ตอนที่ 242

Great Doctor Ling Ran

หลังจากหลิงรันพึงเสร็จสิ้นการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วสองนิ้วที่เขานัดไว้ในวันนี้ เขาจึงหันไปขัดผิวเพื่อทำความสะอาดร่างกายและออกจากพื้นที่ปฏิบัติการ

หมอลู่เองก็เลียนแบบหลิงรันเช่นกัน เขามี่ท่าทางสับสนในการขัดผิวของตัวเองเป็นอย่างมาก หลังจากเขากลับไปที่สำนักงานเขารู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป เขาจึงใช้โอกาสนี้ถามหลิงรันว่า“ การผ่าตัดไม่สนุกสำหรับคุณอีกต่อไปแล้วหรอ? หรือคุณรู้สึกไม่สบายอะไรอยู่รึเปล่า? วันนี้พวกเรามีผู้ป่วยสองคนจริงๆเหรอ?”

ก่อนหน้านี้เมื่อหมอลู่ก็สังเกตเห็นว่าหลิงรันเลือกผู้ป่วยเพียงสองรายในการผ่าตัดของเขาเท่านั้น เขาคิดว่าหลิงรันต้องการรอให้มีผู้ป่วยจำนวนมากมาถึงก่อนที่เขาจะเลือกผู้ป่วยรายต่อไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงรันจะเปลี่ยนมาขัดผิดและถอดชุดผ่าตัดออกก่อนหน้านี้สำหรับการทำการผ่าตัดผู้ป่วยเพียงสองรายเท่านั้น?

“ เราจำเป็นต้องใช้วอร์ดของเราเพียงเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น “หลิงรันมองไปที่หมอลู่และพูดอย่างมีประสบการณ์ว่า” มันเหลือเพียงสี่สิบเตียงเท่านั้นและแม้ว่าเราจะเพิ่มเตียงเสริมก็จะมีแค่แปดสิบเตียง เราไม่สามารถผ่าตัดผู้ป่วยทุกรายได้ในครั้งเดียวเหมือนแต่ก่อน ”

ในตอนนั้นเองผู้อำนวยการฮวงก็เดินเอามือไขว้หลังเข้ามาและเมื่อเขาได้ยินหลิงรันใช้คำว่า“ วอร์ดของเรา” เขาก็มีความรู้สึกว่ามือซ้ายของเขาแทบจะปล่อยมือออกจากมือขวาด้วยความแปลกใจ

“ จะบอกเลยว่าสำหรับแผนกของเขาการหาเวลาว่างนั้นเป็นเรื่องยากที่สุด แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันพึงจะได้ขอเพิ่มเตียงผู้ป่วยสำหรับแผนกของเรา คาดว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้” ผู้อำนวยการฮวงได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเตียงผู้ป่วยใหม่ที่กำลังจะมา เมื่อแพทย์ในสำนักงานได้ยินอย่างงั้นพวกเขาเริ่มจับกลุ่มกันเมาท์ถึงเรื่องนี้

ทางโรงพยาบาลนั้นเข้มงวดมากเมื่อพูดถึงการจะขอให้เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยซึ่งในความเป็นจริงยิ่งองค์กรใหญ่ขึ้นมากเท่าไรระบบการแพทย์ก็ยิ่งเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน

ในความเป็นจริงที่ว่าแค่ผู้อำนวยการฮวงถ้าเขาต้องการเพิ่มเตียงผู้ป่วยในแผนกจริงๆเขาก็แค่เอ๋ยปากด้วยน้ำเสียงที่เคร่งครึมก็ทำให้พวกผู้บริหารคนอื่นๆอนุมัติการเพิ่มเตียงให้กับแผนกฉุกเฉินได้แล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาคารเวชศาสตร์ฉุกเฉินมีขนาดใหญ่มากและแผนกเองก็มีวอร์ดของตนเองจึงสามารถเสริมเตียงให้ดูเหมือนเตียงโรงพยาบาลทั่วไปได้ เขาเพียงแค่อธิบายสิ่งเหตุผลในการเพิ่มเตียงผู้ป่วยต่อคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาล เมื่อเขาได้รับอนุมัติโรงพยาบาลก็จะคิดเสียว่าเตียงเสริมเหล่านั้นเป็นเตียงของโรงพยาบาลทั่วไปแทนในระหว่างการตรวจนับเตียงจริงๆแต่มีข้อกำหนดเฉพาะจากโรงพยาบาลคือให้แผนกฉุกเฉิน จำกัด จำนวนเตียงเสริมที่วางไว้ในทางเดินและหอผู้ป่วยเพียงเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น

