หลังจากหมอลู่พันแผลของเด็กหญิงเสร็จ แล้วเฝ้าดูขณะที่เด็กคนนนั้นออกจากห้องปฏิบัติการไปพร้อมกับพ่อแม่ของเธอในที่สุดก็มีคำถามบางอย่างขึ้นในใจของเขา ก่อนที่จะพูดออกมา
“นั่นเป็นสถานการณ์ที่อันตรายฉันกลัวว่าแม่ของเธอจะตบหน้าคุณในเวลานั้นฉันจะหาคนที่สามารถเย็บแผลได้ดีเท่ากับคุณ เพื่อให้มาเย็บแผลบนใบหน้าของคุณตอนโดนตบนะ” หมอลู่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีที่หลิงรันทำสิ่งต่างๆในห้องปฏิบัติการ
สถานะของแพทย์ที่มีส่วนร่วมในการรักษาในครั้งแรกอยู่ในระดับต่ำเกินไปและยังไม่ได้รับการประเมินจากโรงพยาบาลหรือผู้ป่วยเลย
แม้ว่าการรักษาผู้ป่วยมีที่ต้องการ การเย็บแผลและการปลูกถ่ายนิ้ว ผู้ป่วยที่มีนิ้วขาดเช่นนี้จะไม่ได้รับการประเมินเหมือนกับผู้ป่วยที่มีบาดแผลบนผิวหนังทั่วไป นอกเหนือจากนั้นหัวหน้าศัลยแพทย์จะไม่ต้องกังวลกับเรื่องต่าง ๆ เช่น ค่าผ่าตัดและโดยปกติแล้วหลิงรันจะทำงานในห้องผ่าตัดในขณะที่หมอลู่ตัดสินเรื่องต่างๆเหล่านี้แทน เช่นการแจ้งให้ญาตินของผู้ป่วยทราบว่าควรจะต้องทำสิ่งใดบางหลังทำการผ่าตัดและให้ญาติของผู้ป่วยลงนามในใบยินยอม
หมอลู่ หวังว่าเขายังจะเป็นหมอที่สามารถควบคุมสติได้เช่นนี้เมื่อตอนที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งในวันหนึ่งวันใดแทนที่จะต้องเสียเวลากังวลกับสิ่งต่าง ๆ เช่นความซับซ้อนของแม่ของผู้ป่วย ซึ้งมันเป็นเพียงความคิดตื้นๆของหมอลู่คนเดียวเท่านั้น
หลิงรันจัดเก็บถาดด้านหน้าของเขาและพูดว่า “การเย็บคนไข้โดยใช้เทคนิคการเย็บที่เสริมแรงและการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วมือทั้งคู่นั้นน่าสนใจในแบบของตัวเทคนิคเอง”
“ ถ้าฉันต้องเลือกระหว่างทักษะการช่วยชีวิตและทักษะที่ช่วยให้มั่นใจว่าแผลของผู้ป่วยจะหายไปฉันควรจะเรียนรู้สิ่งที่ช่วยชีวิตเป็นอย่างแรก…” หมอลู่ ผู้ซึ่งกลายเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของวงการแพทย์ ปีที่แล้วส่ายหัว แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หลิงรันพูด แต่เขาก็ไม่ต้องการหักล้างเขาต่อหน้าคนอื่น
ในฐานะแพทย์ประจำบ้านผู้น้อยอย่างหมอลู่ต้องใฝ่เรียนรู้ทักษะการแพทย์ที่ช่วยให้เขาสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ เทคนิคการเสริมแรงนั้นสามารถลดรอยแผลเป็นได้และเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ใส่ใจรูปร่างหน้าตามากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคต่าง ๆ เช่นเทคนิคการเย็บแบบต่อเนื่องและเทคนิคการประสานรอยประสาน
หมอลู่ไม่รู้สึกอยากเรียนทักษะเหล่านี้ และเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักพักและรู้ว่ามันต้องใช้พลังงานอีกทั้งเวลาในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆเช่นนี้อีก … หมอลู่ค่อนข้างจะใช้เวลาของเขาในการฝึกฝนการทำอาหารเสียมากกว่า เช่นการทำสตูว์เนื้อ
อย่างไรก็สตูว์ของหมอลู่นั้นก็น่าสนใจมากกว่าการฝึกฝนทักษะใหม่อยู่ดี โดยเมื่อพูดถึงการทำอาหารแล้วหม้อตุ๋นที่ดีจะทำให้อาหารที่เขาปรุงสดใหม่และมีกลิ่นหอมมากขึ้นและมันก็ยากที่จะแทนที่รสชาตินั้นด้วยวิธีการอื่นได้ ซึ่งหมอลู่ดูเชียวชาญกว่าการเป็นหมอศัลยกรรมอยู่มาก
หมอลู่ชอบที่จะเห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของคนอื่นเมื่อพวกเขากินอาหารตุ๋นที่เขาปรุง
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับรอยยิ้มเหล่านั้นที่จ้องมองมาที่เขามันทำให้หมอลู่เหมือนกำลังจะลอยขึ้นไปบนอากาศ
หมอโจวเข้าใจพวกหมออายุน้อยอย่างหมอลู่ดี เขาได้แต่ตะโกนขึ้นมาว่า “นายคิดว่าคนายจะได้เรียนรู้ทักษะใด ๆ ที่นายอยากเรียนรู้จริงๆหรอ?”
