปรดทบทวนอีกครั้ง” ผู้คุกคามได้เอ่ยปากอีกครั้ง

พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะเอายาวิเศษในมือของฮ่องเต้

ฮ่องเต้ได้โอบกอดหญิงสาวที่ตายไปแล้วไว้แน่น ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างโศกเศร้า รอยยิ้มที่ปวดร้าวปานจะขาดใจ เสียดแทงหัวใจของผู้คน พุ่งทะยานขึ้นไปยังก้อนเมฆ

“ยาวิเศษหรือ เหอะ ๆ พวกเจ้าเพ้ออยากจะได้”

ทันใดนั้น!

ลมก็โหมกระหน่ำ ฟ้าดินสั่นสะเทือน กลางวันกลางคืนพลิกเปลี่ยน

“เกิดอะไรขึ้น”

“ฮ่องเต้พิโรธขึ้นแล้ว หรือจะต้องการให้พวกเราทุกคนถูกฝังไปพร้อมกัน!”

“เป็นไปได้อย่างไร ฮ่องเต้เป็นเพียงมนุษย์สามัญคนหนึ่ง จะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร”

และในขณะนี้หลานเยาเยารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ความเจ็บปวดที่ชนิดหนึ่งที่เสียดแทงหัวใจอยู่ จู่ ๆก็ระเบิดออกมาจากหัวใจ

นางกำลังอยู่ในตำนานที่งดงามปนเศร้าของต้นบุพเพ

ดังนั้น!

นางจึงรีบเหาะลงมา และวิ่งไปยังพวกเขา

“ไม่นะ พวกเจ้าจะตายไม่ได้นะ นางไม่อยากให้เจ้าตาย……” ด้านหนึ่งนางปกปิดหัวใจเอาไว้ อีกด้านหนึ่งก็ต้องการหยุดยั้งฮ่องเต้จากการตายด้วยความรัก

แต่หลังจากนาง รีบมุ่งไปก็ทะลุผ่านร่างกายของฮ่องเต้ ตอนที่นางได้เห็นผู้หญิงที่ตายจากไป นางก็ตกตะลึง

ใบหน้านี้……

นางไม่มีอะไรคุ้นเคยไปกว่านี้แล้ว

นั่นเป็นใบหน้าของนาง แต่กลับไม่ใช่ใบหน้าในตอนนี้ แต่เป็นใบหน้านั้นในช่วงเวลาของยุคนี้

จะเป็นไปได้อย่างไร

บังเอิญหรือเปล่า

ทันใดนั้นเอง!

ความหนาวเหน็บที่รุนแรงก็ค่อย ๆเข้ามา ฮ่องเต้ดูเหมือนจะรู้สึกถึงการมีอยู่ของนาง และได้ใช้พลังงานทั้งหมดโดยตรงของตนเองทำการกวาดนางออกไป

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ก็อย่าเข้ามาใกล้นางแม้เพียงก้าวเดียว!”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นเข้ากระดูก ดังออกมาอย่างเป็นอันตรายมาก

“เจ้า เจ้าเห็นข้าหรือ” หลานเยาเยาตกใจอีกครั้ง

เขาเพิ่งจะคุยกับนางอยู่จริง ๆ นี่คงไม่ใช่ภาพลวงตาที่มาจากเสียงพิณของจิ่วเซียวหวงเพ่ยใช่ไหม

ทำไมเขาจึงรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของนาง

ไม่ใช่สิ!

จะต้องมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ที่สวมหน้าไว้ครึ่งหน้า ในดวงตาที่แดงก่ำก็ฉายให้เห็นแววตาแห่งความสงสัย และได้ทำลายยาวิเศษที่อยู่ในมือ มองไปยังผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างพึงพอใจ

“ซู่เอ๋อ หนทางแห่งปรโลก รอข้าด้วย”