ตอนที่ 352 ขโมย

ตอนที่ 352 ขโมย

เมื่อใกล้จะรุ่งสาง เขาก็ลังเลที่จะจากไปและเมื่อผ่านห้องนั่งเล่น อีกาตาแหลมก็มองเห็นเขา มันกระพือปีกของมันทันทีและตะโกนว่า

“หัวขโมย หัวขโมย หยุดนะ หยุดนะ!”

สือจื่อจิ้นหายตัวไปในกำแพงอย่างรวดเร็ว

หลิงอวี่ตกตะลึง

เมื่อได้ยินเสียงเอ็ดตะโรของหลิงอวี่ ซูเถาจึงตื่นขึ้นด้วยความงุนงง และรีบตรงไปที่ห้องนั่งเล่น “มีอะไรเหรอหลิงอวี่ แกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”

หลิงอวี่ดูหวาดกลัว “มีขโมย มีขโมย!”

ซูเถาตาสว่างทันที จริงอยู่ที่เมื่อคืนนี้รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองเธออยู่!

หรือว่ามีโจรจริง ๆ!

มันจะเป็นไปได้ยังไง?

ห้องของเธอมีระบบสแกนลายนิ้วมือ มีเพียงเธอและฟางจือเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้! และนี่คือในเถาหยาง ดินแดนของเธอ หัวขโมยที่ไหนถึงกล้าบุกรุกมาถึงห้องส่วนตัวของเถ้าแก่เถาหยาง

“โจรอยู่ไหน!”

หลิงอวี่บินวนเป็นวงกลมอยู่ในห้องนั่งเล่น “ในกำแพง!”

ซูเถาพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่ามันกำลังพูดถึงอะไร ดังนั้นจึงรีบค้นรอบ ๆ ห้องเพื่อดูว่ามีสิ่งสำคัญอะไรหายไปหรือไม่

ไม่มีอะไรสูญหายและไม่มีร่องรอยของการถูกงัดแงะ

ซูเถาไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น ดังนั้นจึงคว้าตัวเฮยจือหม่ามา หวังจะได้เห็นว่าหัวขโมยเมื่อคืนนี้หน้าตาเป็นยังไงด้วยการให้มันแบ่งปันการมองเห็น

เฮยจือหม่าดูมึนงงและไม่แยแส เพราะในการรับรู้ของมัน สือจื่อจิ้นไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาก็แค่เข้ามาเฉย ๆ และไม่ถือว่าเป็นอันตราย

มันร้องเหมียว ๆ เพื่อหนีจากการจับกุมของซูเถา และวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเกาะล่าเจียว

เสวี่ยเตาหาวและนอนต่อ

ไป๋จือหม่าก็กำลังขู่ล่าเจียว

หลินฟางจือเพิ่งตื่นขึ้น ยังไม่ได้สติดีก็เดินมาด้วยความงุนงงพร้อมกับผมสองจุกบนศีรษะ

ยกเว้นหลิงอวี่ที่ยังคงเรียกหาหัวขโมย ตอนนี้ไม่มีใครสนใจซูเถาเลย

ก่อนที่ซูเถาจะออกไป เธอได้ติดตั้งกล้องไว้ทุกห้อง ดังนั้นเธอจึงต้องการดูว่าเป็นผีหรือคนที่มาตอนกลางคืน! แต่มันก็ไม่มีร่องรอยเลย!

หลินฟางจือเห็นเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจจึงถามว่า “เถา ผมมีเรื่อง”

ซูเถาตบมือ “ว่ามาเลย”

“น้ำ เครื่องดื่ม ฯลฯ จะขึ้นราคา”

หลินฟางจือคิดง่าย ๆ เพราะน้ำดื่มเป็นสินค้าขายดี

เพราะมีลูกค้าหลายรายที่มาซื้อน้ำอย่างเดียว ไม่ได้ซื้ออย่างอื่นเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะเกิดความไม่สมดุลขึ้นบราวนี่ออนไลน์บราวนี่ออนไลน์

“เอาสิ ไม่ต้องกังวล นายตัดสินใจได้เลยว่าจะขึ้นราคาเท่าไหร่ มันควรจะขึ้นได้ตั้งนานแล้ว สุนัขข้างนอกพวกนั้นยังห้ามไม่ให้เราซื้ออาวุธ แล้วถ้าพวกเรากักน้ำบ้างล่ะ” ซูเถาโบกมือ

