ตอนที่ 328 อสุรกายยักษ์กำลังมา

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 328 อสุรกายยักษ์กำลังมา

ตอนที่ 328 อสุรกายยักษ์กำลังมา

ผู้ช่วยที่อยู่ตรงนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติและเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์

พวกเขาเห็นลูกหลานของราชวงศ์นั่งกันอยู่เต็มพื้น

พวกเขากำลังคาดเดาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์

“ไม่ใช่จักรวรรดิชิงเหย้า แต่มันคือเอเลี่ยน” หลี่ผิงผิงถอนหายใจใส่พี่ชายของเธอ สายตารังเกียจแวบเข้าในตอนที่เขาไม่ทันสังเกต

“พี่ชาย ตอนนี้คงขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่ทำกันมาแล้วล่ะ”

ใบหน้าของหลี่จื้อผิงและผู้ช่วยทั้งหลายเริ่มถมึงทึง

จะทำอย่างไรดี? สภาพแวดล้อมภายนอกย้ำแย่มาก อีกทั้งยังมีอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวรอพวกอยู่ จะปล่อยให้ถูกจับต่อไปอย่างนี้น่ะเหรอ?

“บ้าฉิบหาย เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ช่วยคนหนึ่งเดินไปตัดสายสนทนาทางวิดีโอ ตอนนี้เขากำลังจะเสียสติ

ผู้ช่วยคนอื่นไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ทว่าพวกเขาแค่ตั้งสติของตัวเองได้ดีกว่า

ผู้ช่วยคนหนึ่งจ้องเขม็งไปที่หลี่ผิงผิง

หลี่จื้อผิงมองดูเขาอย่างระมัดระวัง และถอยหลังไปสองสามก้าว “แกจะทำอะไร?”

“ฉันจะทำอะไรงั้นเหรอ? ก็จะทุบแกเพื่อระบายความโกรธยังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะความโง่ของแก เราจะมาอยู่จุดนี้กันเหรอ?”

ผู้ช่วยทั้งหลายรุมล้อมหลี่จื้อผิง และอยากจะทุบตีคนโง่เขลาอีกครั้ง

แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกถึงพื้นดินที่กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงถึงสองสามครั้ง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ก่อนจะรีบคว้าเชือกมามัดตัวเองเอาไว้

มีเพียงหลี่จื้อผิงเท่านั้นที่ยังไม่ยอมตอบสนองอะไร และเมื่อเขาตื่นจากภวังค์ อสุรกายยักษ์ก็หยิบยานรบทั้งลำขึ้นมาเสียแล้ว ก่อนจะพุ่งออกไป

หลี่จื้อผิงกลิ้งไปมาอยู่ในยานรบ ราวกับเป็นลูกแบดมินตันที่กลิ้งอยู่บนพื้นสนาม

ศีรษะของเขาถูกกระแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่างกาย กระดูกซี่โครงหักหลายซี่

ทว่าผู้ช่วยทั้งหลายกลับเมินเฉยต่อความเจ็บปวดของเขา

อสุรกายยักษ์ร้องคำรามและทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าโดยมียานรบอยู่ในปากของมัน บัดนี้ทางเชื่อมมิติได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า

ขณะที่คนเหล่านี้กำลังพูดคุยกับคนจากอีกฝั่งอยู่ มันได้ตรวจสอบดูว่าสัญญาณทางด้านปลายสายไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน

อสุรกายยักษ์ก็คลานเข้าไปในทางเชื่อมมิติ

ขณะเดียวกัน ทางเชื่อมมิติปรากฏขึ้นเหนือน่านฟ้าของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ เอเลี่ยนระดับ 9 ดาวที่กำลังนอนหลับใหลอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาราวกับจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่

อสุรกายหุ้มเกราะระดับ 9 ดาวกางครีบเหล็กของมันออกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

สีหน้าของเหล่าทหารเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

จะมีเอเลี่ยนโผล่มาอีกอย่างนั้นเหรอ?

เมื่อมองดูปฏิกิริยาตอบสนองของเอเลี่ยนระดับ 9 ดาวพวกนี้แล้ว เอเลี่ยนที่กำลังมาถึงจะต้องทรงพลังอย่างแน่นอน

และอยู่ในระดับ 9 ดาวด้วยใช่ไหม?

จอมพลทั้งหลายขมวดคิ้ว สีหน้าของพวกเขาเริ่มตื่นตระหนก

จักรวรรดิอื่นคอยซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ พวกเขาต้องการพืชพลังงาน ทว่าไม่ต้องการออกแรงอะไรมากนัก ไม่ได้ต้องการคลี่คลายการถูกปิดล้อมของอีกฝ่าย มันคือการแก้ไขปัญหาของอีกฝ่ายต่างหาก พวกเขาที่มาจากจักรวรรดิอื่นให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว

“แย่แล้ว” จอมพลคนหนึ่งตะโกนขึ้น “ระดับ10 ดาว!”

“ไม่ใช่เอเลี่ยนระดับ 10 ดาว แต่คืออสุรกาย 10 ดาว!”

อสุรกายตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก! เอเลี่ยนที่มีความสูงถึงสิบเมตรกลายเป็นของเล่นทันทีที่อยู่ต่อหน้ามัน

ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยขนหนาที่มีสีขาว ขนยาวมากจนบดบังดวงตาของมันไปครึ่งหนึ่ง!

ทุกครั้งที่มันก้าวเดิน พื้นดินจะสั่นสะเทือนตลอด

ดูเหมือนว่าอสุรกายยักษ์ตัวนี้จะได้กลิ่นอะไรบางอย่าง มันก้มหน้าสูดดมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หลังจากผ่านไปนาน มันก็จามออกมาด้วยความรังเกียจ

ฮะ แปลกจัง ทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะ?