อย่างไรก็ตามสำหรับการตรวจสอบโดย สถาบันที่ดูแลระบบการดูแลสุขภาพเช่นสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเตียงเสริมทั้งหมดจะต้องมีผู้ป่วยอยู่จริงและใช้เตียงเสริมนั้นอยู่ มันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อคณะกรรมการสุขภาพและสวัสดิการเข้ามาตรวจสอบ เตียงเสริมที่ว่างอยู่นั้นจะต้องถูกนำออก ถ้าไม่ถูกนำออกมามันก็จะถูกเหมารวมให้กลายเป็นเตียงธรรมดาทั่วไปและถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้ทางโรงพยาบาลจะต้องจ้างแพทย์และพยาบาลเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนเตียงที่มีอยู่

แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้อำนวยการฮวงเองนั้นก็ต้องการสร้างศูนย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินอยู่ก่อนแล้วรวมถึงการเพิ่มกำลังคนและเตียงเป็นนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็น มิฉะนั้นแล้วจะเรียกว่าศูนย์เวชาศาสตร์ได้เช่นไร ถ้าเขาไม่สามารถทำตามเกณฑ์ขั้นพื้นฐานเพื่อสร้างศูนย์ได้

หลิงรันได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า“ มีหนึ่งร้อยแปดสิบเตียงในศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อ พวกเขาเพิ่มอีกห้าสิบถึงหกสิบเตียงเข้ามาเสริมเท่านั้น แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอสำหรับอัตราการหมุนเวียนของผู้ป่วยอยู่ดี แต่ยังดีที่แผนกของเรายังมีห้องพอสำหรับการขยายให้มีจำนวนเตียงเพิ่มมากขึ้นได้ ”

โดยที่คนยืนอยู่ถัดจากหลิงรันก็คือ หมอโจวเมื่อหมอโจวได้ยินเช่นนั้นมันทำให้เขาตกตะลึงเนื่องจากหมอโจวคิดว่าเขาคงรับกับภาระที่หนักขึ้นขนาดนี้ไม่ไหวถ้ามีการจัดตั้งศูนย์ขึ้นมาจริงๆเพราะจำนวนผู้ป่วยที่เขาต้องดูจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ถึง 7 คนซึ่งมันจะทำให้เขาต้องเหนื่อยตัวเป็นเกลียวแน่ๆ

รองผู้อำนวยการแผนกดู่เองก็รู้สึกอึดอัดในทำนองเดียวกัน “หมอหลิงจริงๆแล้วโรงพยาบาลของเราก็ถูกจัดว่าเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่อยู่แล้วนิ มันจำเป็นด้วยหรอที่จะเพิ่มเตียงให้เยอะขึ้นไปอีก”

“ ตอนนี้เรามีหนึ่งร้อยเตียงอยู่แล้วไม่ใช่หรือยังไง”

“ ฉันหมายความว่าพวกเราไม่ควรเพิ่มเตียงเสริมไปมากกว่านี้แล้ว”

“ แต่ถ้าเราเพิ่มเตียงไปอีกไม่กี่เตียง มันก็จะครบสองร้อยเตียงอยู่แล้วไม่ใช่รึยังไง?

