บทที่ 252 เจ้าเองรึ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 252 เจ้าเองรึ

โม่เหลิ่งเหยียนก็ตามออกมาด้วย ทั้งสองคนออกจากวัง และขึ้นรถม้าของตนเองกลับไป

บนรถม้า จวินหย่วนโยวไม่ได้กลับจวนซื่อจื่อ เขาออกคำสั่งทันทีให้หลงยีไปสืบเรื่องรองเสนาบดีจ้าว หลงซานไปสืบเรื่องจ้าวเหลียงเหริน หลงซื่อไปจับตาดูสาวใช้คนนั้น หลงอู่ไปจับตาดูฮองเฮา หลงลิ่วพาคนไปสืบเรื่องคนตระกูลหยุน โดยเฉพาะหยุนหลิงกับนางจ้าว

การที่สามารถรู้เรื่องปานแดงบนแขนหยุนถิงได้ ต้องเป็นคนที่คุ้นเคยสนิทมาก ร่างกายสตรีไม่อาจให้คนธรรมดาเห็นได้ นอกจากตัวเองแล้ว คนที่รู้ดีที่สุดคือครอบครัวของนางเอง

ก่อนหน้านี้ที่เทศกาลดอกท้อ หยุนหลิงก็มีการเล่นตุกติกบางอย่าง ตอนนั้นหยุนถิงสั่งสอนนางไปแล้ว ดังนั้นจวินหย่วนโยวเลยไม่ได้ใส่ใจนาง บัดนี้กลับมาหาเรื่องถึงตัวหยุนถิง ครั้งนี้จวินหย่วนโยวจะไม่ละเว้นโดยเด็ดขาด

ส่วนโม่เหลิ่งเหยียนพอขึ้นรถม้า เขารู้ว่าจวินหย่วนโยวต้องไปสืบหาความจริงแน่ ดังนั้นโม่เหลิ่งเหยียนจึงมุ่งไปโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งทันที

เขามุ่งไปที่ห้องอักษรเทียน พอเดินเข้าไปก็พูดเปิดอกเลยว่า “ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้าปกป้องคนผู้หนึ่ง”

หมิงจิ่วซางเลิกคิ้วมองโม่เหลิ่งเหยียนที่เดินเข้ามาพลางว่า “สามารถทำให้ซวนอ๋องเอ่ยปากได้ คนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ว่ามาเถิด ผู้ใดกัน?”

“หยุนถิง!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

หมิงจิ่วซางสำลักน้ำชาที่พึ่งเข้าปากไปออกมา และไอค่อกแค่กอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง “ข้าไม่ได้ฟังผิดกระมัง เจ้าจะให้ข้าไปคุ้มครองนาง สตรีผู้นั้นเก่งกาจมากมิใช่รึ?”

“นางถูกคนใส่ร้ายว่าฆ่าเหลียงเหรินของฝ่าบาท ตอนนี้อยู่ในคุกหลวง” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบายสั้นๆ

“จวินหย่วนโยวรักใคร่หยุนถิงขนาดนั้น ต้องส่งคนมาคุ้มครองนางแน่ เจ้าให้ข้าไปอีกมิเท่ากับเป็นส่วนเกินไม่จำเป็นรึ”

“จวินหย่วนโยวส่งคนมานั่นเป็นเรื่องของเขา หยุนถิงช่วยพี่สาวและหลานข้าไว้ บัดนี้นางเดือดร้อน ข้ามิอาจนิ่งดูดายได้” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

“เช่นนั้น ข้าจะไปแทนเจ้าสักครั้งแล้วกัน”

“ขอบใจมาก”

“สามารถทำให้เจ้าเอ่ยขอบใจได้นี่หายากยิ่งนัก ข้าอยากดูสิว่าเจ้าจะขอบใจข้าอย่างไร” หมิงจิ่วซางถามกระเซ้า

“ได้”

อีกด้านหนึ่ง หยุนถิงกับองค์ชายสี่ถูกพาตัวไปที่คุกหลวง หยุนถิงไม่มีวี่แววความลนลานหรือกังวลเลยสักนิด นางดูสบายๆเป็นธรรมชาติ

“หยุนถิง เจ้าว่าผู้ใดชั่วร้ายเยี่ยงนี้ คิดใส่ร้ายเจ้า หากให้ข้าจับตัวได้นะ ต้องจับมันมาฟาดแส้แลถลกหนังแน่” โม่ฉือชิงบ่น

“รอจนเจ้าจับตัวได้ ก็ไม่ทันการแล้ว” หยุนถิงย้อนใส่หน้าเขา

โม่ฉือชิงกระดากนัก “หยุนถิง เจ้าจะไว้หน้าข้าหน่อยมิได้รึ ข้ารู้ว่าตนเองไร้ฝีมือ นอกจากติดคุกเป็นเพื่อนเจ้าแล้วข้าก็คิดวิธีอื่นมิออกแล้ว”

“เอาล่ะ ล้อเจ้าเล่นน่า เจ้ายอมมาติดคุกเป็นเพื่อนข้า ข้าตื้นตันใจนัก อาศัยหลายวันนี้มาคิดดีกว่าว่า ต่อไปพวกเราจะขายอะไร” หยุนถิงตอบ

โม่ฉือชิงดีใจนัก “ตามใจเจ้าเลย”

ทั้งสองคนไปที่คุกหลวง หยุนถิงเหล่มองคนที่โดนพิษไฟคนนั้น เขายังอยู่ในคุกอยู่เลย จากนั้นหยุนถิงก็ให้ผู้คุมเอาเธอไว้ข้างคนนั้น

องค์ชายสี่เหล่มองคุกหลวงที่เก่าแก่ด้วยสีหน้ารังเกียจ และเรียกร้องออกมาทันทียกใหญ่

ผู้คุมมีหรือจะกล้าหือ เขารีบให้คนไปจัดเตรียมของตามที่องค์ชายสี่สั่งอย่างนอบน้อม ไม่นานห้องขังที่เก่าคร่ำครึก็ถูกจัดวางจนกลายเป็นห้องที่หรูหรา ผ้าห่มสะอาด โต๊ะ เครื่องเขียน เครื่องชา—-มีพร้อมทุกสิ่ง

วินาทีนี้หยุนถิงพลันเข้าใจทันทีว่า ทำไมซื่อจื่อไม่ได้ห้ามให้องค์ชายสี่มาติดคุกเป็นเพื่อนเธอ มีเขาอยู่ด้วย ก็ไม่ต้องกลัวผู้คุมจะต้อนรับไม่ดีแล้ว

หยุนถิงเดินตรงไปที่เตียงทันที ดึงผ้าห่มมาห่มนอนลง เมื่อคืนเธอดื่มมากไปหน่อย ตอนนี้หัวยังปวดอยู่เลย

“หยุนถิง เจ้ารีบพูดเร็ว ต่อไปพวกเราจะขายอะไรดี?” โม่ฉือชิงถาม

“ข้าขอนอนก่อน ไว้ตื่นแล้วค่อยว่ากัน”

“ก็ได้ เมื่อคืนเจ้าดื่มมากไปหน่อยจริงๆ จะว่าไป หลังจากเจ้ากลับไปโดนจวินหย่วนโยวรังแกหรือไม่ เขาเข้าใจเจ้ากับโม่เหลิ่งเหยียนผิดหรือไม่?” โม่ฉือชิงถามอย่างสนใจ

หยุนถิงพลันโยนสิ่งหนึ่งออกมา และเข้าปากโม่ฉือชิงโดยพลัน “กินปิดปากเจ้าซะ!”

โม่ฉือชิงเจ็บปาก ยกมือขึ้นหยิบออกมาดู ปรากฏว่าเป็นของดำๆ พลันรังเกียจ แต่ในเมื่อเป็นของที่หยุนถิงโยนมาให้ โม่ฉือชิงกัดกินหนึ่งคำ

รสชาตินี้ทำให้เขาประหลาดใจนัก พอก้มมองดูก็คือข้าว ในนั้นใส่ของไว้หลายอย่าง และยังเป็นของที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน โม่ฉือชิงเหมือนกับค้นพบแผ่นดินใหม่ก็ไม่ปาน เขาอ้าปากกัดกินคำโต

คนในห้องขังข้างๆได้ยินชื่อจวินหย่วนโยว คิ้วพลันขมวดมุ่น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เหล่มองหยุนถิงที่นอนอยู่อย่างสงสัย

ไม่คิดเลยว่า สตรีของจวินหย่วนโยวจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พ่อบ้านของจวนซื่อจื่อก็มา การกินการอยู่มีพร้อมทุกสิ่ง เอามาด้วยหมดเลย มีของใหญ่ถคงพวกเตียงผ้าห่ม โต๊ะ เล็กถึงอุปกรณ์กินข้าว และยังของเล่นต่างๆ พิณหมากหนังสือภาพ—-

