บทที่ 385 ที่นั่ง
บทที่ 385 ที่นั่ง
หลังกลับมาสู่ความเป็นจริง อู๋ฝานไม่ได้หลับต่อ แต่เริ่มจัดแจงชุดตนเองและของจำเป็น เพราะวันนี้คือวันเดินทางสู่ภูเขาเทียนเหลียง
เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันชาติ ที่มหาวิทยาลัยจึงมีคนไม่มาก หลายคนต่างกลับบ้าน หรือไม่ก็นัดแนะกันออกไปเที่ยวเล่น แต่บางส่วนก็ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย และส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะนอนหลับยาวกันต่อ
ขณะอู๋ฝานมาถึงที่นัดพบ ก็ได้เห็นรถบัสสองคันจอดรออยู่ก่อนแล้ว ข้าง ๆ ของรถบัสคือกลุ่มคนที่มาถึงก่อน ซึ่งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็รวมอยู๋ในกลุ่มนั้นด้วยเช่นกัน
“อาจารย์อู๋ ทางนี้ค่ะ!” หลังอู๋ฝานมาถึง ถังอวี่เฟยก็โบกมือพลางตะโกนเรียกเสียงดัง เป็นการดึงความสนใจของคนอื่นในบริเวณใกล้เคียง ทว่าหญิงสาวไม่คิดใส่ใจสายตาเหล่านั้น เธอมองและยิ้มให้เพียงแค่ชายหนุ่ม
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาทั้งหลายที่มองมา อู๋ฝานก็รู้สึกประหม่า แต่ก็ยังคงเดินไปหาถังอวี่เฟย “เรียกเสียงดังขนาดนั้นทำไมครับ ถึงไม่พูดอะไรผมก็หาเจออยู่แล้ว”
“ในสายตาของอาจารย์อู๋ ฉันโดดเด่น หาตัวง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะเนี่ย?” ถังอวี่เฟยไม่ใส่ใจคำบ่นของอู๋ฝาน กระทั่งม้วนผมของตนเองเล่นพลางเอ่ยแง่งอนใส่อีกฝ่ายซะด้วยซ้ำ
“ใช่ครับ โดดเด่นกว่าใครเพื่อน” อู๋ฝานตอบรับอย่างเหนื่อยใจ
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน สายตาของเธอกำลังมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่พูดอะไรแม้แต่ครึ่งคำ
“จริงด้วย! อาจารย์อู๋คะ ฉันอยากคุยด้วยอยู่พอดี พอจะมียาลบรอยแผลเป็นเหมือนที่ให้แม่ภูเขาน้ำแข็งคนนี้อีกบ้างไหมคะ ถ้าไม่ว่าอะไรแบ่งให้ฉันด้วยสิคะ” ถังอวี่เฟยเอ่ยขึ้น
“มีแผลเป็นเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “แต่สัปดาห์นี้พวกเราจะไปท่องเที่ยวกัน คงหลีกเลี่ยงการไปเกี่ยวหรือเฉี่ยวอะไรกลางทางได้ยาก ถ้าได้รับบาดเจ็บ การเตรียมยาวิเศษของอาจารย์ไว้ก็ไม่เสียดายนี่คะ”
“ยาวิเศษอะไรกันครับ?” อู๋ฝานหัวเราะพลางนำยาทาลบรอยแผลเป็นออกมาจากกระเป๋าขวดหนึ่ง และส่งให้กับถังอวี่เฟย “รู้วิธีใช้ใช่ไหมครับ?”
“รู้ค่ะ” ถังอวี่เฟยรับยาเอาไว้พร้อมเผยสีหน้ายินดี “ยาทาลบรอยแผลเป็นของอาจารย์แทบไม่ต่างอะไรกับยาวิเศษ ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้แม้แต่นิดเดียว ไม่เรียกยาวิเศษแล้วจะให้เรียกอะไรได้อีกคะ?”
แม้ถังอวี่เฟยอาจจะพูดเกินเลยไปบ้าง แต่สรรพคุณนั้นคือความจริง เพราะหลังหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ใช้ยาทาลบรอยแผลเป็น รอยแผลที่เคยปรากฏกลับเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นหญิงสาวจึงมองว่าควรขอแบ่งจากอู๋ฝานเตรียมเอาไว้ก่อน อย่างไรมันก็เป็นยาลบรอยแผลเป็นที่สมบูรณ์แบบ คนรักสวยรักงามเช่นเธอย่อมไม่ปล่อยยาวิเศษเช่นนี้ไปแน่!
“อาจารย์อู๋ ก่อนหน้านี้ตอนที่บอกว่าจะศึกษายาลบรอยแผลเป็นให้แม่ภูเขาน้ำแข็งคนนี้ ฉันนึกว่าอาจารย์พูดเล่นหรือคุยโวด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าจะทำออกมาได้ผลลัพธ์ดีถึงขนาดนี้” ถังอวี่เฟยพูดขึ้นมา “เรื่องแผลเป็นของแม่ภูเขาน้ำแข็งนี่ คุณคงทุ่มเทไปไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมคะ?”
ทันใดนั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา สายตาของเธอมองอู๋ฝานด้วยหัวใจเต้นรัว
ยาประหนึ่งปาฏิหาริย์ดังกล่าว ไม่มีทางที่จะทำได้เพียงแค่ศึกษาค้นคว้าทั่วไป เพราะแม้กระทั่งแวดวงผู้ฝึกตนมากพรสวรรค์และแข็งแกร่ง ก็ยังไม่เคยเจอใครสามารถค้นคว้ายาวิเศษดังกล่าวขึ้นมาได้สำเร็จ
ดังนั้น ทั้งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยจึงคิดเช่นเดียวกัน มันจะต้องเป็นเพราะอู๋ฝานทุ่มเทไม่น้อยจึงสามารถทำได้สำเร็จ!
“เรื่องเล็กน้อยครับ” อู๋ฝานตอบรับอย่างคลุมเครือ
แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่ความพยายามของเขาเอง หรือถ้าใช่ก็ไม่มาก เพราะคนค้นคว้าสูตรยานี้ไม่ใช่ตน แต่เป็นอาจารย์ปรุงยาหลี่ อู๋ฝานเป็นเพียงแค่คนรับสูตรมาทำต่อ
รอจนกระทั่งช่วงแปดนาฬิกาสามสิบนาที นักศึกษาทุกคนจึงมากันครบ เกิ่งหย่าเฟยเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน และที่ทำให้อู๋ฝานค่อนข้างประหลาดใจคือหลี่ปิงกลับร่วมทางมาด้วย
แต่ชายหนุ่มไม่คิดใส่ใจให้มากความ เพราะจุดประสงค์หลักของการไปภูเขาเทียนเหลียงครั้งนี้ของเขาก็เหมือนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ นั่นคือการไปเยือนแดนลับ ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนั้นตนไม่คิดใส่ใจ
อู๋ฝานเลือกขึ้นรถบัสไปตามปกติ ไม่นานก็พบที่นั่งและนั่งลง เกิ่งหย่าเฟยที่เห็นชายหนุ่มได้ที่นั่งแล้วจึงเดินมาหา เพราะคิดอยากนั่งร่วมทางไปกับอีกฝ่าย อย่างไรทั้งสองก็เป็นอาจารย์ที่ทำงานด้วยกัน และยังรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของนักศึกษาระหว่างการเดินทาง ในความเห็นของหญิงสาว พวกเธอควรนั่งร่วมทางไปด้วยกัน
ส่วนหลี่ปิงนั้น เขาถูกเกิ่งหย่าเฟยมองข้ามประหนึ่งอากาศธาตุ
แต่ก่อนที่เกิ่งหย่าเฟยจะทันได้นั่งลง ร่างลึกลับกลับเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่งกว่า แย่งชิงโอกาสนั่งลงข้างอู๋ฝานเป็นที่เรียบร้อย
“อาจารย์อู๋คะ ที่ฉันนั่งข้างอาจารย์คงจะไม่เป็นอะไรสินะคะ พอดีมีคำถามจากวิชาว่ายน้ำค้างอยู่ ถือเป็นโอกาสที่ดีเลยค่ะ” ถังอวี่เฟยพูดกับอู๋ฝานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
คนซึ่งแย่งที่นั่งข้างอู๋ฝานจากเกิ่งหย่าเฟยไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นถังอวี่เฟย
อู๋ฝานมองเกิ่งหย่าเฟย จากนั้นมองถังอวี่เฟย สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ตอบ “ครับ” ออกมา
เกิ่งหย่าเฟยมองถังอวี่เฟย ทว่าไม่ได้พูดอะไร เพราะอย่างไรที่นั่งบนรถบัสก็ไม่ได้กำหนดเฉพาะเจาะจงอะไรเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจบีบบังคับให้อีกฝ่ายถอยออกไปได้ อีกทั้งเธอยังทราบถึงสถานะของหญิงสาวดี อีกฝ่ายมีเบื้องหลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ตนและครอบครัวมี
‘แต่ว่านะ… ทำไมถึงรู้สึกว่าสายตาที่เธอมองอู๋ฝานดูแปลกยังไงก็ไม่รู้’ เกิ่งหย่าเฟยพึมพำกับตัวเองอยู่ในใจขณะเดินไปยังที่นั่งอื่น
“อาจารย์เกิ่ง ทางนี้ครับ” ขณะเกิ่งหย่าเฟยครุ่นคิดเรื่องสายตาที่ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝาน เสียงของหลี่ปิงก็ดังขึ้นเรียกเธอให้นั่งที่นั่งซึ่งยังว่างอยู่
เกิ่งหย่าเฟยเหลือบมองหลี่ปิง ก่อนจะมองข้ามทำเป็นไม่เห็น ทั้งยังไม่เดินเฉียดเข้าไปใกล้ เธอเลือกจะนั่งลงที่แถวด้านหลังของอู๋ฝานและถังอวี่เฟย
หลี่ปิงที่เห็น หัวใจถึงกับเต้นผิดจังหวะ เกิ่งหย่าเฟยไม่ไว้หน้าเขาจนเกินไปแล้ว แต่เรื่องนี้ก็คุ้นชินไม่น้อยเช่นกัน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะต้องกลอกตา สุดท้ายก็ลุกขึ้นเตรียมเป็นฝ่ายเดินไปนั่งข้างเกิ่งหย่าเฟยเอง เพราะอย่างไรข้างเธอก็ยังเป็นที่นั่งว่าง
ทว่าทันทีที่หลี่ปิงยืนขึ้น ก่อนจะทันได้ก้าวเท้าซะด้วยซ้ำ ที่นั่งข้าง ๆ เกิ่งหย่าเฟยกลับมีคนอื่นนั่งเรียบร้อยแล้ว หลี่ปิงที่เดิมคิดเดินไปขอให้อีกฝ่ายหลบเพราะสถานะอาจารย์ แต่หลังเห็นคู่กรณี เขากลับต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนใจเดินกลับไปยังที่นั่งเดิมของตนแทน
คนที่นั่งข้างเกิ่งหย่าเฟยคือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ หากเป็นคนอื่นหลี่ปิงคงพอพูดคุยด้วยได้ แต่อีกฝ่ายคือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขายังไม่มีความกล้าถึงขนาดนั้น ตัวตนของอีกฝ่ายคือคนที่อยู่วงสังคมระดับสูงของเจียงโจว เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ตนยังไม่มีความหาญกล้าถึงขนาดโต้แย้งอะไรกับอีกฝ่าย
“ครั้งนี้จะทำอะไรอีกครับ?” อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยที่นั่งข้าง ๆ ด้วยสายตาเฝ้าระวัง
เพราะเขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวจะนั่งลงข้างตนเพื่อสอบถามเรื่องวิชาว่ายน้ำดังปากกล่าวอ้าง เพราะทั้งช่วงคาบเรียนว่ายน้ำ นอกจากอู๋ฝานแล้ว คนที่มีฝืมือว่ายน้ำโดดเด่นที่สุดก็คืออีกฝ่าย
“อาจารย์อู๋ทำไมพูดกับฉันแบบนั้นล่ะคะ? ฉันก็แค่อยากนั่งข้างอาจารย์เท่านั้นเอง” ถังอวี่เฟยตอบกลับด้วยท่าทีเศร้าหมอง
“ครับ หยุดแสดงเถอะนะครับ” อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยตอบรับด้วยท่าทีจนใจ “อยากนั่งก็นั่งครับ ขอแค่อย่าทำอะไรพิเรนทร์ก็พอ”
“อาจารย์อู๋ ฉันจะทำอะไรได้ล่ะคะ? ฉันออกจะเป็นคนที่เชื่อฟังอาจารย์ขนาดนี้” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
อู๋ฝานถึงกับต้องหลับตาเอนกายลงกับพนักพิงเพื่อพักสายตา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำตอบของถังอวี่เฟย