อสุรกายยักษ์ขมวดคิ้ว ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันนะ?

มันกระโดดไปมาอยู่บนดาวเคราะห์ และไม่ว่ามันจะไปที่ไหน มนุษย์ทั้งหลายก็ต้องคอยหลีกทางให้มัน ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากการมันถูกเหยียบย่ำโดยไม่ได้ตั้งใจ

แม้แต่เอเลี่ยนระดับ 9 ดาวทั้งหลายยังหลีกเลี่ยงและวิ่งหนีไป

ตอนนี้ห้องใต้ดินของพระราชวังถูกอสุรกายยักษ์บดขยี้ โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

สีหน้าของสเปนเซอร์เปลี่ยนไป อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไรกันแน่?

“ติดต่อถึงคนที่อยู่ข้างนอกแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น?” สเปนเซอร์สั่ง

ช่างเทคนิคทั้งหลายพยักหน้า และส่งข้อความออกไปในทันที

เหมยหมี่ยังคงอยู่ในท่าทีสงบนิ่ง และพูดขึ้นว่า “คงไม่มีอะไรนอกจากเอเลี่ยนระดับสูง”

“เหมยหมี่ไม่กลัวเหรอลูก?” หลี่ผิงผิงรู้สึกหวาดกลัวจนน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตา เมื่อมองเห็นลูกสาวที่ยังคงอยู่ในท่าทีสงบ เธอก็อดถามไม่ได้

“มีอะไรให้กลัว ก็แค่ความตายเท่านั้น” เหมยหมี่มองดูท่าทางขี้ขลาดของผู้เป็นแม่ เดิมทีเธอรู้สึกรังเกียจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกสงสารมากขึ้น

“ถ้ารอดก็คือรอด ร้องไห้ไปก็เปล่าประโยชน์ มีเวลานอนก็นอนให้พอ ถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดออกมาซะ ถ้าอยากคุยกับใครมากกว่านี้ไปคุยกับเขาเถอะ” เหมยหมี่พูด “เสด็จแม่ ถ้าคิดถึงท่านลุงนัก ก็ไปคุยกับท่านลุงดี ๆ เถอะ”

หลี่ผิงผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดขึ้นเบา ๆ “ไม่มีอะไรจะคุยด้วยหรอก”

“ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่ชายของลูกบ้าง เขาออกไปต่อสู้ข้างนอก” หลี่ผิงผิงถอนหายใจ “พี่ชายของลูกน่ะ จะสบายดีหรือเปล่านะ?”

“เขาจะเป็นอะไรได้?” สีหน้าของเหมยหมี่ดูอ่อนโยนลงเมื่อนึกถึงพี่ชายของเธอ

พี่ชายของเธออ่อนโยน มีน้ำใจ และกตัญญูต่อแม่มาก ไม่แปลกใจที่แม่ของเธอจะนึกถึงพี่ชายในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้

เธอคิดว่าแม่จะเอาแต่นึกถึงลุงเท่านั้น

“ไม่ต้องห่วงหรอก เสด็จพี่เป็นคนดี ฟ้าจะต้องคุ้มครอง และต่อให้เสด็จพี่พลัดพรากไปไหน พวกทหารจะต้องตามไปช่วยชีวิตเสด็จพี่อยู่ดี อย่างมากที่สุดเสด็จพี่อาจจะถูกจับเป็นเชลย”

“ตอนนี้ดีแล้วที่เสด็จพี่อยู่ข้างนอก ถ้าพวกเราทุกคนที่นี่ต้องตายจริง ๆ เสด็จพี่จะกลายเป็นทายาทจากราชวงศ์ของเราเพียงคนเดียวที่เหลือรอดอยู่ และบางทีเสด็จพี่อาจจะรักษาตำแหน่งของราชวงศ์เราเอาไว้ได้”

เหมยหมี่พูด “อย่าร้องไห้สิเพคะ จะร้องไห้ทำไม?”

สเปนเซอร์หลับตาลง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และหลังจากผ่านไปนานเขาก็พูดขึ้นว่า “เหมยหมี่พูดถูก ดีแล้วที่อาคาลอยู่ข้างนอก”

ถึงเขาจะไม่ปลาบปลื้มลูกชายคนนี้มากนัก แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าดีแล้วที่เป็นเช่นนี้

ตอนนี้ดูเหมือนว่าอสุรกายยักษ์จะเริ่มรู้ตัวว่ามันถูกหลอก มันเริ่มพ่นเปลวไฟขนาดใหญ่ออกมาจากทางปาก เปลวไฟถูกพ่นลงบนพื้นตามใจชอบราวกับกำลังระบายความโกรธที่ถูกหลอก

“เกิดอะไรขึ้นกับอสุรกายยักษ์นั้น? ใครจะไปต้านมันได้?” เป็นเพราะอสุรกายยักษ์ตัวนี้ กองกำลังจากจักรวรรดิอื่นจึงขึ้นไปบนยานรบและทะยานหนีไป

ผู้คนที่ได้รับการช่วยจากชั้นใต้ดินกลับไปซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินอีกครั้ง

ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถรับมือกับการเผชิญหน้าอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวได้ มันจะดีกว่าถ้าพวกเขาเข้าไปซ่อนตัวและมองดูอสุรกายยักษ์เฉย ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่รู้สึกเบื่อก็สามารถจากไปได้เสมอ

“ส่งข้อความไปหาจักรวรรดิชิงเหย้าอีกรอบ” สเปนเซอร์พูดขึ้น ในขณะเดียวกันเขาได้รับข้อความจากผู้คนที่อยู่ด้านนอก อสุรกายระดับ 10 ดาวอยู่ที่นี่แล้ว!

พระเจ้าต้องการทำให้จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์พังพินาศจริง ๆ เหรอ?