ของที่ก่อนหน้านี้โม่ฉือชิงให้คนจัดวางโดนโยนทิ้งออกไป เปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด

หยุนถิงเริ่มรู้สึกเกรงใจ “พ่อบ้านลั่ว มันเกินไปหรือไม่ ข้าอยู่ที่นี่ไม่กี่วันเอง”

“ซื่อจื่อสั่งการไว้ หลายวันนี้ฮูหยินต้องลำบากแล้ว ดังนั้นทุกสิ่งที่กินและใช้ต้องใช้ของดีที่สุด อาหารสามมื้อต่อวันข้าน้อยจะให้คนนำมาให้ ฮูหยินอยากทานสิ่งใดสั่งการมาได้เลยขอรับ” พ่อบ้านลั่วตอบ

เขาได้ยินว่าหยุนถิงโดนใส่ความ ก็เป็นกังวลร้อนใจเสียยิ่งกว่าซื่อจื่อ ตอนนี้ไม่ว่าจะพยานหรือหลักฐานล้วนไม่เป็นผลดีต่อฮูหยิน เลยได้แต่หวังให้ซื่อจื่อสืบหาฆาตกรตัวจริงได้โดยเร็ว

เสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ข้างๆเห็นพ่อบ้านจวนซื่อจื่อเอิกเกริกอย่างนี้ ริมฝีปากบางพลันยิ้มเป็นเชิงเย้ยหยัน แม้เพียงแวบเดียว แต่หยุนถิงก็เห็นทัน

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเย้ยหยันข้ากัน พิษไฟในตัวเจ้าน่ะไปถึงเส้นหัวใจแล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ภาวนาเองแล้วกันเถอะ” หยุนถิงแค่นเสียงหึ

เสวี่ยเชียนโฉวตกใจนัก “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”

“ขันทีน้อยที่มารักษาเจ้าเมื่อสองวันก่อนคือข้าเอง ตอนนั้นข้ายังให้ยาเจ้าขวดหนึ่งเลย” หยุนถิงตอบ

“ที่แท้เป็นเจ้าเอง” เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้าประหลาดใจ “แล้วเหตุใดเจ้าเข้ามาอีกเล่า?”

“โดนคนใส่ความสิ ผ้าห่มของที่บ้านสบายที่สุดเลย มีกลิ่นของซื่อจื่อด้วย ข้านอนก่อนล่ะ โม่ฉือชิงถึงเวลาทานข้าวแล้วเรียกข้าด้วยนะ” หยุนถิงนอนลง หลับตาเข้าไปในมิติ

“ได้เลย” โม่ฉือชิงนอนบนอีกเตียง นั่งไขว่ห้าง ไม่มีความลำบากในการติดคุกเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับดูเริงร่าได้ใจนัก

คืนนั้นโม่เหลิ่งเหยียนก็พาหมิงจิ่วซางที่ปลอมแปลงใบหน้าแล้วไปที่คุกหลวง เดิมคุกหลวงเป็นเขตความรับผิดชอบของโม่เหลิ่งเหยียนอยู่แล้ว เพียงแต่พอเขาไปถึงหน้าประตูวัง จวินหย่วนโยวนำองครักษ์เงามังกรสี่นายยืนรออยู่แล้ว

“ซวนอ๋อง สี่คนนี้ท่านพาเข้าคุกไปด้วย พวกเขาจะทำหน้าที่คุ้มกันอารักขาความปลอดภัยของหยุนถิง” จวินหย่วนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาราบเรียบ

โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองสี่คนนั่น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นองครักษ์เงามังกรแน่ “เห็นแก่หน้าหยุนถิง ข้าจะพาพวกเขาเข้าไป”

“ขอบคุณมาก” จวินหย่วนโยวหมุนตัวจากไปทันที

“จวินหย่วนโยว หากเจ้ารักใคร่หยุนถิงจริง ก็รีบสืบหาคนร้ายให้ได้โดยเร็ว อย่าให้นางรอในนั้นนานไปนัก” น้ำเสียงเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนลอยมา

“วางใจเถิด ข้าไม่ยอมให้หยุนถิงโดนใส่ความนานนักดอก” จวินหย่วนโยวมุ่งตรงไปขึ้นรถม้าทันที