ตอนที่ 569 ชายหนุ่มผู้แสนกระหายเลือด (1) / ตอนที่ 570 ชายหนุ่มผู้แสนกระหายเลือด (2)
ตอนที่ 569 ชายหนุ่มผู้แสนกระหายเลือด (1)
ในเวลาต่อมา ฝูงชนก็พากันบ้าคลั่งและบรรยากาศการประมูลก็ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด!
สองแสนตำลึงเป็นเพียงราคาเริ่มต้น และราคาก็พุ่งขึ้นไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ!
อัตราความเร็วของราคาที่พุ่งขึ้นนั้นไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน!
ตอนที่ราคาของโอสถจำศีลเม็ดแรกทะลุไปถึงห้าแสนตำลึง อัตราความเร็วจึงเริ่มช้าลง
ห้าแสนตำลึงสำหรับโอสถวิเศษเม็ดเดียว ได้ขึ้นไปถึงจุดของราคาสำหรับโอสถวิเศษที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นมีเพียงโอสถวิเศษของสำนักชิงอวิ๋นเท่านั้นที่แตะไปถึงจุดนั้น
ถ้ามันเพิ่มสูงขึ้นอีก ราคาของมันก็จะเกินกว่าที่ใครหลายๆ คนในที่นี้จะเอื้อมถึง
ผู้รับผิดชอบการประมูลเห็นว่าราคาได้หยุดลงแล้วและรู้ว่ามันมาถึงจุดสูงสุดแล้ว เขาจึงตะโกนประกาศราคาครั้งสุดท้ายออกมาสามครั้งและกำลังจะเคาะไม้ปิดการประมูล อย่างไรก็ตามเสียงที่ค่อนข้างอ่อนวัยเสียงหนึ่งพลันก็ดังขึ้น!
“หนึ่งล้านตำลึง!”
เสียงนั้นดังมาจากห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปทางตำแหน่งที่เสียงนั้นดังส่งมา!
บุรุษที่มีใบหน้าคมเข้มทรงเสน่ห์สี่คนนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวนั้น พวกเขาสวมใส่ชุดอาภรณ์หรูหราราคาแพง คนที่ขานราคาขึ้นมา ก็คือคนที่อายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเขา และดูเหมือนจะอายุเพียงแค่สิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่รูปงามจนน่าตกตะลึง อย่างไรก็ตามท่วงท่าที่สง่าผ่าเผยของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรง หวาดกลัวว่าจะทำให้พื้นที่ที่เขายืนอยู่ต้องแปดเปื้อนไปด้วย
ชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาคมคายผู้นั้นกวาดสายตามองฝูงชนที่ชั้นหนึ่งอย่างดูถูกเหยียดหยาม สายตาของเขาแสดงความรังเกียจอย่างถึงที่สุดต่อผู้คนจำนวนมากเบื้องล่าง ทำให้ทุกคนตัวสั่นเทาจนอยากจะวิ่งหนีไป
ผู้รับผิดชอบการประมูลยืนนิ่งอึ้งอยู่บนเวทีด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด
เขาเป็นผู้รับผิดชอบการประมูลที่โรงประมูลชานหลินมาเกือบสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยขายสินค้าได้ราคาสูงจนน่าเหลือเชื่อเช่นนี้มาก่อน
โอสถวิเศษเม็ดเดียว ขายได้ถึงหนึ่งล้านตำลึงเลยเนี่ยนะ!
มือที่ถือค้อนเคาะประมูลอยู่สั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ยังจะมีผู้ใดเสนอราคาอีกหรือไม่” ชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาถามขึ้นด้วยสายตาเฉยชา เขากวาดมองไปยังกลุ่มคนจำนวนมากพร้อมกับยิ้มเยาะ
ทั่วทั้งโรงประมูลเงียบกริบ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้รับผิดชอบการประมูลก็รีบขานราคาสามครั้งเมื่อเขาเห็นสายตาหงุดหงิดของชายหนุ่มผู้นั้นที่จ้องมองมาที่เขา เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดเสนอราคาเพิ่มอีก เขาก็ยกค้อนขึ้นและเคาะปิดการประมูลโอสถจำศีลเม็ดแรก
หลังจากเคาะราคาแล้ว บรรยากาศภายในโรงประมูลก็พลันแปลกไปในทันที
คนที่เห็นโอสถจำศีลเม็ดแรกหลุดมือไปได้แต่กัดฟันอย่างเงียบๆ และมองขึ้นไปยังห้องส่วนตัวที่ชั้นสองด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองต่อสถานการณ์ตรงหน้า
เจ้าเด็กนั่นโง่รึเปล่า เขาทุ่มเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นเพื่อโอสถวิเศษเม็ดเดียวเนี่ยนะ!
เป็นความจริงที่ว่าคนรวยมักจะโง่ ถึงอย่างไรก็ยังมีโอสถวิเศษอีกสี่เม็ด ไม่เห็นต้องรีบเลย
อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าทุกคนก็พบว่าพวกเขาคาดหวังสูงเกินไป
ผู้รับผิดชอบการประมูลเพิ่งประกาศราคาเริ่มต้นของโอสถวิเศษเม็ดที่สอง ชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาคนเดิมก็รีบเสนอราคาหนึ่งล้านตำลึงอีกครั้ง!
สำหรับอีกสี่เม็ดต่อมา เขาก็ประมูลไปอีกด้วยราคาหนึ่งล้านตำลึงทุกเม็ด ทำให้ผู้คนพากันอ้าปากค้าง
โอสถจำศีลทั้งห้าเม็ดตกอยู่ในมือของชายหนุ่มผู้นั้นเพียงแค่คนเดียว!
เฉียวฉู่แอบชื่นชมชายหนุ่มผู้นั้นที่ใจกว้างยอมโปรยเงินจำนวนมหาศาลจนน่าตกใจ เขาหันไปกระซิบกับสหายของเขาว่า “ข้าเคยคิดว่าข้าได้เห็นคนบ้าที่น่าหัวร่อที่สุดตอนที่น้องเสียใช้เงินก่อนหน้านี้ แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นคนที่บ้ายิ่งกว่านาง! ห้าล้านตำลึง! นี่บ้านเขาเงินมันไหลลงมาตามแม่น้ำเองหรืออย่างไร!”
จวินอู๋เสียชำเลืองมองเฉียวฉู่แล้วค้านเสียงเรียบว่า “ข้าไม่ได้บ้า”
สายตาเย็นยะเยือกที่ส่งไปให้เฉียวฉู่ ทำให้เขาสงบเสงี่ยมในทันที เขารีบรินน้ำใส่แก้วแล้วกระวีกระวาดส่งให้จวินอู๋เสียพลางพูดด้วยน้ำเสียงประจบว่า “ข้าไม่ได้ว่าเจ้า ข้าพูดถึงชายหนุ่มผู้นั้นต่างหาก”
จวินอู๋เสียยอมรับน้ำที่เฉียวฉู่ยื่นมาให้และยกขึ้นจิบ
เฉียวฉู่ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในขณะเดียวกัน ที่ด้านล่างของโรงประมูล บรรยากาศก็เริ่มแปลกพิกล
คนจากตระกูลและสำนักที่มีอำนาจต่างๆ ที่หมายตาไว้แต่แรกแล้วว่าตนจะต้องได้โอสถจำศีลมาสักเม็ดในจำนวนทั้งห้าเม็ดนั้น แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนโง่เขลาใช้เงินจำนวนมหาศาลกว้านซื้อโอสถวิเศษทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง
ในตอนนั้นเอง ความโกรธที่สุมอยู่ในอกก็พลันปะทุขึ้น!
ตอนที่ 570 ชายหนุ่มผู้แสนกระหายเลือด (2)
คนหลายกลุ่มตบเท้าเดินขึ้นมาที่ชั้นสองและเตะประตูให้เปิดออก พวกเขาพากันกรูเข้าไปในห้องที่ชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาผู้นั้นนั่งอยู่ ได้ยินเพียงน้ำเสียงโกรธเคืองดังส่งออกมาด้านนอกห้องว่า “เจ้าหนู! เจ้าจะโอหังมากเกินไปแล้ว! กล้ายึดเอาโอสถจำศีลทั้งหมดไปเป็นของตัวเองได้อย่างไร!”
ชายหนุ่มชำเลืองมองกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่สนใจ ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ บุรุษอีกสามคนที่อยู่กับชายหนุ่มผู้นั้นนั่งพิงเก้าอี้อย่างเงียบๆ พลางจิบชา ไม่แม้แต่จะมองกลุ่มคนที่พรวดพราดเข้ามา
“ข้ามีปัญญาซื้อก็เลยซื้อ พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ถ้าต้องการมันมากขนาดนั้นจริงๆ ก็เสนอราคาให้สูงกว่าข้าสิ ข้าให้สัญญาเลยว่าถ้าพวกเจ้าคนใดเสนอราคาได้สูงกว่าหนึ่งล้านตำลึง ต่อให้สูงกว่าแค่ตำลึงเดียว ข้าก็จะไม่เสนอราคาเพิ่มอีก” ชายหนุ่มผู้นั้นพูดพลางกอดอกท้าทายผู้บุกรุก
“เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากแค่เพราะมีเงินอย่างนั้นรึ” คนกลุ่มนั้นพูดไม่ออก โทสะของพวกเขาพลุ่งพล่านอยู่ในอก พวกเขากำหมัดแน่นเนื่องจากโกรธจนควันออกหู หนึ่งล้านตำลึง พวกเขาจะมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร คนส่วนใหญ่ที่มาจากตระกูลหรือสำนักที่มีอำนาจหนุนหลังทั้งหลายอย่างมากก็มีเงินแค่ไม่กี่แสนตำลึงเท่านั้น แล้วพวกเขาจะไปเอาเงินที่ไหนมาเสนอราคาให้สูงกว่าชายหนุ่มผู้นี้
“ก็ไม่ได้กระจอกนักหรอก อย่างน้อยเมื่อเทียบกับบางคนที่ไม่มีปัญญาจ่ายแล้วพาลโมโหมาขู่กรรโชกผู้อื่น ตัวข้านับว่าดีกว่ามากนักแล” ชายหนุ่มผู้นั้นพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ น้ำเสียงของเขาหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้นเอง ดวงตาของกลุ่มคนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากชายหนุ่มผู้นั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ สามารถมองเห็นได้ชัดจากห้องส่วนตัวอีกห้องที่จวินอู๋เสียกับสหายของนางอยู่
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้นั้นกำลังจุดชนวนความโกรธของกลุ่มคนขึ้น เฉียวฉู่ก็ลุกพรวด ถามอย่างกระตือรือร้นเล็กน้อย “น้องเสีย มีคนพยายามรังแกลูกค้าที่ดีที่สุดของเจ้าอยู่แน่ะ ข้าควรไปช่วยเหลือเขาหรือไม่” เขาถูหมัดขณะที่เอ่ยปากถามอย่างรอคอย
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น หันไปมองอีกสี่คนในห้องส่วนตัวอีกห้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นั่นเป็นลูกค้าของโรงประมูลชานหลินต่างหาก”
พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่ห่างจากธุระของผู้อื่นดีกว่า” เฟยเยียนตำหนิเบาๆ วางมือลงบนบ่าของเฉียวฉู่ขณะที่พยักพเยิดหน้าไปทางห้องส่วนตัวอีกห้อง
เฉียวฉู่หันไปมอง และเห็นร่างหนึ่งลอยออกมาจากห้องนั้นแล้วตกลงบนพื้นเวทีประมูลอย่างแรง ศีรษะของเขาแตกจากแรงกระแทก ของเหลวหนืดสีแดงสดไหลลงมาตามขั้นบันไดราวกับแม่น้ำ!
ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในห้องส่วนตัวนั้นอีกครั้ง เขามองไม่เห็นว่าชายหนุ่มผู้นั้นเคลื่อนไหวเมื่อไร เห็นเพียงแต่เหล่าผู้บุกรุกที่บุกพรวดพราดเข้าไปในห้องถูกโยนลงมาจากระเบียงทีละคนๆ!
ห้องส่วนตัวอยู่แค่ชั้นสอง คนจึงไม่น่าตายจากการตกจากความสูงแค่นั้น แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะกระทำโดยเจตนา เมื่อแขนขาของคนพวกนั้นถูกหักก่อนที่จะโยนลงมาจากระเบียง และดูเหมือนจะบังเอิญมากจนน่ากลัวที่ทุกคนตกลงมาโดยที่ศีรษะด้านหลังกระแทกเข้ากับขอบบันไดอย่างพอดิบพอดี ทำให้พวกเขาตายคาที่ในทันที!
ในชั่วพริบตา หลายชีวิตก็ถูกพรากไปอย่างโหดเหี้ยม
ตลอดเวลาที่เกิดเรื่องขึ้นนั้น รอยยิ้มไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้นเลยสักครั้ง และรอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างขึ้นขณะที่เขาดำเนินการสังหารหมู่ และยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปราศจากเศษเสี้ยวของความรู้สึกผิดหรือความสงสารเห็นใจแม้แต่น้อย ทั้งหมดเหมือนเป็นแค่เกมสำหรับชายหนุ่มผู้นั้นเท่านั้น
สิ่งที่เขาฆ่าไปราวกับเป็นเพียงมดแมลงที่ไม่เห็นอยู่ในสายตา
เฉียวฉู่หน้าขรึมขึ้นมาทันที วิธีการของชายหนุ่มผู้นั้นช่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนาจริงๆ!
ในชั่วพริบตา ทุกคนที่บุกเข้าไปในห้องส่วนตัวก็ถูกโยนลงมาชั้นล่างทั้งหมดและเสียชีวิตในทันที
ฉากนองเลือดกะทันหันนี้ ทำให้ฝูงชนด้านล่างพากันแตกตื่นและตกใจกลัว ทุกคนกรีดร้องออกมาและพยายามหลบหนี กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปในอากาศ สำหรับคนที่นั่งอยู่แถวหน้า พวกเขาพบว่าตัวเองเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่กระจายมาจากศีรษะของคนที่ตกลงมา พวกเขารู้สึกหมดแรงและไม่สามารถหยุดกรีดร้องได้ ขณะที่พากันล้มลุกคลุกคลานออกจากโรงประมูล
บรรยากาศในโรงประมูลซึ่งก่อนหน้านั้นกำลังเร่าร้อนดุเดือด พลันถูกขัดจังหวะด้วยฉากการฆาตกรรมที่บ้าคลั่งและไร้สติ ฝูงชนพยายามหลบหนีกันไม่หยุดและไม่นานโรงประมูลก็ว่างเปล่า ในช่วงเวลาสั้นๆ ความร้อนระอุนั้นพลันถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าที่เย็นเยียบและเสียงหัวเราะที่ดังก้องมาจากชายหนุ่มซึ่งฟังเสียดหูเป็นพิเศษ