บทที่ 384 พ่ายแพ้ตรงที่ใด

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 384 พ่ายแพ้ตรงที่ใด

บทที่ 384 พ่ายแพ้ตรงที่ใด

“นอกจากนี้แล้วพวกเรายังใช้เงินที่นายท่านเหลือเอาไว้ เพื่อซื้อร้านภายในเทศมณฑลและขายของชำด้วยขอรับ” ซุนเลี่ยงกล่าวออกมา

“ขายของชำด้วย? ไม่เลวเลย” อู๋ฝานเผยดวงตาเป็นประกาย เรื่องการรับผิดชอบจัดการดูแลจวนที่นี่ เขายกให้แก่ซุนเลี่ยงและไม่เคยเอ่ยถามถึงเลยสักครั้ง และตอนนี้ภายในจวนก็มีคนอยู่จำนวนหลายสิบ ค่าอาหารในแต่ละวันไม่มีทางเล็กน้อย การที่ซุนเลี่ยงคิดหารายได้ด้วยตนเองถือเป็นเรื่องดี

“เพียงแต่ยังทำเงินได้ไม่มากขอรับ” ซุนเลี่ยงตอบรับด้วยความกระดากใจ

ซุนเลี่ยงซื้อหน้าร้านเพื่อดำเนินกิจการ ย่อมต้องหวังสร้างรายได้เพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายประจำวันของจวน หรืออย่างน้อยก็ลดทอนภาระของอู๋ฝาน แต่โชคร้าย พวกเขาเพิ่งได้ที่หยัดยืนในเทศมณฑลไม่นาน ดังนั้นจึงมีเส้นทางและเครือข่ายคับแคบ ทำให้สินค้าบางส่วนที่นำมาขายไม่ใช่ของดีเด่นอะไร ทำให้ได้รับกำไรน้อยตามไปด้วย

“ความยากลำบากในช่วงเริ่มต้นคือเรื่องปกติ” อู๋ฝานตอบรับ “เช่นนั้น ข้าจะให้คนขนส่งอาหารและพืชผักจากหมู่บ้านเร้นลับมาที่นี่ เพื่อใช้สำหรับการวางขายหน้าร้านก็แล้วกัน”

ธัญพืชและผักถือเป็นสิ่งที่มีความต้องการไม่ขาด โดยเฉพาะกับยุคนี้ที่สงครามแพร่กระจายจนเกิดความโกลาหลไปทั่วทุกพื้นที่ อาหารจึงมีค่าเปรียบดังทองคำ ผู้อพยพมากมายนอกเมืองที่ตัดสินใจออกเดินทางกันไปนั้น ก็เพราะพวกเขาไม่มีอาหารใช้ประทังชีวิต ดังนั้นตราบเท่าใดอู๋ฝานเปิดกิจการขายอาหารที่นี่ ก็เป็นการค้าที่น่าสนใจ

ก่อนหน้านี้อู๋ฝานไม่อาจคิดเรื่องช่วยคนนอกเมืองเหล่านั้นได้ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนเพียงคนเดียว แม้มีสถานะเป็นผู้เล่น ที่ทำให้วัตถุดิบทั้งหลายที่ด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับเติบโตงอกงามได้อย่างรวดเร็ว ผลการเก็บเกี่ยวก็มีค่อนข้างมาก แต่นอกเทศมณฑลมีผู้อพยพลี้ภัยมากจนเกินไป หากเขาต้องรับมือเพียงลำพังย่อมไม่มีทางยืนอยู่ได้นาน ทั้งยังจะถูกกัวจื่อหมิงเกลียดเสียด้วยซ้ำ อย่างไรแต่เดิมมันก็เป็นปัญหาที่ทางเทศมณฑลควรแก้ไข

“ถังซาน โครงสร้างหน่วยงานข่าวกรองเป็นอย่างไรบ้าง?” อู๋ฝานเอ่ยถามขึ้นมา

การจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองคือสิ่งที่ชายหนุ่มให้ความสำคัญมาโดยตลอด กระทั่งลงทุนเป็นเงินไปมหาศาล โดยหวังว่ามันจะขยับขยายอย่างรวดเร็ว

“นายท่าน การจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองกำลังคืบหน้าได้ด้วยดีขอรับ ยามนี้จะมีเทศมณฑลชิงหยวนเป็นศูนย์กลาง และจะเริ่มขยายไปยังเมืองลำดับถัดไปในภายหน้าขอรับ” ถังซานตอบ