“ นี้แสดงว่าการเพิ่มเตียงครั้งนี้ มันจะทำให้จำนวนเตียงในโรงพยาบาลของเราเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเลยสินะ” รองผู้อำนวยการฝ่ายดู่หลังจากพูดเสร็จเขาก็รู้สึกว่านี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆอีกต่อไป “ หลิงรันจึงหยุดคิดเกี่ยวกับมัน “แต่คุณก็ใช้สองเตียงวันนี้จากการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วสองครั้ง และผู้ป่วยจะต้องอยู่ที่นี่มากถึงสี่สิบวันเช่นกันไม่ใช่หรือยังไง-อีกทั้งมันก็ไม่ได้เพิ่มเยอะขนาดนั้นเพราะตอนนี้เรามีอยู่ 180 เตียงอยู่แล้ว”

ผู้อำนวยการฮวงไอสองสามครั้งและตัดบทรองผู้อำนวยการก่อนที่เขาจะต้องอายจากการคำนวนผิดพลาดซึ่งมันจะทำให้เขาเสียหน้ามากๆเขากล่าวว่า“ เราควรกระตุ้นให้หลิงรันต้องการเตียงเพิ่มขึ้น เมื่อคนหนุ่มสาวเต็มใจทำงาน เราไม่ควรรั้งพวกเขาไว้ หลิงรันเพียงแค่มุ่งเน้นการทำผ่าตัดเหล่านั้นให้ดี หลิงรัน นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่น อย่างไรก็ตามงานวิจัยของนายมันค่อนข้างดี จงทำงานหนักเหมือนเดิมและเมื่อเสร็จแล้วให้ไปที่แผนกการเงินเพื่อรับรางวัลได้เลย ”

“อย่างงั้นก็ตามที่ผู้อำนวยการฮวงบอก” หลิงรันเข้าใจความหมายของผู้อำนวยการฮวงที่บอกเขา เขาดื่มน้ำเล็กน้อยก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วพูดว่า“ หมอลู่ไปที่ห้องปฏิบัติการกันเถอะ ”

“โอเค . ” หมอลู่เดินติดตามหลิงรันไปในทันที

ผู้อำนวยการฮวงก็หันไปมองหลิงรันด้วยรอยยิ้มก่อนที่หลิงรันจะเดินออกจากประตูไป

เมื่อผู้อำนวยการฝ่ายรองดู่ เห็นการแสดงออกของผู้อำนวยการฮวงเขาพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า“ ก่อนหน้านี้คุณเกรงกลัวหลิงรันมาไม่ใช่หรอ?”

“ อืม…ไม่…อืมก็นิดหน่อย” ผู้อำนวยการฮวงถอนหายใจ

“ เราทุกคนเห็นว่าหลิงรันดำเนินการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะที่หกหรือเจ็ดนิ้วต่อวัน ทำไมคุณถึงให้เขาใช้เตียงได้ไม่ จำกัด จำนวน? ไม่มีใครในแผนกของเราสามารถใช้เตียงได้ตามใจตัวเองขนาดนี้มาก่อน…” รองผู้อำนวยการดู่กล่าวน้ำเสียงที่มีความกังวล

“ คุณไม่ได้ยินสิ่งที่หลิงรันพูดหรือยังไง” ผู้อำนวยการฮวง ตอบคำถามของผู้อำนวยการแผนกดู่ ด้วยคำถามอื่น

“ ตรงไหน?” รอวผู้อำนวยการดู่ถามด้วยความสับสน

ผู้อำนวยการฮวงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโมโหและพูดว่า“ เขาพูดว่า ‘แผนกของเรา‘ และ ‘พวกเรา‘ นั่นหมายความว่าอย่างไร?”

“ มันหมายความว่าหลิงรันรู้ใช้คำเหล่านั้นแทนตัวเขารึเปล่า??”

“ มันหมายความว่าหลิงรันมองว่าแผนกของเราเป็นบ้านของเขาและภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของเรา “ หลังจากผู้อำนวยการฮวงบอกความหมายกับรองผู้อำนวยการดู่ เขาก็พูดต่อว่า“ คุณพูดถึงการเข้าถึงเตียงไม่ จำกัด จำนวน เราเป็นแผนกฉุกเฉิน คุณเคยต้องการใช้เตียงไม่ จำกัด จำนวนก่อนหน้านี้หรือป่าว? มันมีด้วยหรอเหรอ?”