มันทำให้หมอลู่รู้สึกประหลาดใจไปสักพักก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาดัง ๆ “ ผมนั้นจะเรียนรู้การผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วมือการผ่าตัดเอ็มถัง และเทคนิคการรักษาเอ็นร้อยหวายจากหมอหลิงในเวลาเดียวกัน แต่อย่างอย่างไรก็ตามผมก็เหมือนว่าจะยังไม่สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ได้จริงๆเลยสักเทคนิคหนึ่ง”
หมอโจวยื่นริมฝีปากของเขาเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่หมอลู่พูดออกมามันทำให้หมอโจวพูดไม่ออก
แพทย์ทุกคนต้องเผชิญกับปัญหาที่แตกต่างกันเมื่อพูดถึงทักษะการเรียนรู้ที่มีอยู่ในโรงพยาบาล ถ้ายิ่งเป็นการเรียนรู้ในระยะสั้นแล้วนั้นมันขึ้นอยู่กับโชคของแพทย์คนนั้นว่าจะได้โอกาสในการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จริงไหม
หากแพทย์ต้องมีที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมเขาอาจเรียนรู้ทักษะที่ดีได้ แต่หากตรงกันข้ามแพทย์อาจจะโดนดองไม่ให้ทำอะไรเลยหรือแม้กระทั้งเกิดผลร้ายขึ้นกับแพทย์คนนั้น มีความเป็นไปได้ที่แพทย์จะถูกโยนลงไปให้ฝึกทักษะที่แตกต่างและจบลงด้วยได้รับทักษะนั้นกลับมาแต่สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือแพทย์ที่ไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้หรือไม่ได้รับโอกาสก็จะเริ่มหย่อนยานและกลายเป็นแพทย์ที่ไร้คุณภาพ
เมื่อหมอโจวคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็ทำท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
มันยากจริงๆสำหรับแพทย์ธรรมดาที่จะควบคุมทิศทางของแขนงในทักษะต่างๆเมื่อพวกเขาเริ่มเติบโตขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ดีว่าในท้ายที่สุดทิศทางของแขนงของทักษะจะถูกตัดสินใจร่วมกันโดยโรงพยาบาลที่แพทย์อยู่และอาจารย์แพทย์ที่เป็นที่ปรึกษาร่วมถึงผู้ป่วยของเขา อย่างไรก็ตามในยุคนี้มันถือเป็นเรื่องยากมากๆที่แพทย์หน้าใหม่ๆจะไปถึงจุดสุดยอดของทักษะต่างๆได้
“ถึงเวลาเลิอกงานแล้วอย่างงั้นก็ฉันขอกลับก่อนล่ะ” หมอโจวลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้าของเขา ท่าทีของเขาเป็นเหมือนผู้ชายที่ดูผ่อนคลายที่อยู่ในสถานที่ที่วุ่นวายอยู่ตลอดเวลา
พยาบาลสองคนหันหน้าไปอีกทั้งและหัวเราะเบาๆ
“กลับบ้านกันเถอะ” หลิงรัก็จัดเสื้อผ้าของเขาด้วยเช่นกัน เสื้อคลุมสีขาวขนาดใหญ่ของเขามีรอยย่นเล็กน้อยจากการทำงานในวันนี้ มันสยายออกเมื่อเขาส่ายเสื้อคลุมนั้นและราวกับว่าร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เพราะเขาดูหล่อมาก
“วันนี้ทำไมนายกลับบ้านเร็วจัง?” หมอโจวนั้นแสดงสีหน้าที่ดูสงสัย
“วันนี้ที่บ้านของผมทำไวน์หมูนึ่งเกลือเลยว่าจจะรีบกลับไปกินนะครับ “หลิงรันตอบด้วยรอยยิ้ม
หมอลู่พยักหน้าเข้าใจสิ่งที่หลิงรันพูด “ อย่างงั้นผมก็กลับบ้านบ้างดีกว่าและกลับไปทำตีนหมูตุ๋น ผมคิดว่าผมจะต้องต้มพวกมันสักสี่หมอ ในคืนนี้เพื่อให้เพียงพอในเช้าวันพรุ่งนี้”
พวกเขาทั้งสามคุยกันขณะเดินออกจากห้องปฏิบัติการ
เมื่อหมอโจวเดินเคียงข้างกับหลิงรันมันเหมือนกับว่าทุกสายตาของคนในระแวกนั้นจ้องมองมาที่พวกเขาทั้งสาม ในขณะนั้นหมอโจวเองก็รู้สึกกดดันมากกว่าตอนที่เขาผ่าตัดหรือเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์เป็นครั้งแรกเสียอีก
… ..