“ทำได้ดี ต้องไม่หยุดแค่นี้ แต่ต้องไปให้ไกลมากขึ้น” อู๋ฝานตอบรับ “ข้าหวังให้หน่วยข่าวกรองสามารถแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรเหยียนเฟิง หรืออาจจะทั้งแผ่นดินนี้”

“ขอรับนายท่าน!” ถังซานตอบรับอย่างกระตือรือร้น

ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของอู๋ฝานคือการขยายอำนาจ ยิ่งครอบครองอำนาจในมือมากเพียงใดก็ยิ่งดี และหน่วยข่าวกรองที่เขาจัดตั้งขึ้นก็คือจุดเริ่มต้น

มื้ออาหารอันอุดมสมบูรณ์ถูกจัดเตรียมไว้รับรองพวกอู๋ฝานทั้งสาม เพื่อเป็นทั้งการต้อนรับและอวยพรการเดินทางในภายหน้า

แต่เพราะเหลือเวลาที่โลกฝั่งนี้น้อยนิด อู๋ฝานที่ทานได้เพียงไม่กี่คำจึงต้องหาข้ออ้างกลับเข้าห้อง

แม้ชายหนุ่มไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตที่โลกฝั่งนี้ แต่ภายในจวนก็มีห้องส่วนตัวจัดเตรียมเอาไว้ให้ มันได้รับการดูแลและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบาย นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาได้พักที่นี่มากนัก

ขณะอู๋ฝานเทเลพอร์ตกลับสู่โลกความเป็นจริง ภายในสำนักงานปกครองประจำเทศมณฑลชิงหยวน กัวจื่อหมิงก็ได้รู้ข่าวที่ให้ที่ปรึกษาไปสืบมา ทำให้ตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี

ในวันนี้คณะเดินทางที่นำพระราชโองการมาถ่ายทอดให้เขา กลับกระทำอย่างเร่งรีบเพื่อไปถ่ายทอดพระราชโองการที่อื่น และผู้ได้รับเกียรติรับพระราชโองการชื่นชมนั้นแท้จริงแล้วคืออู๋ฝาน!

เนื้อหาของพระราชโองการสามารถถ่ายทอดให้ทุกคนรับรู้พร้อมกันได้ เนื่องจากไม่ใช่พระราชโองการลับ ที่ปรึกษาจึงสามารถหาข้อมูลมาได้ง่าย ๆ หลังกัวจื่อหมิงทราบเนื้อหาดังกล่าว ถึงกับต้องเผยสีหน้าท่าทีดำมืดประหนึ่งถ่านหินออกมา ดวงตาสองข้างหรี่ลง ใจหนึ่งไม่เชื่อว่าคือเรื่องจริง ส่วนอีกใจหนึ่งริษยา

“เป็นไปได้ยังไง? มันส่งอะไรไปให้กันแน่? …ถึงขั้นทำให้องค์หญิงเจ็ดชอบใจขนาดองค์เหนือหัวประทานรางวัลใหญ่โตเลยงั้นหรือ? ไม่เพียงพระราชทานเหรียญทองกับอัญมณี แต่ยังอวยบรรดาศักดิ์อีกหนึ่งขั้น! เพราะเหตุใดข้าจึงไม่ได้รับอะไร แต่มันกลับได้รับ? เพราะเหตุใดกัน?!” กัวจื่อหมิงโพล่งโทสะออกมาขณะทุบโต๊ะหนังสือ

กัวจื่อหมิงคลุ้มคลั่ง ที่ปรึกษาที่มารายงานถอยหลบไปด้วยความหวาดเกรง เพราะบรรยากาศตอนนี้ยากคาดเดาทิศทาง กัวจื่อหมิงอาจทำอะไรเกินคาดคิดออกมา ทว่าตอนได้ทราบเนื้อหาในพระราชโองการ เขาก็พอเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีตอบรับเช่นไร

ในใจของกัวจื่อหมิงนั้นเหยียดหยามอู๋ฝานมาโดยตลอด ทั้งยังเชื่อว่าอีกฝ่ายก็แค่พลทหารหน้าโง่ที่โชคดีอยู่บ้าง เพราะประสบความสำเร็จจากการออกศึกจึงก้าวหน้า แต่ไม่ใช่คนฉลาดมีความสามารถใด ไม่คู่ควรกับการได้ครอบครองบรรดาศักดิ์

