ตอนที่ 354 ผมยอมรับว่าคิดถึงคุณมาก
ตอนที่ 354 ผมยอมรับว่าคิดถึงคุณมาก
เธอเรียกดูภาพกล้องวงจรปิดเพื่อดูภาพในช่วงเวลานั้น ก็เห็นไป๋จือหม่าพยายามเอาชนะล่าเจียว แต่ถูกเฮยจือหม่าตีกลับทุกครั้ง ทุกอย่างดูไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่เห็นมีคนแปลกหน้าเข้ามา
ซูเถานั่งกินข้าวอย่างสบายใจ และรอจนกระทั่งตกกลางคืนก็ตั้งหน้าตั้งตาจะจับขโมยให้ได้ แต่กลายว่าเป็นเฉินเทียนเจียวที่มาหาเธอ
เฉินเทียนเจียวดูเหมือนจะมีคำพูดเป็นพันคำ แต่เขาก็พูดออกมาได้ประโยคเดียว
“เหล่าต้าของเราต้องการพบคุณ”
ในตอนแรกที่เขาสร่างเมา เขาคิดว่าเมื่อคืนตนเองเห็นเหล่าต้า เขาใช้ความคิดทั้งวันทั้งคืนว่ามันเป็นความฝันหรือเปล่า
แต่ในคืนที่สอง เขาเห็นสือเหล่าต้าจริง ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดื่ม
ตอนนั่นเขามีสติครบถ้วน ตกใจหัวใจแทบวายแหนะ!
เหล่าต้าของพวกตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ตาย พูดจริง ๆ เขากลายเป็นร่างวิญญาณ…ไม่นะ วิญญาณเหรอ
ซูเถาตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้และถามด้วยความไม่เชื่อ
“เขาฟื้นคืนชีพแล้วเหรอ เร็วจัง? พี่เผยบอกว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีไม่ใช่เหรอ”
เธอรีบยืนขึ้นทันที และพร้อมจะพุ่งไปทุกเมื่อเพื่อเปลี่ยนรองเท้า
เฉินเทียนเจียวรีบคว้าตัวเธอเอาไว้
“ไม่ ไม่ เขาต้องการพบคุณที่นี่ แต่คุณไม่ต้องกลัวนะ เหล่าต้าของเราจะไม่ทำร้ายคุณหรอกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นซูเถาพยักหน้าอย่างอธิบายไม่ได้ เฉินเทียนเจียวก็ตะโกนไปที่กำแพง
“เหล่าต้า คุณออกมาเถอะ ผมให้เถ้าแก่ซูเตรียมใจไว้แล้ว”
ในวินาทีต่อมา ซูเถาเห็นสือจื่อจิ้นซึ่งแต่งกายด้วยชุดลำลอง และค่อย ๆ ออกมาจากกำแพง แล้วเดินตรงมาหาเธอ
เขาไม่กล้าเข้าใกล้เธอเกินไป และหยุดห่างจากเธอสามหรือสี่ก้าว เขาแสดงรอยยิ้มสดใสที่ซูเถาไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในตอนกลางคืนก็ยังด้อยกว่า
“สวัสดี”
เลือดของซูเถาไหลกลับไปทั่วร่างกาย เธอทั้งดีใจและประหลาดใจ
เธอก้าวไปและยื่นมือไปหาเขา แต่ทันทีที่เธอสัมผัสเขา มันก็สลายไปเหมือนหมอกควัน และหายไปอย่างรวดเร็ว
“คุณ…” ซูเถาจ้องสือจื่อจิ้นไม่ละสายตา
“อย่างที่คุณเห็น ตอนนี้ผมเป็นวิญญาณที่โดดเดี่ยว” สือจื่อจิ้นหัวเราะเยาะตัวเอง
“เถ้าแก่ซู ไม่ต้องกลัว!” เฉินเทียนเจียวพูดเสียงดัง
สือจื่อจิ้นตีเขาที่พูดพล่ามออกมา
ซูเถาตกตะลึงไปสองสามวินาทีและยอมรับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างออก
