บทที่ 251 ข้าจะรอท่านมารับข้าที่คุกหลวง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 251 ข้าจะรอท่านมารับข้าที่คุกหลวง

“เข้ามาเลย!”

โม่ฉือชิงกับโม่เหลิ่งเหยียนรีบพุ่งเข้ามา พอเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว โม่ฉือชิงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “หยุนถิง เหตุใดเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยเล่า?”

“ข้าโดนคนใส่ร้ายว่าฆ่าจ้าวเหลียงเหริน” หยุนถิงตอบ

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” โม่ฉือชิงไม่เชื่ออยู่แล้ว

“เมื่อคืนพวกเจ้าสองคนดื่มเหล้ากับหยุนถิงด้วยกันรึ?” ฮ่องเต้ถามอย่างเย็นชา

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนหยุนถิงสั่งสอนสองพี่น้องแซ่ชาง จากนั้นไปหอชุนเฟิงของหม่อมฉัน ยังทำหม้อไฟร้อนเร็วให้พวกเรากินเลย” โม่ฉือชิงตอบ

“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมกับองค์ชายสี่ดื่มเหล้าด้วยกันกับหยุนถิงจริง ตอนนั้นหยุนถิงดื่มไปมากมาย จวินซื่อจื่อเป็นคนอุ้มกลับไปพ่ะย่ะค่ะ” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ พลางเหล่มองรองเสนาบดีจ้าวที่อยู่ข้างๆ ดวงตาดำขลับหรี่ตาลงเล็กน้อย

“มันแค่อธิบายได้ว่า คุณหนูหยุนดื่มกับพวกเขาจริงๆ หากหลังจากนางกลับไปแล้ว มิอาจมีผู้ใดยืนยันได้เลย” รองเสนาบดีจ้าวรีบย้อนทันที

“รองเสนาบดีจ้าว หัวท่านโดนลาถีบแล้วรึ เหตุใดหยุนถิงต้องฆ่าบุตรสาวท่านด้วย บุตรสาวท่านมิได้งดงามเท่าหยุนถิง รูปร่างก็ไม่ดีเท่านาง ไม่ฉลาดเหมือนนางอีก หาเงินก็ไม่เป็น หยุนถิงได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากจวินหย่วนโยว หากบอกว่าหยุนถิงฆ่าบุตรสาวท่าน ข้ายอมเชื่อว่าหมูปีนต้นไม้เป็นดีกว่า” โม่ฉือชิงบอกอย่างเดือดดาล

หยุนถิงโดนเขาพูดจนหัวเราะ องค์ชายสี่คนนี้ช่างกล้าพูดเสียจริง

“ฝ่าบาท ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีหน้าประตูร้องขึ้น

“นางมาทำอันใดกัน ให้นางเข้ามาแล้วกัน” ฮ่องเต้บ่นพึมพำ

ฮองเฮาในชุดราชพิธีสีแดง เดินเข้ามาอย่างสง่างามตามมารยาท “ถวายบังคมฝ่าบาท เมื่อครู่หม่อมฉันพบนางกำนัลผู้หนึ่งทำลับๆล่อๆ พอสืบสวนถึงรู้ว่า นางเป็นสาวใช้ของจ้าวเหลียงเหริน ดังนั้นหม่อมฉันเลยนำนางมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ”

สาวใช้นางหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่า “ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”

ซูกงกงเห็นดังนั้น ก็ประหลาดใจมาก “ฝ่าบาท นางคือลวี่เอ๋อร์ สาวใช้ที่คอยติดตามจ้าวเหลียงเหรินคนนั้นจริงๆ”

ฮ่องเต้ย่อมเคยเห็นสาวใช้คนนี้อยู่แล้ว เขาถามอย่างเย็นชาว่า “นายของเจ้าตายได้อย่างไร เจ้ารู้หรือไม่?”

ลวี่เอ๋อร์รีบผงกหัวบอก “กราบทูลฝ่าบาท คุณหนูหยุนเพคะ ข้าน้อยเห็นกับตาว่าคุณหนูหยุนฆ่าเหลียงเหริน เมื่อคืนเหลียงเหรินนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่นาน บอกว่าในห้องมีกลิ่นเหม็น เลยให้ข้าน้อยไปนำโกฐจุฬาลัมพาจีน (อ้ายฉ่าว)มา คิดจะรมห้อง พอข้าน้อยกลับมาถึงห้อง ก็เห็นคุณหนูหยุนใช้มีดสั้นแทงนายของข้าน้อยอยู่

ตอนนั้นข้าน้อยตกใจยิ่งนัก ซ่อนตัวอยู่นอกตำหนักไม่กล้าเข้าไป จากนั้นคุณหนูหยุนก็หนีไป พอข้าน้อยเข้าไป นายท่านก็หมดทางช่วยแล้ว นางให้ข้าน้อยเอากระดาษขาวมาเขียนหนังสือเลือด

ตอนนั้นข้าน้อนอยากตะโกนเรียกคน แต่กลัวพูดไม่ได้ คุณหนูหยุนมีจวินซื่อจื่อเป็นที่พุ่ง บิดาก็เป็นหยุนเฉิงเซี่ยง ข้าน้อยกลัวนางจะฆ่าคนปิดปาก ดังนั้นข้าน้อยเลยหลบซ่อนตัวอยู่”

“เจ้ากล้าใส่ร้ายหยุนถิง ข้าว่าเจ้าอยากตายเต็มแก่แล้วกระมัง?” โม่ฉือชิงตะคอกอย่างเดือดดาล

ลวี่เอ๋อร์ตกใจแทบเป็นลมตาย “กราบทูลองค์ชายสี่ ต่อให้ข้าน้อยกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าใส่ความคุณหนูหยุนดอก ข้าน้อยเห็นกับตาตนเองจริงๆว่า คุณหนูหยุนฆ่าเหลียงเหริน”

“ฝ่าบาท พระองค์ได้ยินแล้วกระทัง นี่เป็นสาวใช้ข้างกายเหลียงเหรินพูดเอง นางไม่มีทางพูดปดดอก ขอฝ่าบาทคืนความยุติธรรมให้บุตรสาวกระหม่อมด้วย” รองเสนาบดีจ้าวรีบอ้อนวอนทันที

“เมื่อคืนหยุนถิงดื่มมากเกินไป พอกลับจากหอชุนเฟิงก็หลับสนิท ข้าเฝ้านางอยู่ทั้งคืน หยุนถิงมิได้ออกจากจวนซื่อจื่อเลย!” จวินหย่วนโยวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

“จวินหย่วนโยวยังบอกเลยว่าหยุนถิงไม่ได้จากไปไหน สาวใช้เช่นเจ้ากล้าพูดปด ใส่ความหยุนถิง เจ้าโดนผู้ใดซื้อตัวหรือสั่งการมา ยังไม่รีบพูดความจริงอีก?” สีหน้าองค์ชายสี่เดือดดาลนัก

“ข้าน้อยพูดความจริงทุกคำ หากข้าน้อยพูดปดแม้เพียงนิด ข้าน้อยยินดีตายชดใช้ความผิดนี้!” ลวี่เอ๋อร์พูดอย่างห้าวหาญ

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเห็นหยุนถิงฆ่าคน นั่นเป็นเวลาใดของเมื่อคืนรึ?” โม่เหลิ่งเหยียนที่เงียบมาตลอดถามขึ้น

ลวี่เอ๋อร์รีบตอบ “ราวๆตีหนึ่งถึงตีสาม”

“ในเมื่อเจ้าบอกว่า เจ้าเห็นหยุนถิง ตอนนั้นนางมีสิ่งใดพิเศษหรือไม่?” โม่เหลิ่งเหยียนถามต่อ

“ข้าน้อยจำได้ว่า ตอนนั้นเหลียงเหรินยื่นมือไปคว้าแขนคุณหนูหยุน แขนซ้ายของคุณหนูหยุนมีปานแดงอันหนึ่ง” ลวี่เอ๋อร์รีบตอบทันที

หยุนถิงที่ไม่ได้คิดอะไรมาพลันขมวดคิ้วทันที เพราะแขนซ้ายเธอมีปานแดงจริงๆ

จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชามากขึ้น เขารู้จักร่างกายหยุนถิงดีกว่าใคร ย่อมต้องรู้เรื่องปานแดงบนแขนนางอยู่แล้ว ดูท่าอีกฝ่ายจะเตรียมการมา

โม่เหลิ่งเหยียนเห็นสีหน้าตึงเครียดของหยุนถิง ก็รู้ทันทีว่าสาวใช้คนนี้พูดถูก สายตาเย็นเยียบยิ่งเจิดจ้ามากขึ้น

“หยุนถิงเจ้าเปิดแขนให้นางดูเร็ว ขอเพียงบนแขนเจ้าไม่มีปานแดง ก็แสดงว่านางใส่ร้ายเจ้านะ?” โม่ฉือชิงรีบบอก

หยุนถิงมองบนใส่เขา ก่อนจะเลิกแขนเสื้อขึ้น “บนแขนข้ามีปานจริงๆ”

ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน ขนาดฮ่องเต้เองยังแปลกใจ เขาไม่อยากจะเชื่ออยู่แล้วว่าหยุนถิงจะฆ่าคน แต่สาวใช้ผู้นี้พูดสัญลักษณ์พิเศษนี้ออกมาได้ ย่อมยากจะที่ตอบปฏิเสธ

“ฝ่าบาท ในเมื่อสาวใช้สามารถพูดสัญลักษณ์พิเศษของหม่อมฉันออกมาได้ ดูท่าคราวนี้หม่อมฉันคงไม่อาจแก้ตัวได้แน่ ขอฝ่าบาทจับหม่อมฉันขังคุกหลวงเถอะ” หยุนถิงพูดขึ้น

“ไม่ได้!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น สีหน้าดำทะมึน

“ซื่อจื่ออย่าโกรธไปเลย ในเมื่อมีคนจงใจใส่ความข้า เช่นนั้นท่านก็ช่วยข้าหาตัวฆาตกรที่แท้จริงออกมาชำระล้างข้อกังขา ข้าจะรอท่านมารับข้าในคุกหลวงนะ” หยุนถิงปลอบเขา

“เสด็จพี่ แค่ดูก็รู้ว่าหยุนถิงโดนใส่ร้าย หม่อมฉันยังดูออกเลย ท่านคงมิอาจโดน หลอกลวงได้กระมัง?” โม่ฉือชิงพูดอย่างเดือดดาล

“เจ้าหมายความว่า หากข้าลงโทษหยุนถิง แสดงว่าข้าโง่งั้นรึ?” ฮ่องเต้ถามหน้าตึง

โม่ฉือชิงมุมปากกระตุก “เสด็จพี่ หม่อมฉันมิได้หมายความเช่นนี้ ท่านก็รู้ว่าหม่อมฉันพูดไม่เก่ง ยังไงซะหม่อมฉันเชื่อว่าหยุนถิงบริสุทธิ์”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันโดนใส่ร้ายจริงๆ ขอฝ่าบาทให้เวลาแก่ซื่อจื่อหน่อย ให้เขาสืบหาความจริง คืนความยุติธรรมให้แก่หม่อมฉัน และจับฆาตกรตัวจริงมาลงโทษ ให้จ้าวเหลียงเหรินนอนตายตาหลับด้วยเถิด”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันก็เชื่อว่าคุณหนูหยุนมิได้ฆ่าคน แต่บัดนี้พยานหลักฐานพร้อมเพรียง คุณหนูหยุนเองก็พูดแล้ว ขอฝ่าบาทวินิจฉัยด้วย!” ฮองเฮาเอ่ยขึ้น

“เช่นนี้ งั้นให้หยุนถิงไปอยู่ในคุกหลวงก่อน ข้าให้เวลาห้าวัน หากภายในห้าวันจวินหย่วนโยวหาตัวฆาตกรที่แท้จริงมาไม่ได้ คงได้แต่ทำตามกฎหมาย” ฮ่องเต้พูดอย่างเข้มงวด

“กระหม่อมรับบัญชา เพียงแต่ช่วงที่อยู่ในคุกหลวง อาหารการกินทั้งหมดของหยุนถิง กระหม่อมจะให้คนนำมาส่งด้วยตัวเองทุกวัน ขอฝ่าบาททรงเข้าพระทัยด้วย” จวินหย่วนโยวเอ่ยขึ้น

“อนุญาต”

“เช่นนั้นเสด็จพี่ หม่อมฉันขอไปติดคุกเป็นเพื่อนหยุนถิงได้หรือไม่?” โม่ฉือชิงเสนอ

ฮ่องเต้อดอึ้งไม่ได้ “เจ้าแน่ใจรึ?”

“เสด็จพี่รับสั่งเสมอมิใช่รึว่า ให้หม่อมฉันเข้าอกเข้าใจราษฎร์ ช่วยแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาทน่ะ นี่เลยหม่อมฉันสบโอกาสไปลิ้มรสชาติการติดคุกดูสักที” โม่ฉือชิงพูดอย่างหนักแน่นยิ่งนัก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปเถอะ” ฮ่องเต้พูดอย่างหน่ายใจ เจ้าสี่นี่ถึงกับยอมติดคุกเพื่อหยุนถิง มันช่างอยู่เหนือความคาดหมายของเขาที่มีต่อเจ้าสี่นัก

หากเป็นยามปกติ จวินหย่วนโยวไม่มีทางเห็นด้วยแน่ แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้พูดอะไร และหมุนตัวจากไปทันที