บทที่ 360 คิดถึงพี่ใหญ่แล้ว

หย่งอันถังกลายเป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงไปแล้วจริง ๆ

พิษที่เดิมจะต้องปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลันตามแผน ก็ค่อย ๆ หายไปเพราะยาที่ดื่มโดยไม่เสียเงินของหย่งอันถัง นำพาให้ชื่อเสียงของหย่งอันถังโด่งดังมากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนี้จึงไม่มีร้านยาใดโด่งดังเทียบเท่าหย่งอันถังอีกแล้ว

ที่นั่นไม่เพียงฝีมือการแพทย์สูงส่ง สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือบ้านเมืองกำลังเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ พวกเขากลับไม่รับเงินแม้แต่แดงเดียว แจกยาช่วยเหลือผู้คนโดยไม่คิดเงิน จิตใจที่กว้างขวางเช่นนี้ใช่สิ่งที่ร้านขายยาอื่นจะสามารถเทียบได้อย่างนั้นหรือ?

เหล่าชาวบ้านไม่มีอะไรจะตอบแทน มอบเงินให้ก็กลัวว่าจะไปทำให้ความหวังดีของคนเขาด่างพร้อย จึงอาศัยตอนที่พวกเขาเก็บร้านในตอนเย็นและมีที่ว่างวิ่งเอาของมามอบให้

ผัก ผลไม้ ของพื้นเมือง สนับข้อมือ และสนับเข่าทำเอง ยันต์คุ้มครอง ทุกสิ่งที่แสดงถึงความเป็นมงคลและคำอวยพรถูกวางเอาไว้ที่หน้าประตูร้านขายยาจนเต็มไปหมด แม้แต่แม่ไก่แก่ที่เลี้ยงไว้ที่บ้านก็ยังถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา ทว่ากลับโผล่หัวออกมาจิกถุงข้าวสารที่อยู่ข้าง ๆ แทน

ในตอนเช้าจี้จือฮวนได้ทำการตรวจและรักษาให้ผู้คน นอกจากตอนเข้าห้องน้ำแล้วก้นของนางก็ไม่ได้ขยับไปที่ใดอีกเลย

เพิ่งจะลุกขึ้นเตรียมที่จะไปรำไท่เก๊กสักชุดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่หน้าประตูดังขึ้นมาเสียก่อน

นางจึงเปิดม่านออกไป ก็เห็นเย่จิ่งฝูยืนอยู่ที่ประตูและกำลังทะเลาะกับไก่ที่หน้าประตูอยู่

“มองอีกสิ ขืนมองอีกข้าจะตุ๋นเจ้าซะ!” เย่จิ่งฝูตะคอกใส่ไก่เสร็จ จึงได้เห็นจี้จือฮวนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเรียกชื่อของนางออกมาแทบจะในทันที

“เจ้าคือ…จี้จือฮวนหรือ?”

จี้จือฮวนเลิกคิ้ว นางแน่ใจว่านางไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน แต่กลับเป็นเฉินฉือที่กำลังงีบหลับอยู่ข้าง ๆ เตาปรุงยาที่ลืมตาขึ้นมามองเย่จิ่งฝูเล็กน้อย “เอ๊ะ เจ้ามาจริง ๆ หรือนี่”

เย่จิ่งฝูไม่ได้สนใจเฉินฉือ นางสาวเท้าเข้าไปจ้องจี้จือฮวนพลางส่งเสียงขึ้นมา “ชิ”

จี้จือฮวนกำลังจะเอ่ยปาก ทว่านางกลับร่ายยาวออกมาราวกับเสียงประทัด

“เจ้าต้องเป็นจี้จือฮวนแน่ ข้าเคยเห็นภาพวาดของแม่เจ้า เจ้าหน้าตาเหมือนแม่ของเจ้าราวกับแกะ แม่เจ้าเคยบอกเจ้าเรื่องตระกูลท่านตาของเจ้าหรือไม่ ว่าเคยช่วยอาจารย์ของข้าเอาไว้?

ช่างเถอะ แม่ของเจ้าเหมือนจะเสียตอนที่คลอดเจ้า การที่ไม่รู้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือเจ้าก็คือหมอเทวดาของหย่งอันถัง?

เช่นนั้นยาเม็ดนี่ เป็นฝีมือของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

จี้จือฮวน “…”

เจ้าพูดไปหมดแล้วจะให้ข้าพูดอะไรอีก?

ทันใดนั้นเย่จิ่งฝูก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งที “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอายุน้อยกว่าข้าไม่กี่ปี แต่ฝีมือการแพทย์กลับเหนือกว่าข้ามาก ดูท่าข้าคงต้องเรียนรู้อีกมาก เอาอย่างนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปข้าจะมาช่วยตรวจและรักษาคนไข้ที่หย่งอันถังของพวกเจ้าด้วย”

จี้จือฮวนหยิบส้มที่พวกชาวบ้านเอามามอบให้จากบนโต๊ะด้านหน้าขึ้นมาลูกหนึ่ง กลิ่นส้มหอมสดชื่นทำให้ความคิดที่ขุ่นมัวจางลงในทันที นางจ้องไปที่เย่จิ่งฝูสักพักก่อนจะถามขึ้นมาหนึ่งประโยค “เจ้าเป็นใคร?”

เย่จิ่งฝูแทบจะกระอักเลือดออกมา แต่ทายาทตระกูลหมอเทวดาผู้ภาคภูมิใจ ย่อมเต็มใจที่จะบอกฐานะของตัวเองให้ผู้อื่นรู้บราวนี่ออนไลน์

“ศิษย์สายตรงของตระกูลหมอเทวดา เย่จิ่งฝู”

ส้มถูกเคี้ยวอยู่ในปาก จี้จือฮวนเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ “เข้าใจแล้ว ต้องการรักษาคนไข้ต้องลงชื่อก่อน พวกเราต้องเตรียมห้องตรวจ หากไม่มีเจ้าต้องไปตั้งโต๊ะด้านนอก”

สาวใช้ดวงตาเบิกโพลง “รักษาคนไข้ยังต้องต่อแถวอีกอย่างนั้นหรือ?”

เฉินฉือโบกพัดไปมาพลางเอ่ยขึ้น “ก็ใช่น่ะสิ หมอตั้งมากมายต่างวิ่งมาบอกว่าต้องการจะรักษาคนไข้ หย่งอันถังของเราเล็กเพียงนี้ จะไม่ลงชื่อต่อแถวได้อย่างไรกัน เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”

เขาพูดเอาไว้ว่าอย่างไร คนบางคนสายตายังสู้คนบ้านนอกไม่ได้ด้วยซ้ำ

สาวใช้ยังอยากจะถามต่อ แต่เย่จิ่งฝูกลับห้ามนางเอาไว้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกหนึ่งครั้ง “ได้ พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”

จี้จือฮวนจึงพยักหน้าให้ เตรียมที่จะทบทวนบันทึกการวินิจฉัยและการรักษาของวันนี้ จากนั้นค่อยกลับบ้านไปกินข้าว

เย่จิ่งฝูเดินไปได้หนึ่งก้าวก็หันกลับมามองสามครั้ง ก่อนจะออกจากหย่งอันถังไป สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ยังคงโมโหอยู่ “คนตั้งมากมายเชิญพวกเราไปรักษา แต่ท่าทีเช่นนี้ของพวกเขา คุณหนู เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้ด้วยเล่าเจ้าคะ!”

ทว่าเมื่อนางหันกลับมาอีกครั้ง สีหน้าของเย่จิ่งฝูเรียกได้ว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “หน้าตาของนางงดงามเพียงนั้น เจ้ายังด่าได้ลงคออีกอย่างนั้นหรือ?”

สาวใช้ “???”

เย่จิ่งฝูเดินมาถึงด้านหน้าแล้ว “มิน่าเล่าอาจารย์ถึงบอกให้ข้ามาเมืองหลวงและต้องตามหาจี้จือฮวนให้ได้เพื่อถอนพิษให้นาง ดูท่าอาจารย์คงรู้ตั้งนานแล้วว่าจี้จือฮวนมีฝีมือทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หรือว่านี่เป็นการทดสอบที่อาจารย์มอบให้ข้า เพื่อให้ข้าได้ศึกษาและพัฒนาความสามารถกลับไป สืบทอดตระกูลหมอเทวดาอย่างนั้นหรือ?

ข้าเข้าใจความตั้งใจของอาจารย์แล้ว” เย่จิ่งฝูวางแผนที่จะรีบรักษาองค์ชายรองให้หาย เพื่อไม่ให้การศึกษาด้านการแพทย์ของนางล่าช้า

บุรุษ ช่างเป็นตัวปัญหาจริง ๆ

นางพึมพำและรีบกลับไป

ตระกูลหมอเทวดา

อาจารย์ที่กำลังเก็บตัวอยู่นั้นจามแรง ๆ หนึ่งที จากนั้นก็ยัดสมุนไพรหนึ่งกำมือเข้าปากและเคี้ยวอย่างช้า ๆ

ในหย่งอันถัง

เทียนถูกจุดขึ้น ทุกคนต่างก็เริ่มนับจำนวนสมุนไพรที่ใช้ไป

เผยยวนเห็นว่าด้านนอกมีหิมะตก กำลังวางแผนที่จะออกไปรับจี้จือฮวนกลับจวนตระกูลฮวา อาชิงซึ่งสวมเสื้อกันหนาวที่ซื้อมาใหม่ก็วิ่งมาหาเขา

เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ใบหน้ากลม ๆ ของเด็กน้อยจึงแดงราวกับตูดลิง เมื่อยิ้มออกมาช่างดูน่ารักเป็นอย่างมาก

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านจะไปรับท่านแม่ใช่หรือไม่!”

บนแขนของเผยยวนยังมีเสื้อคลุมตัวหนึ่งพาดอยู่ ด้านหลังอาอินสวมเสื้อกันหนาวตัวเล็กสีแดง ถือเถาอาหารตามมาพลางหอบหายใจ “ท่านพ่อ พวกเราก็จะไปด้วย ท่านอย่าคิดที่จะทิ้งพวกเราแล้วไปคนเดียวเชียวนะเจ้าคะ”

ฮวาเซียงเซียงชอบแต่งตัว สองพี่น้องที่อยู่ในมือของนางอย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ ตอนนี้อาชิงเปลี่ยนมาสวมชุดสีน้ำเงินตัวเล็ก บนหัวมัดจุกสามจุก ยังมีหน้าม้าที่ตัดตรง ดวงตากลมโตสีดำขลับมองเผยยวนอย่างน่าสงสาร ก่อนปีนป่ายขึ้นไปบนขาของเขา และห้อยอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

ส่วนบนหัวของอาอินกลับประดับด้วยพู่ที่ทำจากไหมพรมเป็นทรงกลมสีแดง รับกับขนสีขาวบนเสื้อคลุมอย่างมาก ดูน่ารักอย่างที่สุด

หลายวันมานี้เผยยวนกับจี้จือฮวนนอนเตียงเดียวกัน ทว่าตรงกลางกลับมีพวกเขาสองคนคั่นอยู่ กำลังคิดจะอาศัยตอนที่พวกเขาไม่ทันสังเกตออกไปรับจี้จือฮวน และจะได้เดินกลับมาด้วยกันเสียหน่อย!!

“พ่อไปครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับ”

สองพี่น้องสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยความดูแคลน “คนโกหกจมูกจะยาว”

“ใช่ ๆ ท่านแม่เกลียดเด็กที่ไม่เชื่อฟังที่สุด”

เผยยวนคิดอย่างเย่อหยิ่ง ข้าทำเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับภรรยาให้มากอีกหน่อย ฮวนฮวนไม่มีทางโกรธหรอก

ทว่าตอนที่เขาก้าวออกจากประตู บนแขนก็มีเด็กห้อยอยู่หนึ่งคน บนขาก็มีเด็กกอดเอาไว้อีกหนึ่งคน

มุมปากของเขาจึงกระตุกเล็กน้อย สุดท้ายจึงจูงสองพี่น้องไปที่หย่งอันถังอย่างจำใจ

บนถนนมีคนเดินเท้าไม่มากนัก มีคนกำลังตักหิมะอยู่ เผยยวนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองพี่น้องก็เดินตามรอยเท้าของเขาตามหลังมาติด ๆ เนื่องจากสวมเสื้อผ้าหนาเตอะ เจ้าก้อนกลมที่หอบหายใจทั้งสองจึงดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมา

ส่วนเผยยวนถือร่ม รูปร่างสูงใหญ่ ผมหางม้าที่มัดสูงกวัดแกว่งไปมาในอากาศ หลังจากเดินไปได้สองก้าวก็หยุดเพื่อรอพวกเขาเป็นระยะ

“ท่านพ่อ หิมะในเมืองหลวงงดงามจริง ๆ เจ้าค่ะ”

คาดว่าคงเป็นเพราะใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว บางคนจึงแขวนโคมไฟสีแดง ประกอบกับฉากหลังที่เป็นหิมะขาวโพลน ทำให้ดูมีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างมาก

ทิวทัศน์ของซีเป่ยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ล้วนมีทหารยืนเฝ้ายามท่ามกลางลมและหิมะ ภายในเมืองก็เงียบสงบเป็นอย่างมาก โดยปกติแล้วมักจะแขวนโคมไฟอวยพรต่าง ๆ เอาไว้ใต้ชายคา ไม่เหมือนกับเมืองหลวงที่มีรูปแบบมากมาย

“หากชอบ กลับบ้านไปพ่อจะทำโคมไฟให้พวกเจ้าเอง”

สองพี่น้องหัวเราะคิกคัก “แต่พวกเราชอบหมู่บ้านตระกูลเฉินมากกว่า เมืองหลวงดีอย่างไร ก็ยังดีสู้บ้านของเราไม่ได้”

ความคิดเดียวของพวกเขาเกี่ยวกับเมืองหลวงก็คือ ภายหน้าพี่ใหญ่จะได้อาศัยอยู่ในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุด แต่บ้านของพวกเขาจะยังคงเป็นที่ที่มีท่านพ่อและท่านแม่อยู่

“ท่านพ่อ ข้าคิดถึงพี่ใหญ่แล้ว”

เผยยวนมองหิมะที่โปรยปรายลงมาจากบนท้องฟ้า “อืม พ่อก็คิดถึงอาฉือ”