เมื่อหลินฟางจือได้รับความยินยอมจากซูเถา สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อมาถึงห้องทำงานคือปรับราคาน้ำดื่มทั้งหมดในรายการสินค้า ซึ่งเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยสิบเท่า และหากซื้อเกินจำนวนที่กำหนด จำเป็นต้องชำระผลึกนิวเคลียสเพิ่ม

การขึ้นราคานี้อาจกล่าวได้ว่าไร้ความปรานี จนผู้คนที่จะสั่งซื้อเสบียงในเช้าวันนี้ต่างต้องตะลึงงัน ผู้คนเต็มไปด้วยความโกรธและพยายามขวางทางหลินฟางจือที่ประตูสำนักงานเพื่อขอคำอธิบาย

ในที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ถูก ‘เชิญ’ ออกไป

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนไม่กี่คนที่ด่าถึงพ่อถึงแม่ของพวกเขา และบางคนก็ทำสิ่งที่น่ารังเกียจโดยการถอดถุงเท้าเหม็น ๆ โยนเป็นลูกบอลเข้าไปในห้องทำงานของหลินฟางจือเพื่อแสดงความไม่พอใจ

ผู้ที่ถอดถุงเท้าแล้วโยนเข้ามาก็มีจากฐานใหญ่หลายแห่งทางตอนใต้เช่นกัน อย่างเช่นฐานซินตู ติ้งหนาน อู๋ไถ…

พวกเขายังแอบจัดการประชุมเล็ก ๆ เพื่อวิจารณ์การขึ้นราคาของเถาหยาง

“การที่เถาหยางมีการขึ้นราคาสินค้าอย่างต่อเนื่องแบบนี้มันหมายความว่ายังไง? พวกเขาอยากมีปัญหากับฐานทางตอนใต้หรือไง ทำแบบนี้มันมีอะไรดีขึ้นมา”

จั๋วเอ่อร์เฉิงพูดอย่างเงียบ ๆ “แต่การที่พวกเขาไม่เพิ่มราคาสินค้า ก็ไม่เป็นผลดีกับพวกเขาเช่นเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้นก็เพิ่มราคาจะดีกว่า”

มีอีกประเด็นที่ยังไม่ได้ถูกพูดถึง คือตอนนั้นคนกลุ่มนี้ได้ลงนามในหนังสือคัดค้านการซื้ออาวุธของเถาหยางเอาไว้

พวกเขาไม่ยอมขายอาวุธให้เถาหยาง แต่ทางเถาหยางยังคงขายเสบียง แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นมันก็ต้องยอมรับ ถ้าวันไหนพวกเขาไม่ขายเสบียงให้ค่อยมาเรียกร้อง

หลิงเทียนจี้จ้องไปที่เขา และสงสัยว่าสุดท้ายแล้วจั๋วเอ่อร์เฉิงอยู่ฝ่ายไหนกันแน่? คนอื่น ๆ ต่างก็จ้องจั๋วเอ่อร์เฉิงเขม็ง และอยากจะขับไล่คนทรยศออกไปทันที

จั๋วเอ่อร์เฉิงลุกขึ้นและออกไปทันที เขายืนอยู่คนเดียวในทางเดิน หลังจากนั้นก็พิงกำแพงเพื่อสูบบุหรี่

พวกคนงี่เง่า

ทันทีที่การถกปัญหานี้สิ้นสุดลง จั๋วเอ่อร์เฉิงก็กล่าวกับหลิงเทียนจี้

“ผมขอแนะนำให้ทางซินตูส่งชุดอาวุธไปที่เถาหยาง เพราะในช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดในการผูกมิตร”

หลิงเทียนจี้คิดว่าเขาบ้าไปแล้ว

“นายคิดจะส่งอาวุธให้เถาหยางเหรอ หึ! นายไม่รู้หรอกว่าเถาหยางมีศักยภาพแค่ไหน? หากพวกเขามีอาวุธอยู่ในมือ พวกเขาจะต้องพัฒนามันอย่างรวดเร็วแน่ ๆ วันหนึ่งพวกเขาจะเล็งปืนมาที่ซินตูของเรา นายไม่กลัวหรือไง?”

จั๋วเอ่อร์เฉิงมองเขาอย่างใช้ความคิด “ผมมีลางสังหรณ์ว่าหากไม่มีอาวุธ พวกเขาก็จะสามารถพัฒนากองกำลังป้องกันตนเองได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน มันแค่เรื่องของเวลา วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือหาพันธมิตรให้เร็วที่สุด เราต้องรีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้”

“ฉันไม่อยากจะคุยกับนายแล้ว เอาล่ะ ถอยออกมาก่อน ถ้าเราส่งอาวุธให้เถาหยาง มันจะเป็นการละเมิดสัญญา! ฉันได้ลงชื่อยินยอมในจดหมายการลงนามแล้ว! ไม่งั้นพวกเราอาจต้องเสียค่าละเมิดสัญญาก้อนโต! และจะต้องเป็นฐานแรกในทางใต้แน่ที่โดนฐานอื่น ๆ เกลียดชัง!” หลิงเทียนจี้คร้านจะคุยกับอีกฝ่าย

จั๋วเอ่อร์เฉิงทิ้งบุหรี่ที่ลงแล้วหันหลังกลับไป

หลิงเทียนจี้รู้สึกว่าเขาถูกครอบงำและล้างสมองไปแล้ว และปล่อยให้เขาดูถูกเถาหยางเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วว่า วิธีแก้ปัญหาคือเขาจะไปคุยกับเถาหยางเพื่อขอลดราคา

เขาหรี่ตาย่นจมูกด้วยความกังวล

เดิมทีเขาอยากให้จั๋วเอ่อร์เฉิงเป็นคนไปเจรจาเรื่องนี้ แต่ดูจากทัศนคติของเขาแล้ว เขาคงไม่อยากเจรจาอะไร

หลิงเทียนจี้จึงจำเป็นต้องไปพูดคุยกับเถาหยางด้วยตัวเอง

ไม่ว่าข้างนอกจะวุ่นวายแค่ไหน ซูเถาเองก็ยังมีงานล้นมือและไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องไร้สาระ

แบบร่างเบื้องต้นของฐานทดลองของเถาหยางเสร็จแล้ว!

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสเหม่ยและลูกศิษย์ของเขาเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการออกแบบ แต่ยังมีนักวิชาการเฉียวจากตงหยางด้วย

เพราะว่าทุกคนต่างก็อยากดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด นักวิชาการเฉียวก็ให้วิศวกรอาวุโสจากสำนักงานใหญ่วิศวกรรมตงหยางที่เป็นคนแข็งแกร่งมาอีกสองคน เพื่อจะได้ช่วยกันทำงานล่วงเวลาเพื่อสรุปร่างให้เสร็จ

ทันทีที่ซูเถาได้รับแบบวิศวกรรม เธอก็อัปโหลดไปยังระบบในฟังก์ชันการก่อสร้างอัตโนมัติ และระบบก็ดังขึ้นในหัวของเธอ

[กำลังตรวจสอบแบบวิศวกรรม กรุณารอสักครู่…]

[หลังจากการตรวจสอบ โปรดยืนยันแบบ]

สิ่งปลูกสร้าง 3 มิติปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของซูเถา และเธอสามารถดูมุมและรายละเอียดต่าง ๆ ได้ตามต้องการ

ฐานการทดลองทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ พื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ทำงาน

พื้นที่พักผ่อนเป็นสถานที่ที่นักวิจัยใช้กินและนอน โดยใช้โมเดล 3 ห้องนอน 2 ห้องนั่งเล่นร่วมกัน เพื่อให้นักวิชาการทั้งสามได้อาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน ส่วนห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและห้องน้ำใช้ร่วมกัน

โรงอาหารก็เรียบร้อยแล้ว เป็นโรงอาหารชั้นเดียว คล้ายกับห้องอาหารเล็ก ๆ มีตู้จำหน่ายอัตโนมัติทุกชนิด และเมื่อถึงเวลานั้นเธอก็จะเชิญป้าแม่บ้านมาช่วยทำอาหารให้พวกเขาวันละสามมื้อ

ในส่วนของพื้นที่ทำงานค่อนข้างซับซ้อน มีห้องปลอดเชื้อแบบเฉพาะทางและมาตรฐานสูง ห้องเก็บอุปกรณ์ ห้องฆ่าเชื้อ และแม้แต่ห้องเก็บตัวอย่างไวรัสที่ฟังดูน่ากลัว

เพียงแค่ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ และเธอต้องค้นหาและค่อย ๆ ซื้อทีละอย่าง

ซูเถาคลิกเพื่อยืนยัน

[กรุณาเลือกวัสดุก่อสร้าง]

ซูเถาเลือกวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ตามที่ระบุบนแบบและหลังจากกดยืนยันแล้ว เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้เท้าของเธอ

จากนั้นฐานปฏิบัติการลอยขึ้นบนอากาศซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก แม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ซูเถาก็ยังตกใจอยู่เป็นเวลานาน

ถ้าเธอสร้างด้วยตนเอง คงหัวหมุนอยู่กับมันเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ แต่ตอนนี้เธอแค่ขยับนิ้วเท่านั้น และหากมีบางสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ก็สามารถกลับสู่โหมดการก่อสร้างเพื่อดำเนินการให้เสร็จด้วยตนเอง ซึ่งไม่เพียงสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังมีอิสระมากอีกด้วย

ใช้ผลึกนิวเคลียสไป 20 อันก็คุ้มค่าอยู่นะ

ถึงเวลานั้น เมื่อพิมพ์เขียวของเขตซีซานของตงหยางออกมา เธอจะสามารถสร้างที่ดินหลายหมื่นตารางเมตรได้ด้วยคลิกเดียว และจะไม่ต้องทำงานด้วยตนเองอีกต่อไป

นอกจากนี้ยังมีที่ดินของเซียวเหวินอวี้อีก ผู้อาวุโสเหม่ยบอกว่าหญิงผู้ร่ำรวยคนนี้ได้เล่นกลอุบายมากมาย

ซูเถาเคยปฏิเสธอาคารที่ซับซ้อนแบบนี้ แต่ด้วยฟังก์ชั่นการก่อสร้างอัตโนมัติ เธอจึงสามารถยอมรับมันได้อย่างใจเย็น

เมื่อข่าวการเสร็จสิ้นของฐานการทดลองไปถึงนักวิชาการเฉียว เขาไม่อยากจะเชื่อเลย

“คุณเพิ่งได้แบบร่างมานี่ สร้างเสร็จแล้วเหรอ?”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นและขอให้คนขับรถพาเขาไปที่เถาหยาง

เมื่อเขามาถึงเถาหยาง และเห็นฐานการทดลองที่เหมือนกับพิมพ์เขียวทุกประการ เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเสิ่นเวิ่นเฉิงเสียอีก

“ผมได้ยินมาเสมอว่าความสามารถของเถ้าแก่ซูนั้นไม่ธรรมดา แต่ประสิทธิภาพไม่สูงนัก มันเหมือนกับการบีบยาสีฟัน ที่มักปล่อยห้องว่างเดือนละสองสามห้อง และการรอคอยก็กระวนกระวายมาก”

“แต่ดูตอนนี้สิ…”

จู่ ๆ นักวิชาการเฉียวก็เกิดความรู้สึกไม่เชื่อ “ความสามารถของเถ้าแก่ซูก้าวหน้าไปแล้วเหรอ?”

เสิ่นเวิ่นเฉิงที่ยังคงตกใจและไม่สามารถฟื้นคืนสติได้เป็นเวลานาน เขาก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่นักวิชาการเฉียวพูด เขานึกถึงคำพูดและการกระทำของซูเถา จากสัญชาตญาณของเขาในการศึกษาเรื่องของพลังเหนือธรรมชาติเป็นเวลาหลายปี ดูเหมือนว่าซูเถาจะไม่ใช่ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

ดวงตาของนักวิชาการเฉียวเปล่งประกาย เขาตบไหล่เสิ่นเวิ่นเฉิงและพูดว่า

“ด้วยเงื่อนไขนี้ คุณต้องทำงานอย่างหนักเพื่อถอดรหัสพันธุกรรมของโบนวิงส์ ผมพูดมันอาจจะฟังดูแปลก ๆ นะ แต่บางทีวันหนึ่งคุณอาจจะสามารถค้นหากุญแจสู่การวิจัยวัคซีนจากโบนวิงส์ได้ ซอมบี้จะถูกกำจัด และมนุษย์จะไม่ติดเชื้ออีกต่อไป ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ และวันสิ้นโลกจะสิ้นสุดลง”