รองรฝ่ายผู้อำนวยการดู่ก็เงียบไป

มีสิ่งหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับแผนกฉุกเฉินคือ พวกมันสามารถถ่ายโอนผู้ป่วยไปยังแผนกอื่น ๆได้

แน่นอนว่าถ้าแผนกอื่นยินดีที่จะรับผู้ป่วยเหล่านั้น

ภายใต้สถาณการณ์ทั่วไปผู้ป่วยจะได้รับการกู้ชีพโดยผู้อำนวยการฮวง และคนอื่น ๆ และจะได้รับการจัดสรรให้กับหน่วยงานอื่นๆ โดยทางหน่วยงานเองจะส่งคนมารับผู้ป่วยเหล่านี้ มีผู้ป่วยเพียงเล็กน้อยเช่นผู้ที่มีอาการท้องร่วงปวดท้องปวดหัวและผู้ที่อาเจียนไม่หยุดจะถูกนำตัวไปไว้ที่ห้องสังเกตการณ์ของแผนกฉุกเฉินเพื่อทำการตรวจเนื่องจากยังไม่มีการวินิจฉัยที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตามเมื่อหลิงรันฉกฉวยงานของแผนกศัลยกรรมมือมาได้ก็ต่อเมื่อผู้อำนวยการฮวงก็จะโอนค่าธรรมเนียมการผ่าตัดทั้งหมดไปยังบัญชีของแผนกศัลยกรรมมือ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้แผนกศัลยกรรมมือนำผู้ป่วยมาให้หลิงรันฟรีโดยไม่มีการตอบแทนใดๆ

กล่าวอีกนัยหนึ่งแผนกฉุกเฉินที่ใหญ่ขึ้นก็ต้องการเตียงในโรงพยาบาลของตัวเองจำนวนมากขึ้นนั้นเอง

รองผู้อำนวยการดู่ รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาแต่ทำได้แค่ถอนหายใจอีกครั้ง “ ถ้าหลิงรันคลั่งไคล้กับการผ่าตัดอีกครั้งไม่ว่าเราจะเพิ่มเตียงในโรงพยาบาลจำนวนเท่าไหร่ก็คงไม่เพียงพอ ”

“ เราจะพูดถึงมันเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ ทุกปัญหามีทางออก “ เมื่อผู้อำนวยการฮวง ตระหนักว่าแพทย์รอบตัวเขากำลังฟังเขาเขาพูดอย่างตั้งใจก่อนที่เขาจะพูดต่อไปว่า“ ไม่มีโรงพยาบาลแห่งไหนที่กลัวว่าจะมีผู้ป่วยมากเกินไป และผู้ป่วยก็พร้อมกับการจ่ายเงินประกันเราได้รับมากกว่า 20,000 หยวนจากผู้ป่วยแต่ละรายที่ผ่านการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้ว คุณคิดว่าฉันจะสามารถต่อรองเพื่อหาทางในการประชุมผู้บริหารโรงพยาบาลได้อย่างไร?ถ้าไม่ใช้เหตุผลนี้”

ดูเหมือนว่าเมื่อรองผู้อำนวยการดู่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้เขาใจเย็นลงทันที

แผนกสามารถพึ่งพาความสามารถของผู้อำนวยการแผนกในการโต้เถียงผ่านทางการบริหารโรงพยาบาลเพื่อให้แผนกเติบโตได้ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะถกเถียงได้มากขนาดไหนอย่างไรก็ตามผู้อำนวยการแผนกก็ต้องการข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนข้อมูลของเขาเช่นกัน ในอดีตแผนกฉุกเฉินเติบโตขึ้นโดยอาศัยแผนกศัลยกรรมแผลและการเผาไหม้ที่มีชื่อเสียงความจริงที่ว่าโรงพยาบาลหยุนหัวมีชื่อเสียงและพื้นที่รับผิดชอบโดยผู้อำนวยการฮวงคว้ามาจากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินปักกิ่งโดยใช้อิทธิพลและความสามารถ โต้เถียงกับคนอื่น ด้วยการเพิ่มการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วมือและโปรแกรมการผ่าตัดเอ็มถังในปีนี้แม้หัวหน้าแพทย์จะพบว่าชีวิตของพวกเขาดีขึ้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่รองผู้อำนวยการแผนกดู่จะต้องโต้เถียงอะไรอีกต่อไป

เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้โรงพยาบาลไม่ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะจ้างแพทย์ที่มีประสบการณ์เพียงเพื่อทำการผ่าตัดมากขึ้นได้รับอัตราการเข้ารักษาที่สูงขึ้นในโลกการแพทย์และมันจะช่วยเพิ่มอิทธิพลของแผนกจริงๆหรอ?

แพทย์ที่เข้ารับการรักษาทั่วไปจะบ่นถึงอาการเมื่อยล้าหลังจากทำการผ่าตัดโดยเฉลี่ยยี่สิบถึงสามสิบครั้งต่อเดือน ในทางกลับกันหลิงสามารถทำการผ่าตัดใหญ่สามสิบถึงสี่สิบครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ด้วยศักยภาพของเขาเอง มันทำให้ผู้อำนวยการแผนกผู้อำนวยการฮวงมีสิทธิ์ที่จะขอใช้เตียงโรงพยาบาลได้ไม่ จำกัด จำนวนได้โดยใช้หลิงรันเป็นข้ออ้างในเรื่องนี้

แต่หากมีเตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยจริงๆเหมือนครั้งก่อนๆแพทย์ก็จำเป็นจะต้องไล่ให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลโดยไม่มีทางเลือกอื่น

ในขณะที่ผู้คนในสำนักงานถกเถียงกันเรื่องนี้ หมอลู่ก็ไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนาด้วย เมื่อเขาพบว่าหลิงรันมีจุดประสงค์ที่จะต้องการเย็บแผลของผู้ป่วยรายอื่นๆที่เข้ามาในโรงพยาบาลโดยที่หมอลู่จำเป็นจะต้องตามหลิงรันไปที่พื้นที่ปฏิบัติการในทันที

“ มันไม่ดีเลยนะที่จะโยนงานเหล่านั้นให้หลิงรันที่เป็นแค่แพทย์ฝึกงานเช่นนี้จริงไหมทุกคน?” เมื่อหมอลู่เห็นความโลภของแพทย์ที่อยู่รอบตัวเขา มันก็ทำให้หมอลู่รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที เขาเป็นแพทย์ประจำแผนกแล้วและในปีหน้าเขาจะเป็นแพทย์ประจำบ้าน กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาอยู่ในโรงพยาบาลมาประมาณห้าปีแล้ว เขายังเป็นได้เพียงแพทย์ประจำบ้านที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนแรกในการผ่าตัดเอ็มถัง, การผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้ว, และการผ่าตัดรักษาเอ็นร้อยหวาย เขาอาจได้รับการพิจารณาว่าเป็นบุคคลที่น่านับถือและสูงขึ้นในพวกแพทย์มือใหม่

ในตอนนี้หมอลู่ยืนอยู่ต่อหน้าแพทย์ฝึกหัดและแพทย์ประจำบ้านหรือแพทย์ประจำบ้านที่ยังไม่เคยเข้าร่วมการผ่าตัดใดๆเลย เขารู้สึกได้ถึงความได้เปรียบทางด้านจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าแพทย์เหล่านั้นอย่างบอกไม่ถูก

นั่นเป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเขาเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ได้รับการฝึกฝนจากนักวิชาการในสายเทคโนโลยีศัลยกรรมกระดูกและข้อที่ดีที่สุดของจีนนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าหมอลู่นั้นได้กล่าวข้ามทักษะที่เหนือกว่าแพทย์ทั่วไปที่สามารถเย็บแผลง่ายๆได้เท่านั้น เขาเกิดความยิ่งทะนงขึ้นมาในจิตใจก่อนที่เขาจะหันกลับมาเพื่อที่คว้าเคสการรักษาที่อยู่ตรงหน้าของเขาเพื่อที่จะยื่นให้หลิงรัน

แต่หลิงรันเองก็ทำให้หมอลู่นั้นแปลกใจขึ้นมาอีกครั้ง “ ฉันเป็นแค่แพทย์ฝึกงานนะอย่าลืมสิ ”

“ นาย…” หมอลู่พูดอะไรไม่ออกเมื่อเขามองหน้าหล่อของหลิงรัน

“ เราจะนั่งในห้องเล็ก ๆ สองห้อง ช่วยหาคนที่มีบาดแผลใหญ่ๆให้เราด้วย” หลิงรันขอความช่วยเหลือพยาบาลที่ประจำการในห้องรักษา จากนั้นเขาก็นั่งลงในห้องเล็ก ๆ ซึ่งว่างเปล่าแล้วดึงผ้าม่าน

หมอลู่เองก็พุ่งเข้ามาในห้องเล็ก ๆ อย่างลังเลเช่นกัน

เขาเป็นหมอประจำแผนกและชื่อของเขาจะอยู่ในรายชื่อของคนที่ทำหน้าที่ในการเย็บแผลในวันนี้

ตอนนี้หมอลู่รู้สึกผิดอย่างยิ่งกับสิ่งที่เขาพึงภาคภูมิใจไปเมื่อตะกี้

ในไม่ช้าผู้ป่วยในรถเข็นที่มีบาดแผลที่ต้นขาของเขากางออกเมื่อเข้าไปในห้องเล็ก ๆ

“คุณชื่ออะไร? คุณอายุเท่าไหร่” หมอลู่หยิบปากกาและกระดาษขึ้นเป็นประจำก่อนที่เขาจะเริ่มเขียนบันทึกทางการแพทย์ของผู้ป่วย

ในฐานะที่หมอลู่เป็นคนถามคำถาม หลิงรันได้ขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัวในการพาผู้ป่วยไปที่เตียงรักษาและหลิงรันก็ตรวจดูแผลของผู้ป่วยและครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ

“ หมอลู่คุณช่วยเรียกพยาบาลเข้ามาในห้องได้ไหม” หลิงรันถามเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าหมอลู่เสร็จจากบันทึกการแพทย์แล้ว

หมอลู่วางบันบันทึกลงอย่างรวดเร็วและออกไปหาพยาบาล

นี้เป็นการเย็บแบบทั่วไปและอาจจะดำเนินการโดยแพทย์และพยาบาลหรือเพียงคนใดคนหนึ่งก็ได้ แต่หมอลู่ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าตอนนี้มีหมอถึงสองคนแล้วทำไมหลิงรันต้องการให้พยาบาลมาเข้ามาเพิ่มอีก

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะขอให้พยาบาลเข้ามาช่วยเมื่ออ้างชื่อหลิงรันให้กับพวกเธอทราบ เนื่องจากพยาบาลจะรีบไปที่ด้านข้างของเขาเมื่อพวกเขารู้ว่าหลิงรันได้ขอร้องพวกเขาให้มาช่วย มันเลยไม่เป็นปัญหาถ้าหมอลู่จะขอพยาบาลช่วยด้วยวิธีนี้

ในไม่ช้าพยาบาลสองคนก็มาถึงในเวลาเดียวกัน

เมื่อ หมอลู่ก้าวออกไปเพื่อให้พยาบาลเดินเข้าไปแทนตำแหน่งของเขา ซึ่งหมอลู่ก็คิดในใจว่า ‘โลกนี้มันไม่ยุติธรรม’

“ บริเวณของแผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีการขาดของผิวหนังเล็กน้อย ผมวางแผนที่จะทำการเย็บเสริมแรงที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ด้วยวิธีนี้แผลเป็นจะเล็กลงหลังจากแผลหายดีขึ้น ผมต้องการใช้การเย็บที่ดูดซับแรงผ่านไหมเย็บแผลขนาด 2-0 คุณมีหรือป่าว” หลิงรันอธิบายให้ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยในขณะที่ เขาถามพยาบาลเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เขาพึงขอไป

ผู้ป่วยและญาติๆของเขามองหน้ากันและกัน พวกเขาได้แต่ตกลงกันอย่างไม่เต็มใจหลังจากที่พวกเขารู้ค่ารักษาในครั้งนี้

พยาบาลสองคนรู้มีท่าทางแปลกๆเมื่อเขาดึงไหมผ่าตัดขึ้นมาก่อนที่พวกเธอจะแนบไหมผ่าตัดเข้ากับเข็มแล้วส่งไปที่หลิงรัน ทันทีที่หลิงรันเปิดบาดแผลเสร็จและเย็บแผลภายในให้เรียบร้อยเขาก็แทงเข็มผ่านทางด้านหนึ่งของแผล …

วิธีการนี้เองก็ทำให้หมอลู่ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า“ หมอหลิงบาดแผลยาวสามนิ้ว คุณใช้เทคนิคการเย็บใต้ไหมแผลอย่างงั้นหรอ?”

แผลของผู้ป่วยอยู่ที่ต้นขาของเขา แม้ว่าลักษณะของแผลเป็นจะดีกว่าด้วยการใช้เทคนิคการเย็บแผลใต้ผิวหนัง แต่บาดแผลที่เย็บโดยใช้เทคนิคการเย็บแผลใต้ผิวหนังนั้นจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเย็บโดยใช้เทคนิคอื่น เนื่องจากแผลมีความยาวสามนิ้วแผลอาจแตกหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นผู้ป่วยจะเกิดรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดขึ้นได้

หลิงรันจึงบอกกับหมอลู่ว่า “ นี่เป็นการเย็บเสริมแรงอย่างตั้งหาก” เขากล่าว

เทคนิคการเสริมแรงจะช่วยลดความตึงเครียดของการเย็บ ความตึงเครียดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวนั้นฉีกได้

เมื่อหลิงรันพูดจบหลิงรันก็ได้สอดเข็มเข้าไปในผิวหนังของผู้ป่วยแล้ว หลังจากนั้นก็ทำการเย็บสี่ครั้งติดต่อกันเขาทำปมที่ผิวด้านนอกของผิวหนังของผู้ป่วยในตำแหน่งที่เขาสอดเข็มไว้ครั้งแรก จากนั้นเขาก็ทำซ้ำกระบวนการสามครั้งและใส่ไหมผ่าตัด 2-0 “ คุณช่วยเย็บแผลด้วยไหมผ่าตัด 5-0 ให้ฉันได้ไหม?” เขาถามพยาบาล

หมอลู่ก็รู้ทันทีว่าหลิงรันต้องการที่ทำการเสริมแรงยึดในการผ่าตัดมากขึ้นไปอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งหลิงรันได้ดึงผิวหนังแยกออกมาด้วยกันในเวลาเพียงสิบสองวินาที

“ ความตึงเครียดของผิวหนังกระจายไปยังผิวหนังแท้และพังผืดรึป่าว?” หมอลู่ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งสงสัย

“ อืมถึงแม้ว่าแผลจะยาวสามนิ้วหลังจากที่เรากระจายความตึงเครียดเราสามารถเย็บโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่ก่อนหน้านี้ได้” หลิงรันอธิบายและทำการเย็บต่อไป

พยาบาลสองคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาอ้าปากค้างพร้อมชื่นชม “ หมอหลิงคุณน่าทึ่งมาก!”

หมอลู่ก็รู้สึกว่าโลกนี้ยุติธรรมเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แม้ว่าพวกเขาเพิ่งจะทำการผ่าตัดและเย็บแผลแต่ลักษณะที่แผลที่ออกมานั้นกับดูสวยงามเกินกว่ามือใหม่จะทำมันออกมาได้มันทำให้หมอลู่เองก็เขินเล็กน้อยกับผลงานในครั้งนี้