อู๋ฝานไม่เพียงแต่ได้รับบรรดาศักดิ์ แต่ยังได้รับการเลื่อนบรรดาศักดิ์หนึ่งขั้น! เรื่องเช่นนี้จะไม่ให้กัวจื่อหมิงอิจฉาริษยาได้อย่างไร? โดยเฉพาะกับการที่เมื่อเช้าพระราชโองการตำหนิเขาอย่างออกนอกหน้า ทว่ากลับพระราชทานรางวัลใหญ่โตแก่อีกฝ่าย กัวจื่อหมิงที่นึกเปรียบเทียบความแตกต่างนี้ในใจจะเกิดคลุ้มคลั่งจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

เขาถูกตำหนิ ผู้อื่นได้รับรางวัล กัวจื่อหมิงซึ่งเป็นคนถือดีในตัวเองและมีความเชื่อมั่นเปี่ยมล้นย่อมไม่อาจยอมรับ การระเบิดโทสะออกมาจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้

“รู้หรือไม่ว่ามันส่งของขวัญอะไรไป?” กัวจื่อหมิงมองที่ปรึกษาด้วยสีหน้าดำมืด เขาอยากรู้ว่าตนเองพ่ายแพ้ตรงที่ใด

“ทราบมาว่าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งขอรับ” ที่ปรึกษาตอบกลับมา

“สัตว์เลี้ยง? สัตว์เลี้ยงอะไรกันถึงทำให้องค์หญิงเจ็ดชื่นชอบขนาดนั้นได้?” กัวจื่อหมมิงยังคงตั้งคำถาม

“ข้าน้อยไม่แน่ใจขอรับ” ที่ปรึกษาตอบกลับ “เพียงแต่ได้ยินมาว่า สัตว์เลี้ยงตัวนั้นจับมาจากด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับขอรับ”

“ด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับ?” กัวจื่อหมิงสีหน้าแปรเปลี่ยน ดวงตาไหววูบเล็กน้อย

“ขอรับ ได้ยินมาว่าด้านหลังภูเขาหมู่บ้านเร้นลับมีสัตว์เลี้ยงพวกนั้นอยู่พอสมควร นายท่าน …พวกเราไปจับตัวมันมาสักจำนวนหนึ่งดีหรือไม่ขอรับ จากนั้นค่อยส่งให้แก่องค์เหนือหัวและองค์หญิงเจ็ด รับรองว่าทั้งสองจะต้องยินดีและพึงพอใจอย่างแน่นอนขอรับ เมื่อถึงเวลาองค์เหนือหัวย่อมประทานรางวัลให้ ความประทับใจที่มีต่อนายท่านก็จะแปรเปลี่ยนไปด้วยเช่นกันนะขอรับ” ที่ปรึกษาเอ่ยคำแนะนำออกมา

กัวจื่อหมิงไม่ตอบรับคำใด สีหน้าท่าทีในยามนี้กำลังครุ่นคิด ของขวัญวันเกิดที่ส่งให้องค์หญิงเจ็ดนั้นถือว่าผิดพลาดไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงไม่อาจทำให้องค์หญิงเจ็ดชื่นชม แต่ยังทำจักรพรรดิไม่ชอบใจเสียด้วยซ้ำ ในความเห็นของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน กัวจื่อหมิงควรเป็นคนไม่ได้เรื่องและไม่มีค่า ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางส่งพระราชโองการมาเปิดเผยต่อหน้าผู้คน

ในเมื่อองค์เหนือหัวไม่ชอบใจ เส้นทางอาชีพในอนาคตของเขาก็คงถึงคราวเผชิญความยากลำบาก ดังนั้นกัวจื่อหมิงจึงต้องการเปลี่ยนสถานการณ์ ทำให้องค์เหนือหัวประทับใจในตนเอง โดยการมอบของขวัญให้ทั้งจักรพรรดิและองค์หญิงเจ็ด การเดินหมากครั้งนี้สามารถมองได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี

“พูดได้ดี ส่งคนไปจับตัวสัตว์เลี้ยงพวกนั้นมาให้เรียบร้อย แล้วให้ส่งไปที่เมืองหลวง” กัวจื่อหมิงออกคำสั่ง

“ขอรับนายท่าน” ที่ปรึกษาตอบกลับมา

คนทั้งสองมองว่าการกระทำนี้ไม่มีอะไรผิดแม้แต่น้อย หมู่บ้านเร้นลับอยู่ภายใต้การปกครองของเทศมณฑลชิงหยวน กัวจื่อหมิงที่ครอบครองสถานะผู้ปกครอง หากคิดไปจับตัวสัตว์เลี้ยงจำนวนหนึ่งในพื้นที่รับผิดชอบ จึงไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด