ตอนที่ 353 ผู้ที่สามารถปลุกพลังความสามารถแบบมีศักยภาพ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 353 ผู้ที่สามารถปลุกพลังความสามารถแบบมีศักยภาพ

ตอนที่ 353 ผู้ที่สามารถปลุกพลังความสามารถแบบมีศักยภาพ

จุดจบวันสิ้นโลก?

นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็นไปตามยุคสมัย

ในเวลานั้น ชื่อของเถาหยางและเสิ่นเวิ่นเฉิงจะถูกส่งต่อไปหลายชั่วอายุคน

เสิ่นเวิ่นเฉิงไม่กล้ารับคำชมเชยที่ยิ่งใหญ่นั้นไว้ เขาโบกมืออย่างรวดเร็ว “นักวิชาการเฉียวชมผมเกินไปแล้ว ผมไม่กล้ารับไว้หรอก”

“คลื่นของแม่น้ำแยงซีย่อมขับเคลื่อนไปข้างหน้า ผมมองคุณในแง่ดี! อีกอย่างเถาหยางเองก็เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ และคุณก็เป็นอัจฉริยะที่หาตัวได้ยาก การผสมผสานระหว่างปาฏิหาริย์และอัจฉริยะ อนาคตของวันสิ้นโลกนี้…คิดว่ายังไงล่ะ” นักวิชาการเฉียวกล่าว

หลังจากพูดแบบนี้ นักวิชาการเฉียวก็ยิ้มและเดินไปรอบ ๆ ฐานการทดลองพลางเอามือไพล่หลัง

เสิ่นเวิ่นเฉิงกระตือรือร้นมากกับสิ่งที่เขาพูด เขาไม่ได้สนใจที่จะเยี่ยมชมฐาน และกระโจนเข้าสู่งานวิจัยอีกครั้ง

ในตอนแรกซูเถาต้องการพบเขา แต่เหมือนว่าตอนนี้เขาจะไม่มีเวลาจึงต้องเข้าพบผู้ช่วยของเสิ่นเวิ่นเฉิงแทน

“พวกคุณลองสำรวจดูก่อนนะคะ แล้วถ้ามีอะไรไม่พอใจหรืออยากปรับปรุงตรงไหนบอกฉันได้เลยค่ะ และไม่ต้องห่วงเรื่องอุปกรณ์วิจัยนะคะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไปหาซื้อตามที่ต่าง ๆ”

“เถ้าแก่ซู เราพอใจจริง ๆ นับเป็นความกรุณามากเลยที่คุณรับพวกเราเข้ามา พวกเราคงไม่ร้องขออะไรแล้วล่ะ” ผู้ช่วยของเสิ่นเวิ่นเฉิงรู้สึกปลื้มปีติ

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าถือและส่งให้ซูเถา

“อย่างไรก็ตาม เถ้าแก่ซู นี่คือผลการวิจัยของทีมเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเอกสารและยาอยู่ในนี้ คุณเสิ่นต้องการให้ผมส่งต่อให้คุณเพื่อเก็บรักษา”

ซูเถาไม่ได้คิดอะไรมากแต่นำมันกลับไปที่สำนักงานแล้วเปิดออก ข้างในมียา 2 หลอดอยู่ในนั้นซึ่งทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย

หลอดแรกเรียกว่า ‘สลายซากศพ’ ตามคู่มือการใช้งาน หลอดนี้พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับซากศพซอมบี้และสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ใส่ 2 หยด เนื้อและเลือดจะหายไปภายใน 1 นาที และจะเหลือแต่ผลึกนิวเคลียส

สิ่งนี้สำคัญเวลาเกิดการฆ่าและต้องกำจัดศพ…

ตอนนั้นที่ฆ่าเจียวชิ่ง ถ้ามีน้ำยานี้ เธอก็จะไม่ต้องโยนศพของเจียวชิ่งเข้าไปในพื้นที่ของฟางจือ

เพราะกว่าเธอจะมีเวลามาจัดการกับศพของเจียวชิ่ง มันก็ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง จากนั้นเธอก็จำเป็นต้องใช้ผลึกนิวเคลียสเพื่อทำการขุดหลุมฝังและเผาร่าง ซึ่งยุ่งยากมาก

น้ำยาชนิดที่สองเรียกว่า ‘ปลุกพลัง’ ว่ากันว่าหลังจากที่คนธรรมดารับมันไปแล้ว จะสามารถเพิ่มโอกาสในการปลุกพลังได้

อย่างไรก็ตามคู่มือการใช้งานระบุว่าเนื่องจากขาดการวิจัยเชิงลึก ความน่าจะเป็นนี้จึงไม่คงที่ บางคนอาจปลุกพลังขึ้นได้ทันทีหลังจากรับประทาน หรืออาจมีผลหลังจากผ่านไปหลายปี และที่สำคัญคือยานี้ยังไม่ผ่านการรับรอง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวใจของซูเถาก็เต้นระรัว และขอให้เมิ่งเชียนโทรหาผู้ช่วยของเสิ่นเวิ่นเฉิง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า

“ยานี้สามารถเพิ่มโอกาสในการปลุกพลังเหรอคะ แปลว่าคนที่ยังปลุกพลังขึ้นมาไม่ได้ สามารถใช้ยานี้ได้?”

ผู้ช่วยคิดอย่างจริงจังและพูดว่า

“ได้ แต่อาจจะปลุกขึ้นมาได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อันที่จริง คนที่มีสัญญาณจะปลุกพลังขึ้นได้ไม่ช้าก็เร็ว การใช้ยานี้เป็นเพียงตัวกระตุ้นเพื่อเร่งให้เร็วขึ้นเท่านั้น”

ซูเถารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและถามอีกครั้ง

“ฉันมีคำถามที่ไม่เข้าใจคะ ทำไมบางคนถึงปลุกพลังขึ้นมาได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ในขณะที่บางคนกว่าจะปลุกพลังขึ้นมาได้ก็ต้องใช้เวลานาน”

อย่างเธอเป็นแรก

เห็นได้ชัดว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าความสามารถที่เธอกำลังจะปลุกนั้นเรียกว่า ‘ทำนาย’ แต่เพราะเธอยังปลุกพลังขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ ไม่เพียงแต่สมรรถภาพร่างกายของเธอจะด้อยกว่าผู้มีความสามารถเท่านั้น แต่เธอยังไม่สามารถใช้ความสามารถได้อย่างสมบูรณ์ หรือได้อย่างอิสระ

ความสามารถที่ล่องลอยนี้… ไม่ค่อยดีนัก

ผู้ช่วยทำเสียง “เห้อ” และพูดว่า “บอกตามตรงนะเถ้าแก่ซู เมื่อไม่นานมานี้เราได้ค้นคว้าเรื่องนี้ในเชิงลึก ซึ่งก่อนหน้านี้เราคิดว่ามันเป็นลักษณะเฉพาะของคนที่มีความสามารถทางจิต ต่อมาเราค่อย ๆ ค้นพบว่าความสามารถที่ไม่ใช่พลังจิตบางอย่าง ผู้ที่มีความสามารถก็จะต้องใช้เวลานานในการปลุกพลังเช่นกัน”

“คุณเสิ่นของเราได้คาดเดาไว้ว่ายิ่งระยะเวลาการปลุกพลังนั้นเกิดขึ้นช้า มันก็จะข้ามระดับพลังขึ้นไปทันทีที่ปลุกพลังขึ้น โดยพุ่งขึ้นไปที่ระดับสอง หรือแม้แต่บางคนก็สามารถมีพลังระดับที่สองขึ้นไป นี่ไม่ใช่การเดาสุ่ม แต่ว่ามีตัวอย่างการวิจัย”

“เมื่อครึ่งปีก่อนเราได้สัมผัสกับผู้ทีมีพลังประเภทลมซึ่งอยู่ในช่วงปลุกพลัง ช่วงแรกเขาทำได้เพียงให้ลมพัดใบไม้หรือทำงานปัดฝุ่นในบ้าน ภรรยาของเขาจึงเกลียดเขาที่สามีมีพลังที่อ่อนแอมาก ๆ พวกเขาก็เลยหย่าขาดจากกันหลังจากนั้นไม่นาน”

“แต่คิดไม่ถึงว่า ครึ่งปีผ่านไป จู่ ๆ เขาก็มีอาการเหมือนพลังได้ถูกปลุกขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือผู้มีพลังวิเศษระดับสอง และพลังวิเศษนั้นถูกเรียกว่า ‘กระโชก’ เขาสามารถควบคุมลม ทำให้อาคารยูนิตถูกพัดถล่ม และพื้นที่โดยรอบถึง 1.5 กิโลเมตรได้รับความเสียหายในระดับที่แตกต่างกันไป”

“พลังนี้ทำให้หัวหน้าฐานต่างก็ตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ได้ให้เขาชดใช้ค่าเสียหาย แต่เขาถูกเกณฑ์เข้ากองทัพโดยตรง โดยที่ภรรยาของเขารู้สึกเสียใจขึ้นมา และต้องการแต่งงานกับเขาใหม่”

ซูเถาผงะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เถ้าแก่ซูมีเพื่อนที่กระวนกระวายใจและหาคำตอบไม่ได้เหรอ ไม่ต้องกังวล ผมคิดว่าการคาดเดาของคุณเสิ่นค่อนข้างใกล้เคียง” ผู้ช่วยปลอบใจเธอ

คำพูดเหล่านี้ทำให้ซูเถาสบายใจขึ้นจริง ๆ เขาให้ความมั่นใจและกำลังใจแก่เธอมาก แม้ว่าเธอจะยุ่งตลอดทั้งวัน แต่เธอก็มีความสุขเสมอเมื่อกลับบ้าน

แต่เมื่อเห็นกล้องทั่วห้อง ความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ดับลงทันที

ยังไงก็ตาม เธอยังจับหัวขโมยที่บุกรุกห้องเธอไม่ได้!

————————-