“เหมือนว่าฉันจะรู้นะ เพราะก่อนหน้านี้คุณบอกฉันว่าคุณได้รับพลังที่เรียกว่า ‘ถอดวิญญาณ’ มา นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณอยู่ในสภาพนี้หรือเปล่า”
สือจื่อจิ้นรู้สึกประหลาดใจและมองหญิงสาวด้วยดวงตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“เถ้าแก่ซู ความจำดีจริง ๆ” เฉินเทียนเจียวยกนิ้วให้เธอบราวนี่ออนไลน์
“ไม่ใช่ว่าฉันความจำดี เป็นเพราะตอนนั้นที่เหล่าต้าของคุณสืบทอดพลังนี้มาก็ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นคนละคน ฉันจำเหตุการณ์นั้นได้แม่น อีกอย่างฉันรู้สึกอยู่เหมือนว่ามีขโมยเข้าบ้านฉันเมื่อสองคืนก่อน นั่นคุณเหรอ” ซูเถาส่ายหัว
เธอมองไปที่สือจื่อจิ้น
สือจื่อจิ้นยอมจำนนทันที “ผมไม่ได้ขโมยอะไรมา คุณคิดว่าอย่างผมเนี่ยต้องการสิ่งของนอกกายอะไรด้วยเหรอ?”
“แล้วคุณยอมรับไหม?”
“โอเค ยอมรับ ผมยอมรับว่าคิดถึงคุณมาก”
เฉินเทียนเจียวขนลุกเกรียว ถึงคุณจะบอกว่าคุณไม่ได้ขโมยอะไร แต่สิ่งที่คุณขโมยได้คือหัวใจของใครบางคน
เขาอยู่ต่อไม่ได้แล้ว
ทั้งสองคนไม่ได้สนใจเฉินเทียนเจียวที่วิ่งหนีไป
“คุณไม่ต้องมาหยอดคำหวานเลย ทำไมคุณไม่สารภาพกับฉันเมื่อสองวันที่แล้ว” ซูเถา
สือจื่อจิ้นนั่งลงข้างเธออย่างหน้าไม่อาย “สองวันก่อนคุณยุ่งมาก และผมก็ปรากฏตัวได้แค่ตอนกลางคืน ผมเลยไม่อยากปลุกคุณ วันนี้เฉินเหล่าเอ้อร์ช่วยผม เขาบอกว่าวันนี้คุณว่าง ผมเลยรีบมาและมายอมจำนนต่อหน้าคุณ”
“ถ้าคุณยอมรับสารภาพ คุณก็จะได้รับโทษเบาลง ตอนกลางคืนคุณสามารถออกมาพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นได้ แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของฉัน”
สือจื่อจิ้นทรุดตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นทันทีและทำท่าทางตกลงกับเธอ
“แต่ผมต้องรบกวนคุณเปิดทีวีให้ผม เพราะว่าตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องกินหรือนอน มันน่าเบื่อจริง ๆ ถ้าคุณมีเวลาระหว่างวัน ช่วยผมหาซีรีส์ก่อนวันสิ้นโลก พวกอนิเมะผมก็ชอบ หรือถ้ามันหายาก เอาเป็นซีรีส์เกาหลีก็ได้ ผมจำได้ว่าเคยดูกับแม่ตอนเด็ก ๆ แต่ลืมชื่อเรื่องแล้ว เนื้อหาหลักคือนางเอกโดนสามีทิ้ง และเธอกลับมาเพื่อแก้แค้นสามีหลังจากเธอทำศัลยกรรม…”
“พลตรีสือ คุณคือพลตรีสือจริง ๆ เหรอ? คุณคงไม่ใช่พวกโอตาคุอะไรนั่นใช่ไหม? คุณมีความต้องการด้านความบันเทิงกับเขาด้วยเหรอ?” ซูเถาตกตะลึง
ในอดีต สือจื่อจิ้นหลีกเลี่ยงความบันเทิงทุกรูปแบบ และส่วนใหญ่เล่นแซนด์บ็อกซ์สองสามเกม ซึ่งเหมาะสำหรับการปะลองการต่อสู้ต่าง ๆ
ตอนนี้เขาบอกเธอว่าเขาอยากดูอนิเมะหรือละครน้ำเน่า!
สือจื่อจิ้นหลับตาลง แล้วนึกถึงแมวจอมขี้เกียจ
“พูดตามตรง ผมอยากเป็นโอตาคุเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ความจริงไม่อนุญาต เพราะโลกภายนอกเต็มไปด้วยหายนะ”
“นี่คือตัวตนของคุณเหรอ? ฉันคิดว่าคุณชอบเสียงปรบมือและความชื่นชมในฐานะวีรบุรุษซะอีก” ซูเถาสงสัยหนักมาก
สือจื่อจิ้นหันศีรษะมายิ้มให้เธอ
รูปร่างหน้าตาของเขาดูสูงส่งจริง ๆ แต่เนื่องจากการเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานานและการเดินทางที่เจอสภาพอากาศเลวร้าย ผิวของเขาจึงหยาบกร้าน และเขาก็มีนิสัยที่ไม่ได้อ่อนโยน แต่กลับเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว
ตอนนี้เขากลายเป็นร่างวิญญาณ ไร้ซึ่งผิวสัมผัสที่แท้จริง แต่รอยยิ้มนี้ช่างเหมือนกับเศรษฐีผู้ได้รับการปรนเปรอโดยปราศจากความรู้สึกหยาบกระด้างใด ๆ
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มนี้ทำให้ซูเถาแปลกใจ
“ตอนแรก ๆ ก็ชอบนะ ผู้ชายคนไหนไม่เคยฝันอยากเป็นฮีโร่บ้าง แต่นานไปก็เหมือนกลายเป็นคนติดคุก และผมก็ยังคงติดคุกอยู่”
“ที่ผมเป็นแบบนี้ คุณยอมรับได้ไหม” เขาหยุดหัวเราะและพูดอย่างจริงจัง
“ไหนลองยิ้มอีกครั้งสิ๊” ซูเถากล่าว
“หืม?”
“ยิ้มก่อน แล้วฉันจะบอกคุณ”
สือจื่อจิ้นยิ้มให้เธออย่างเชื่อฟัง รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาของเขาดูสดใสและเปี่ยมไปด้วยความสุข ไม่ได้มีความเคร่งครึมแบบนายทหารแม้แต่น้อย
ซูเถายอมรับคลื่นแห่งความงามนี้
“หล่อจัง ฉันไม่เคยเห็นคุณสดใสและมีชีวิตชีวาอย่างนี้มาก่อน”
“พลตรีสือในอดีต เขาคือบุรุษที่เกินเอื้อม ที่มักจะเสียสละจนผู้คนได้แต่มองไปที่คุณเท่านั้น”
“ทั้ง ๆ ที่ในเวลาปกติคุณไม่เคยเผยรอยยิ้มแบบนี้ออกมาเลย ฉันรู้สึกว่าถ้าเป็นตัวคุณจริง ๆ มันคงจะดูดีกว่านี้มาก”
“แม้ตอนนี้ฉันจะสัมผัสคุณไม่ได้ แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าระยะห่างนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ”
เมื่อสือจื่อจิ้นมองไปที่ดวงตาของเธอ เขาก็รู้สึกว่ากำลังมีดอกไม้ที่เติบโตขึ้นมาในใจ เขาหลงใหลกับกลิ่นหอมนี้ รู้สึกเมาในความงามอันสดใสนี้ เมาในความเข้าใจและความอ่อนโยนของเธอ…