ณ ซอยของคลินิคตระกูลหลิง
หลิงโจวทำให้ตัวเองดูยุ่งตลอดทั้งบ่าย หลังจากเขาทำงานเสร็จแล้วเขาก็หั่นแผ่นท้องหมูชิ้นใหญ่ที่เขาปรุงไว้เมื่อวานนี้และมีการใส่เต้าหู้บางส่วน จากนั้นเขาก็จัดวางจานให้เรียบร้อยและวางลงในหม้อนึ่งขนาดใหญ่
ในไม่ช้ากลิ่นหอมก็ไหลออกมาจากเต้าไฟขนาดใหญ่
“การกินข้าวต้มยำซีฟู้ดโดยไม่มีการโรยผักชีให้ความรู้สึกราวกับว่าฉันกำลังทำร้ายกระเพาะอาหารของฉัน” หลิงโจวนั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชา และมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขาดูเพื่อนบ้านที่เดินเข้าออกซอยหน้าคลินิคของเขา
เตาปิงเองก็เทถ้วยชาอย่างสง่างามและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “แต่คุณก็อยากทานหมูนึ่งเกลือด้วยใช่ไหมล่ะ”
“ จริงๆฉันก็อยากทานมันด้วยและฉันควรซื้อหมูนึ่งเกลือมาสักหน่อย เพราะมันคงไม่ดีแน่ๆถ้าฉันย่างหมูด้วยตัวเอง” หลิงโจวตบท้องแล้วพูดว่า “ฉันจำได้เมื่อฉันยังเด็ก ๆ ครอบครัวของฉันไม่กล้าที่จะทำหมูนึ่งเกลือในไวน์ในช่วงตรุษจีนเพราะคนจำนวนมากจะมาที่บ้านเมื่อได้กลิ่นหอมของพวกมันและครอบครัวของฉันไม่ได้มีรายได้เพียงพอที่เราจะแจกจ่ายเนื้อหมูเหล่านั้นให้กับทุกคนที่มาที่บ้านของฉัน “
“อะไรนะคุณต้องแจกให้คนอื่นทานด้วยหรอ?”
“ จริงๆพวกเขาบางคนจะนำอาหารมาให้เช่นเนื้อสัตว์และปลาริบบอนมากแลกกันแต่บางคนก็มาตัวเปล่าเพื่อมาทานเท่านั้น และบางทีก็เอาแค่มันฝรั่งเปล่าๆมาแลกกับหมูนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากใส่หมูนึ่งเกลือลงในไวน์ ในชามของคนพวกนั้นเพื่อให้ไม่ดูน่าเกลียด และ ไม่เกิดความขุ่นเคืองกัน “
เตาปิงเริ่มหัวเราะเมื่อเธอได้ยินเรื่องพวกนั้นและพูดว่า “เมื่อฉันยังเด็กฉันมักจะให้ไข่ครอบครัวอื่นเพื่อแลกกับเนื้อไก่หรือสิ่งอื่น ๆด้วย … “
“คุณนี้น่ารักมากตอนที่คุณยังเด็กอยู่ คนอื่น ๆอาจจะมีความสุข แม้ว่าคุณจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยก็ตาม”
“ อย่าหลอกกันเลยสมัยนั้นไข่มันมีราคาแพงมาก” เตาปิงดูท่าทางเสียดายกับสิ่งที่เธอทำไปตอนเด็กๆ
เมื่อหลิงโจวเห็นเช่นนั้นและเขาก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “แต่วันนี้มีข่าวดี กำไรของทางคลินิคเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”
“มันเพิ่มขึ้นจริงหรอเนี่ย?”
“ ถูกแล้วเพราะมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านและสอบถามถึงยาต่างๆอย่างมากมายจากคลินิคของเรา” หลิงโจวกล่าวด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับตัวเอง “ความคิดของฉันน่าจะหาหมวดผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาเพิ่มก็น่าจะดีนะเนี่ย”
“จริงๆน่าจะลองหาชาเพื่อสุขภาพมาด้วยก็ดีนะ” เตาปิงกล่าวเสริมขึ้นมาและเทชาหนึ่งถ้วยให้หลิงโจว หลิงโจวจิบมันอย่างมีความสุข
เมื่อธุรกิจของคลินิกเริ่มเบ่งบานมันก็จะทำให้คลินิคนี้โด่งดังขึ้นเรื่อยๆด้วย
โดยในสถานที่อย่างเช่นหยุนหัวร้านค้าที่ตั้งอยู่ข้างถนนและซอยนั้นมีไม่ค่อยมาก ซึ่งร้านค้าแถวนั้นจะผู้คนในละแวกใกล้เคียงชอบที่จะรวมตัวกันภายในร้านค้าเพื่อพูดคุยกันเพื่อฆ่าเวลา
สามสิบปีที่แล้วคลินิคตระกูลหลิงเป็นร้านค้ายอดนิยมในซอยแถวนี้ แม้แต่คนที่มาที่คลีนิคเพื่อที่จะซื้อยารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ก็จะนั่งอยู่ที่นี้ตลอดบ่าย ก่อนออกเดินไปพวกเขาก็จะซื้อสมุนไพรเพื่อนำกลับบ้านไปทำไก่ตุ๋น พวกเขาสามารถนำใบเสร็จไปเรียกร้องประกันสุขภาพสำหรับเงินที่ใช้ในการซื้อสมุนไพรได้
ยี่สิบปีที่ผ่านมาสถานที่ที่มีชีวิตชีวาที่สุดคือร้านค้าเล็ก ๆ ที่ทางเข้าของซอยพวกเขาขายเบียร์และน้ำอัดลมและในฤดูร้อนผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียงจะนั่งอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน
ทุกวันนี้ร้านค้าอื่น ๆ นอกเหนือจากร้านอาหารและบ้านไพ่นกกระจอกไม่ใหญ่พอสำหรับคนขนาดนั้น
ดังนั้นลานกว้างขนาดใหญ่ของคลินิคตระกูลหลิงจึงกลายเป็นสถานที่โปรดปรานของทุกคน
นี่คือความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุในพื้นที่ใกล้เคียง พวกเขาจะมาพูดคุยกันเมื่อพวกเขามาเจาะเลือดเสร็จและเมื่อพวกเขาเบื่อที่จะพูดพวกเขาจะงีบหลับ มันสะดวกสบายและเป็นธรรมชาติมาก
แน่นอนที่สุดสิ่งสำคัญที่สุดคือ คลินิคตระกูลหลิงสามารถดึงดูดผู้ป่วยสูงอายุได้มากกว่าผู้ป่วยทั่วไป เนื่องจากพวกเขาจะเข้ามาพูดคุยกันและจะทำให้คลินิคมีลูกค้าประจำที่เป็นพวกเขา
“เถ้าแก่หลิง … ” หมอแม้วยืนที่ด้านล่างของบันไดแล้วตะโกนขัดขึ้นไปชั้นบนของคลินิค
“หมอแม้วมีอะไรเหรอ?” แม้ว่าหลิงโจวรู้สึกว่าเขาโดนขัดจังหวะ แต่เขาก็ลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
“ ฉันเพิ่งจะเย็บแผลผู้ป่วยวีไอพีที่บริษัทกวางทองส่งมาแล้วตอนนี้เธอจ่ายเงินและออกไปจากคลินิคอย่างมีความสุขแล้ว”หมอแม้วพูดพร้อมกับยิ้ม
บริษัทกวางทองของ ลูจินหลิงเองก็เติบโตอย่างรวดเร็วและใช้เวลานานตั้งแต่ทิ้งรถตู้และแทนที่พวกมันทั้งหมดด้วยรถพยาบาลเก่าและใหม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทกวางทองยังรวมศูนย์พยาบาลใหม่ของพวกเขาไว้เพื่อใช้เป็นเส้นทางวีไอพีในเมืองโดยเฉพาะ นอกเหนือจากการรับผู้ป่วยที่ไปและกลับจากโรงพยาบาลเป็นประจำพวกเขาส่วนใหญ่จะให้บริการอยู่ที่ศูนย์บันเทิงประเภทไนท์คลับและร้านคาราโอเกะ
