ตอนที่ 360 ยากจะพูด เหมือนเพิ่งตื่นจากห้วงแห่งความฝัน (5)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 360 ยากจะพูด เหมือนเพิ่งตื่นจากห้วงแห่งความฝัน (5)

“จริงด้วย จริงด้วย…”

“ใช่ ใช่…”

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ สีหน้าของท่านหญิงซูซูเยือกเย็น

มั่วเชียนเสวี่ยโมโหแล้วพุ่งตัวไปด้านหน้า เดินเข้าไปในเรือนดอกไม้ ยังไม่ทันมองหน้าตาของคนด้านในให้ชัดเจน นางก็ร้องตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าพูดอะไร”

เมื่อได้ยินเสียงทุกคนต่างตกตะลึง หญิงสาวที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสหันหน้ากลับมา

โดยมากล้วนเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ล้วนเป็นคนที่มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้จัก แต่ว่า ท่ามกลางสตรีเหล่านี้ คนที่แต่งกายงดงาม สีหน้ายโสโอหัง มั่วเชียนเสวี่ยเห็นอย่างชัดเจน

คนคนนั้น…คือย่วนอ้ายเวิงจู่ที่หาเรื่องนางในงานเลี้ยงดอกท้อ สตรีไร้สมอง แม้จะกลายเป็นเถ้ากระดูกมั่วเชียนเสวี่ยก็ยังจำได้!

มองหญิงสาวตรงหน้าที่แต่งตัวงดงาม มั่วเชียนเสวี่ยไม่เข้าใจจริงๆ ภายใต้เปลือกนอกที่งดงาม เหตุใดจิตใจของพนางจึงโสมมเช่นนี้

มีคนจับได้ว่าพวกนางนินทาว่าร้ายผู้อื่น ขอเพียงเป็นมนุษย์ย่อมต้องกระอักกระอ่วนใจ

พวกนางรู้ดีว่า ความสัมพันธ์ของมั่วเชียนเสวี่ยและท่านหญิงซูซูนั้นไม่ธรรมดา

อีกทั้ง มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใช่คนที่จะมีปัญหาด้วยได้

ท่านหญิงหญิงซูซูยิ่งไม่อาจมีปัญหาด้วย

หากท่านหญิงซูซูรู้ว่า พวกนางนินทานางลับหลัง แล้วหากคิดบัญชีอย่างจริงจังขึ้นมา เกรงว่า แม้แต่บิดาและพี่ชายของพวกนางก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย

สตรีหลายคนที่ตระกูลไม่ค่อยมีอำนาจเท่าใดนัก เวลานี้ตึงเครียด มองสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกนางด้วยสีหน้าซีดขาว

เห็นได้ชัดว่าท่ามกลางคนเหล่านี้ สตรีคนนี้คือท่านหญิงซินหรุ่ยบุตรีของอวี้จวิ้นอ๋อง

นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อน ผมยาวสลวยม้วนเป็นทรงมวยเหินฟ้า แต่ไม่ได้มีเครื่องประดับมากมาย เรือนร่างของนางก็เช่นเดียวกัน มีเพียงจี้หยกแขวนอยู่ที่เอวเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ไม่มีสิ่งใดแล้ว

ท่านหญิงซินหรุ่ยไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนที่ถูกจับได้ ความเป็นจริง ท่ามกลางคนที่นินทาเมื่อครู่ นางไม่ได้ร่วมวงด้วย

แต่ว่า นางไม่ชอบท่านหญิงซูซู

เป็นท่านหญิงเหมือนกัน ท่านหญิงซูซูมีสิทธิ์ใดน่าเกรงขามกว่านาง นาง ฟังแล้วรู้สึกสะใจ แน่นอนว่าย่อมไม่ห้าม

“ท่านนี้คือบุตรีสายตรงท่านกั๋วกงที่ช่วงหลังมานี้โดดเด่นยิ่งนัก มั่วเชียนเสวี่ย คุณหนูเชียนเสวี่ยใช่หรือไม่”

มั่วเชียนเสวี่ยหันหันไปมองคนพูด ทำสีหน้าไม่พอใจให้กับพวกนาง

ซูซูเป็นสหายของนาง หากได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ยังทำสีหน้าดีๆ ให้พวกนางได้ เช่นนั้นนางต่างหากที่เป็นคนโง่เขลา!

“โดดเด่นอะไรกัน นั่นล้วนเป็นเพียงคำไม่จริงเท่านั้น เชียนเสวี่ยไม่ถือว่าเก่งกาจ แต่คุณหนูทั้งหลายต่างหาก ที่ทำให้เชียนเสวี่ยนับถือ…”

นับถือะไรน่ะหรือ ก็นับถือที่พวกนางสามารถนินทาว่าร้ายผู้อื่นตลอดเวลาเช่นนี้!

แน่นอนว่าสตรีที่อยู่รอบๆ ย่อมฟังสิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดออก แต่ละคนยืนอยู่ตรงหน้าด้วยดวงแก้มแดงระเรื่อ ทำตัวไม่ถูก

พวกนาง ลำพองใจจนลืมตัว ทั้งยังอยากจะได้รับความสนใจจากท่านหญิงของตระกูลอวี้จวิ้นอ๋องจึงพูดเช่นนั้น ตอนที่พูดพวกนางไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้หวนคิดกลับไปแล้ว ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย!

ชั่วขณะหนึ่ง ภายในห้องเงียบสงัด ต่างไม่มีคนพูด

มั่วเชียนเสวี่ยมองบรรดาสตรีกลุ่มนี้ด้วยแววตาเยือกเย็น หัวเราะในลำคอ!

ทั้งๆ ที่เมื่อครู่วางตัวราวกับเกลียดท่านหญิงซูซูยิ่งนัก ราวกับว่าหากซูซูตายหรือว่าซูซูไม่อาจตบแต่งออกเรือน พวกนางดีใจยิ่งนักอย่างไรอย่างนั้น!

แต่เมื่อถูกจับได้ แต่ละคนต่างแก้มแดงไปถึงหู มั่วเชียนเสวี่ยเห็นแล้วท้องไส้ปั่นป่วน!

“คุณหนูเชียนเสวี่ยก็ทำให้ข้านับถือเช่นเดียวกัน”

ท่านหญิงซินหรุ่ยได้ยินเช่นนี้ ไม่ได้กระอักกระอ่วนแต่อย่างใด นางเลิกคิ้วขึ้นขมวด ถึงขั้นหันไปมองมั่วเชียนเสวี่ยอย่างมีเลศนัย ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณหนูเชียนเสวี่ยมีงานอดิเรกเป็นการแอบฟังผู้อื่นพูดคุยกัน เหตุใดจึงไม่เห็นคนในเมืองหลวงกล่าวชื่นชมเรื่องนี้”

ทำให้อับอาย! ให้ตายสินี่เป็นการทำให้อับอายชัดๆ!

ท่านหญิงซูซูที่อยู่ด้านหลังเรือนดอกไม้ สิ่งที่นางเกลียดที่สุดก็คือมีคนบอกว่านางไม่อาจตบแต่งออกเรือน ทว่า เมื่อได้ยินคำพูดของท่านหญิงซินหรุ่ย นางโมโหยิ่งกว่าเดิม!

พวกนางจะนินทาว่าร้ายตนอย่างไรก็ไม่เป็นเช่นไร! เพราะถ้อยคำเหล่านี้นางก็ฟังจนชินแล้ว แต่พวกนางกลับสาดน้ำเสียไปให้เชียนเสวี่ยเนี่ยนะ นางไม่ยอม!

ท่านหญิงซูซูไม่อาจอดทนต่อไปได้แล้ว!

สีหน้าเยือกเย็นของนางอยากจะพุ่งตัวเข้าไปแก้ตัวให้มั่วเชียนเสวี่ย! แต่ว่านางเพียงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง จู่ๆ ก็มีคนหยุดนางเอาไว้!

ทันทีนี้ ร่างกายของนางไม่อาจขยับเขยื้อน!

ซูซูตกตะลึง! รีบหันกลับไป นางเห็นซูชีที่ไม่รู้ว่ายืนอยู่ด้านหลังตนตั้งแต่เมื่อใด สายตาที่มองมาทางนาง เพียงแค่ชำเลืองมองด้วยแววตานิ่งเฉยเท่านั้น

เพราะแววตานิ่งสงบนี้ ทำให้ซูซูตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า!

แววตาของซูชีที่มองนาง เห็นชัดว่าเคล้าไปด้วยการตำหนิ!

เขาตำหนิที่ตนทำให้มั่วเชียนเสวี่ยพบเจอเรื่องแย่ๆ เช่นนี้!

ท่านหญิงซูซูฉงนเล็กน้อย เรื่องของมั่วเชียนเสวี่ย เกี่ยวอะไรกับซูชี เหตุใดเขาต้องมองตนเช่นนี้ แล้วตำหนิตนเช่นนี้

ซูซูจ้องมองไปที่ซูชี กระทั่งแววตาของซูชีฉายความเป็นห่วง ในที่สุดนางก็คล้ายจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง!

ความเป็นจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมาซูซูล้วนรู้สึกว่าสายตาที่ซูชีมองมั่วเชียนเสวี่ยผิดปกติ

ทว่า มั่วเชียนเสวี่ยเป็นคนตรงไปตรงมา ทั้งยังหมั้นหมายกับหัวหน้าตระกูลหนิงแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ!

แต่เวลานี้นางกลับไม่ได้คิดเช่นนี้แล้ว!

สายตาของซูชีเมื่อครู่ แววตาที่เคล้าไปด้วยการตำหนิ ทว่ากลับทำให้นางเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที!

เห็นชัดว่า…เห็นชัดว่าซูชีมีใจให้มั่วเชียนเสวี่ย!

แต่นางเพิ่งรู้ตอนนี้!

ช่างน่าขันยิ่งนัก!

นางถึงขั้นมองเขาด้วยความเขินอาย ต่อหน้ามั่วเชียนเสวี่ย ถึงขั้นจะให้มั่วเชียนเสวี่ยสืบความชอบของเขามาให้นาง!

ท่านหญิงซูซูรู้สึกแย่ยิ่งนัก!

ดวงหน้าของนางร้อนผ่าว ร้อนจนนางรู้สึกทรมานอย่างยิ่ง

ดวงหน้าของนางร้อนผ่าวไม่ใช่เพราะบุรุษที่ตนมีใจยืนอยู่ตรงหน้าแล้วทำให้ตนเขินอาย แต่เป็นเพราะโมโห โกรธเคือง!

เวลานี้ซูซูไม่อยากจะคิดจริงๆ ว่า หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่านางชอบซูชี มั่วเชียนเสวี่ยจะคิดเช่นไร!

จะรังเกียจ หรือจะซ้ำเติม?

ไม่ใช่ว่านางไม่อยากคิดในทางที่ดี แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของนาง ทำให้นางไม่อาจยอมรับได้! จะ…จะให้นางยอมรับได้อย่างไร

ซูซูเม้มกัดริมฝีปากล่างแน่น มองซูชีด้วยความโมโห!

ในเมื่อเจ้ามีคนที่ชมชอบ เหตุใดจึงไม่บอกข้า เหตุใดจึงไม่พูดให้ชัดเจน เหตุใดจึงถึงขั้นให้ข้าเป็นเหมือนลิง แล้วทำตัวโง่เขลาในผู้อื่นชม! ยามสตรีขาดสติ ล้วนน่ากลัวยิ่งนัก ท่านหญิงซูซูในเวลานี้ กำลังเข้าสู่วังวนนี้แล้ว!

————————————-