ผู้ป่วยวีไอพีต้องนั่งในรถพยาบาลใหม่ที่กว้างขวางและสะดวกสบาย และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน พวกเขาเพียงแค่ต้องกดหมายเลขบริการด้านสุขภาพของบริษัทกวางทองโดยตรงหรือสั่งจองผ่านวีแชท หรือ แอร์เพย์ [1] เนื่องจากพวกมันพึงถูกโปรโมตเมื่อเร็ว ๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนมาใช้บริการของบริษัท
เมื่อไม่นานมานี้แม้ผู้ป่วยจำนวนมากของหมอแม้วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ขอให้เย็บแผลด้วยการใช้เข้มย้อนกลับ [2] เขาจะได้รับการดำเนินการสองหรือสามเคสทุกวันโดยใช้เข็มเหล่านั้น
ตามข้อตกลงระหว่างหลิงโจวและ หมอแม้วแพทย์จะได้รับเงิน 40% ของค่ารักษาพยาบาลหลังจากที่ค่าวัสดุถูกหักออกจากจำนวนทั้งหมด ด้วยการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย หมอแม้วจึงทำเงินได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเขาได้ยินว่าคลินิกทำเงินได้อีกครั้งหลิงโจวก็อดยิ้มไม่ได้ “เป็นเรื่องดีที่ผู้ป่วยจะมีความสุขคุณรู้ไหมเมื่อพูดถึงผู้ป่วยระดับวีไอพีนอกเหนือจากการรักษาความเจ็บป่วยของพวกเขาเราต้องมั่นใจว่าพวกเขามาถึงและออกจากคลินิกอย่างมีความสุข”
“ แน่นอน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ความต้องการบริการนี้เพิ่มขึ้นมันค่อนข้างปวดหัวสำหรับฉันเช่นกัน” หมอแม้วนวดไหล่ของเขาด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีปัญหา “คุณเห็นไหมว่าตอนนี้จำนวนผู้ป่วยในคลินิกเพิ่มมากขึ้นจวนจี้ไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองสำหรับฉันฉันไม่มีผู้ช่วยที่สามารถช่วยงานฉันได้เถ้าแก่หลิงคุณควร จ้างผู้ช่วยและพยาบาลพิเศษจริงๆสำหรับฉันให้หน่อยจะได้ได้ “
“เมื่อได้รับการว่าจ้างเพิ่มเติมสองครั้งค่าใช้จ่ายจะสูงมากคุณจะไม่สามารถทำกำไรได้อีกนะ”
“ ฉันกำลังจะพูดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเช่นกัน” หมอแม้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าระบบการคำนวณรายได้ของฉันขึ้นอยู่กับต้นทุนนั้นยากเกินไปไม่ใช่ว่าฉันสามารถใช้เครื่องอุปโภคบริโภคได้เพียงเพราะฉันต้องการทำไมเราตกลงกันและคำนวณรายได้ของฉันตาม ค่าธรรมเนียมที่ได้รับกันล่ะ? “
หลิงโจวสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าดวงตาของหมอแม้วนั้นเปล่งประกายไปด้วยความโลภ
“ฉันจะลองคิดดูก่อนล่ะกัน” หลิงโจวยังไม่ตกลงในทันทีมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะจ้างแพทย์อีกคนที่มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่ากับหมอแม้ว และมันก็ไม่เหมือนกับว่าเขาสามารถหาหมอที่รู้เทคนิคการเย็บเช่นนี้ได้ง่ายๆ …
… อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าลูกชายของเขาก็สามารถเย็บเทคนิคเดียวกับหมอแม้วได้ มันจึงทำให้เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลิงรันจะมาช่วยงานนี้ได้
เมื่อหลิงโจวใคร่ครวญเรื่องนี้ มันทำให้เขาเริ่มปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย