บทที่ 330 ช่วยเธอจากพวกคนพาล!

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

วันนี้เดิมทีเมิ่งซินหรุ่ยไม่ได้วางแผนที่จะไปช้อปปิ้ง เพราะตอนเช้าเธอไปออกกำลังกายมา เวลานี้ก็ยังคงสวมชุดกีฬาอยู่

แต่คุณนายจางที่กำลังตั้งท้องลูกแฝดได้มาเจอเธอกำลังจะกลับบ้านพอดี บอกว่าที่ห้างสรรพสินค้ามีคอลเล็กชันฤดูใบไม้ผลิใหม่ๆ อยากจะให้ไปช้อปปิ้งด้วยกัน

เมิ่งซินหรุ่ยหูเบามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉะนั้นเมื่อถูกคุณนายจางพูดเชิญชวนอยู่สักพัก ก็ตอบตกลง

ทั้งสองคนมาถึงร้านแบรนด์เนมที่ไปบ่อย เพิ่งจะเข้าไป คุณนายจางก็มีคนเข้ามาต้อนรับเลย

วันนี้ที่คุณนายจางออกมาช้อปปิ้ง เป็นวันที่หนาวมาก เธอสวมเสื้อกันหนาวขนมิงค์ ด้านล่างเป็นกางเกงเลคกิ้ง แต่กลับใส่รองเท้าส้นสูง

เพราะบนตัวเธอมีทั้งทองมีทั้งหยก มันเจิดจ้าจนตาคนแทบจะบอด ฉะนั้นเมื่อพนักงานขายรู้ว่าเป็นแกะอ้วนตัวนี้ จึงเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น : “คุณนาย คุณต้องการดูเสื้อผ้าฤดูหนาวหรือเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิดีคะ? เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิของเราเพิ่งเปิดตัวเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ยังมีรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันหลายรุ่นที่เข้ากับสไตล์และรสนิยมของคุณด้วยนะคะ!”

เมิ่งซินหรุ่ยเห็นว่าคุณนายจางได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี และเห็นได้ชัดว่าเธอเดินอยู่ข้างๆคุณนายจาง แต่กลับไม่มีใครสนใจเธอเลย ไม่แม้แต่ชายตามามองด้วยซ้ำ ชั่วขณะก็รู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรีเล็กน้อย

และบังเอิญว่า คุณนายจางคนนี้ถูกคนเข้ามาต้อนรับ ก็หลงระเริงลืมตัวเดินไปยังโซนเสื้อผ้า จนลืมเรียกคนที่เธอบอกให้มาช้อปปิ้งด้วยกันไปเลย! น่าโมโหจริงๆ!

เมิ่งซินหรุ่ยกำลังจะเข้าไป ฉับพลันก็เห็นสภาพตัวเองในกระจกเวลานี้

คาดไม่ถึงว่าเธอจะสวมชุดกีฬา รองเท้าผ้าใบมา

เพราะว่าออกกำลังกาย ผมเผ้าเธอก็เลยยุ่งเหยิงเล็กน้อย แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ มองอย่างไรก็ดูเชยๆเฉิ่มๆ เหมือนป้าที่เพิ่งไปตลาดสดมา!

เมิ่งซินหรุ่ยแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี! วันนี้ช่างน่าอับอายจริงๆเลย!

สายตาของเธอมองไปรอบๆ กำลังหาโอกาสที่ทุกคนมองไม่เห็นแล้วหลบหนีออกไป แต่คุณนายจางที่เมื่อกี้นี้ไม่ได้สนใจอยู่เวลานี้ก็หันกลับมามอง แล้วพูดกับเธอว่า : “ซินหรุ่ย ทำไมไม่เข้ามาล่ะ? คุณดูสิว่าฉันใส่เสื้อคลุมตัวนี้แล้วดูดีไหม?”

เมิ่งซินหรุ่ยมองไปที่คุณนายจาง รูปร่างที่อ้วนท้วนอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่แทบจะไม่เห็นการแต่งหน้าและการยกกระชับ มีอะไรให้ดูดีเหรอ?!

เธอโกรธเล็กน้อย แต่ทำได้แค่มองข้ามไป มองดูเสื้อคลุมสีแดงตัวนั้น แล้วพูดตามความจริงว่า : “ฉันว่าคุณไม่เหมาะกับสีแดงนะ ลองสีเบจดูไหม?”

“จริงเหรอ?” คุณนายจางกล่าว : “คุณรู้สึกว่าฉันใส่สีแดงไม่ขึ้นเหรอ?”

เมิ่งซินหรุ่ยยังไม่ทันตอบกลับ พนักงานขายข้างๆก็พูดขึ้นว่า : “ไม่ๆๆ คุณนายมีออร่าขนาดนี้ แน่นอนว่าใส่อะไรก็ดูดีไปหมด!”

เมื่อคุณนายจางได้ฟังก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้จึงถอดเสื้อขนมิงค์ออกแล้วให้พนักงานขายช่วยถือไว้ จากนั้นก็ลองสวมเสื้อคลุมสีแดงตัวนั้นดู

“ว้าว คุณนาย คุณใส่เสื้อคลุมตัวนี้แล้วสวยเหลือเกิน! เหมือนว่ามันทำขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ!” พนักงานขายกล่าว : “คุณนายคะ ฉันขอเสียมารยาทถามคุณหน่อยนะ ว่าปีนี้คุณ 40 แล้วหรือยัง?”

เมิ่งซินหรุ่ยที่อยู่ข้างๆเบ้ปาก 40 อะไร! 60 ยังจะใกล้เคียงกว่า! ปลอมมากเลย!

แต่คุณนายจางกลับรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ เธอเลิกคิ้ว จากนั้นก็แกล้งทำเป็นเขินอายแล้วพูดว่า : “อะไรกัน 40 กว่าแล้ว!”

“โอ้โห มองไม่ออกเลยสักนิด!” พนักงานขายพูดจบ ก็หันมองไปทางเมิ่งซินหรุ่ย แล้วพูดว่า : “คุณผู้หญิงท่านนี้เป็นพี่สาวคนโตของคุณเหรอคะ?”

ประโยคคำพูดนี้ค่อนข้างดัง ชั่วขณะเมิ่งซินหรุ่ยรู้สึกเหมือนว่าตนเองถูกตบหน้าฉาดใหญ่!

และวันนี้ที่เฉียวโยวโยวมาที่ห้างสรรพสินค้านี้ก็เพราะเรื่องงาน

หลังจากที่เธอออกมาจากการทำงานเสร็จแล้ว ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยจากห้องกระจก

เพราะเรื่องคืนวันนั้น เฉียวโยวโยวก็อยากอธิบายกับเมิ่งซินหรุ่ยมาตลอด เมื่อเห็นเธอเช่นนี้จึงเดินเข้าไปหา

แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในร้าน ก็เห็นว่าเมิ่งซินหรุ่ยไม่ได้มาที่นี่คนเดียว มีคุณนายจางอะไรนั่นอยู่ข้างๆเธอด้วย

เธอยืนอยู่ตรงหัวมุม เห็นความกระตือรือร้นต่างๆที่พนักงานขายมีต่อคุณนายจาง แต่ท่าทางดูไม่แยแสเมิ่งซินหรุ่ยเลย ชั่วขณะก็คาดเดาอะไรบางอย่างได้ในใจ

จำได้ว่าก่อนหน้านี้ ฟู่สีเกอเคยเล่าว่า เมิ่งซินหรุ่ยมีเพื่อนบ้านแซ่จาง กำลังตั้งท้องลูกแฝดอยู่ ชอบมาพูดโอ้อวดกับเมิ่งซินหรุ่ยทุกวัน ตอนนี้คาดว่าน่าจะเป็นคุณนายจางคนนี้

เฉียวโยวโยวกลอกตาไปมา เหมือนมีความคิดอะไรบางอย่าง

ก่อนหน้านี้ฟู่สีเกอให้บัตรสำรองกับเธอไว้หนึ่งใบ ในตอนนั้นเธอบอกว่าไม่ต้องการ แต่ฟู่สีเกอก็ยังยัดเยียดมันมาให้เธอ บอกว่าเผื่อจะมีประโยชน์ในยามฉุกเฉิน

คาดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถึงเวลาได้ใช้ประโยชน์แล้วจริงๆ!

เมื่อพนักงานขายถามประโยคนั้นออกมา เมิ่งซินหรุ่ยก็รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก แต่จู่ๆก็มีเสียงอันไพเราะของผู้หญิงดังขึ้น

“คุณนายเมิ่ง ที่แท้คุณมาอยู่ที่นี่เอง!” ในมือเฉียวโยวโยวถุงใบใหญ่สองใบ วิ่งเข้าไปด้วยท่าทางหอบเหนื่อย

เมิ่งซินหรุ่ยก็งงเล็กน้อย ว่าทำไมโยโย่ถึงไม่เรียกเธอว่าคุณป้า

เฉียวโยวโยวเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเมิ่งซินหรุ่ย วางถุงลงแล้วพูดว่า : “ประธานฟู่บอกว่า คุณต้องการออกมาช้อปปิ้ง ให้ฉันมาส่งเสื้อผ้าให้คุณโดยเฉพาะ คาดไม่ถึงว่าฉันมาถึงฟิตเนส ก็ตามคุณไม่ทันแล้ว จึงต้องตามคุณมาที่นี่ค่ะ!”

พนักงานขายได้ฟัง ชั่วขณะสีหน้าก็หม่นหมองลงไป

อย่างแรกคือเฉียวโยวโยวเอ่ยถึง ‘ประธานฟู่’ จากนั้นก็พูดถึงฟิตเนสอีก

ดังนั้นคุณผู้หญิงท่านนี้แต่งตัวเช่นนี้มาที่ร้านหรู ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีเงิน แต่เป็นเพราะไปออกกำลังกายมายังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดอย่างนั้นเหรอ?!

พวกเขาได้ล่วงเกินลูกค้าอยู่ใช่ไหม?!

เฉียวโยวโยวพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางพนักงานขาย : “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยในบริษัทของคุณนายท่านนี้ รบกวนขอยืมห้องเปลี่ยนชุดของพวกคุณหน่อยได้ไหมคะ?”

พนักงานขายเหลือบมองถุงเสื้อผ้าที่เฉียวโยวโยวถืออยู่ ก็พยักหน้าทันที: “โอเคค่ะ ไม่มีปัญหา!”

ด้วยเหตุนี้เฉียวโยวโยวจึงยกถุงขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดึงเมิ่งซินหรุ่ยไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เมิ่งซินหรุ่ยมองเฉียวโยวโยวอย่างสงสัย: “คุณคือโยโย่? ไม่ใช่พี่น้องฝาแฝดของโยโย่ใช่ไหม?”

เฉียวโยวโยวอดยิ้มไม่ได้: “คุณป้า ใช่ฉันแน่นอนค่ะ!”

เมิ่งซินหรุ่ยเห็นเธอเรียกเธอแบบนี้ ก็เข้าใจทันที: “คุณมาช่วยฉันเหรอ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”

เฉียวโยวโยวชี้ไปยังชั้นบนแล้วกล่าวว่า: “ฉันไปที่สำนักงานชั้นบน ตอนลงมาก็เลยเห็นคุณ แล้วก็เห็นว่าคุณนายจางคนนั้นมีท่าทีแปลกๆ ดังนั้น จึงคิดว่าคุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือ”

เป็นอย่างที่คาดไว้ เมิ่งซินหรุ่ยกล่าวอย่างคับแค้นใจว่า: “เชอะ เธอคิดว่าเสื้อขนมิงค์ของเธอเจ๋งนักหรือไง! ชุดทำงานของบริษัทลูกชายฉันชุดหนึ่งแพงกว่าบนตัวเธออีก!”

เฉียวโยวโยวพยักหน้า: “ใช่แล้วค่ะ ดังนั้นเมื่อกี้ฉันเลยซื้อชุดที่เหมาะสมกับฐานะคุณ! เจิดจรัสจนพวกเขาต้องตาบอดเลยแหละค่ะ!”

พูดจบ เธอก็กล่าวเสริมว่า: “แต่บัตรเครดิตของฉันไม่ได้มีวงเงินที่สูงขนาดนั้น ดังนั้น ที่รูดไปเมื่อกี้นี้เป็นของสีเกอค่ะ”

“ไม่เป็นไร ก็ถือว่าสีเย็นของฉันกตัญญูต่อฉันก็แล้วกัน!” เมิ่งซินหรุ่ยสวมชุดที่เซียวโยวโยวซื้อมา ในสายตาแสดงอาการดีใจ: “โยโย่ ชุดที่คุณซื้อมาสวยดูดีมากเลย!”

“ยังมีเครื่องประดับอีกนะคะ คุณลองสวมดู!” เฉียวโยวโยวหยิบกล่องหนึ่งออกมา

เมิ่งซินหรุ่ยมองเครื่องประดับหยกที่เฉียวโยวโยวส่งมาให้อย่างพอใจมาก รู้สึกเพียงว่าความร่ำรวยที่ดูเรียบหรูไม่สะดุดตาแบบนี้ถึงจะเป็นความรวยที่แท้จริง

เธอเข้าไปใกล้เฉียวโยวโยวแล้วจูบหนึ่งทีด้วยความตื่นเต้น แล้วกล่าวกับเธอว่า: “โยโย่ ปกติที่คุณอยู่บ้านก็คงจะรู้ใจแม่ของคุณดีเลยใช่ไหม?”

เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะยิ้ม: “ก็ดีค่ะ! แต่หลักสำคัญคือพ่อแม่ของฉันทำธุรกิจที่ต่างจังหวัด จึงค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก”

“อ้อ อายุมากแล้ว ก็ต้องพยายามพักผ่อนให้เพียงพอนะ ถึงอย่างไรคุณก็อยู่ด้วยกันกับสีเย็นแล้ว ดังนั้นก็ไม่ขาดแคลนเงินหรอก” เมิ่งซินหรุ่ยเพิ่งพูดจบ ก็ตระหนักได้ทันทีว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่

เอ๊ะ ในจิตใต้สำนึกของเธอยอมรับเฉียวโยวโยวไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?

กำลังไตร่ตรองอยู่ เฉียวโยวโยวก็ไปเปิดประตูแล้ว: “คุณป้า คุณลองไปส่องกระจกตรงนั้นดูสิคะ แน่นอนว่าดูแพงกว่าคุณนายจางคนนั้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!”

เมิ่งซินหรุ่ยพยักหน้า เปิดประตู ยืนตรงหน้ากระจก

ไม่พูดไม่ได้ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เธอสวมใส่ชุดนี้แล้ว บวกกับสวมเครื่องประดับเหล่านั้นแล้ว ก็เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย

บวกกับ เดิมทีเธอมีรูปร่างหน้าตาที่ดีอยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะอายุมากแล้ว แต่เค้าโครงก็ยังคงอยู่ แตกต่างกับเทคนิคการแต่งหน้าที่ทับกันเป็นชั้นๆแบบนั้นโดยสิ้นเชิง!

เฉียวโยวโยวนำชุดออกกำลังกายที่เมิ่งซินหรุ่ยเปลี่ยนออกมาใส่ลงในถุง เข้าไปใกล้หูเธอแล้วกล่าวว่า: “ตอนนี้พวกเราออกไปให้พวกเขาดูกันเถอะ จากนั้น ค่อยไปลองเสื้อคลุมสีแดงตัวนั้นอีกที!”

เมิ่งซินหรุ่ยตาเป็นประกาย เชิดคางขึ้นสูงแล้วเดินออกไป

ถึงแม้พนักงานขายจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่ ช่วงเวลานั้นที่เห็นเมิ่งซินหรุ่ยออกมา ก็ยังคงตะลึงงัน

ผู้หญิงตรงหน้า สวมชุดย้อนยุคที่เรียบหรู การตัดเย็บของเสื้อผ้าที่เหมาะสม สวมใส่บนตัวของเธอ ช่างดูเหมือนสั่งตัดมาจริงๆ

เธอเดินเข้ามาแบบนี้ ก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนว่าข้ามเวลาไปยังยุคสมัยนครเซี่ยงไฮ้ ที่ผู้หญิงที่มีฐานะสูงส่งจึงจะสามารถเข้าไปได้

“คุณนายเมิ่ง เมื่อกี้ฉันดูเอาไว้ คิดว่าคุณเหมาะสมกับเสื้อคลุมสีแดงตัวนั้นมากเลยนะคะ!” เฉียวโยวโยวเปลี่ยนการเรียกชื่อ กล่าวด้วยใบหน้าที่เคารพนับถือ

เมิ่งซินหรุ่ยชำเลืองมองเสื้อคลุมตัวนั้น เป็นสไตล์ที่ตนเองชื่นชอบจริงๆ แต่อีกตัวหนึ่งเวลานี้อยู่บนตัวของคุณนายจางคนนั้น

มุมปากของเธอเบ้ลงเล็กน้อย ไม่พูดจา

เวลานี้ พนักงานขายได้สติกลับมา จึงรีบกล่าวว่า: “ใช่แล้ว คุณนายเมิ่ง ในเมื่อคุณกับคุณนายจางเป็นเพื่อนสนิทกัน อย่างนั้นก็ซื้อไปคนละชุด แต่งตัวเหมือนเป็นพี่สาวน้องสาวกัน ก็ดูสวยดีนะคะ?”

เธอพูดพลาง มองไซซ์เล็กน้อย หยิบตัวที่เล็กกว่าคุณนายจางสองไซซ์แล้วส่งให้เมิ่งซินหรุ่ย: “คุณนายเมิ่งค่ะ คุณสบายใจได้ เสื้อผ้าของพวกเราแต่ละไซซ์มีเพียงหนึ่งตัว ทั้งหมดมีสามขนาดใหญ่กลางเล็ก ตัวนี้ของคุณคือขนาดเล็กค่ะ”

พอพูดแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า ที่คุณนายจางสวมอยู่คือไซส์ใหญ่ ชี้ชัดว่าไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่าแก่ รูปร่างอ้วนจนผิดรูป ไม่ได้รับการดูแล

เวลานี้ คุณนายจางเห็นเมิงซินหรุ่ยรับเสื้อคลุม ก็ชักสีหน้าใส่ทันที

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปยังเฉียวโยวโยว คิดอย่างไม่พอใจมากว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงน่ารำคาญแบบนี้นะ เป็นผู้ช่วยอะไรกัน ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยได้ยินเลยล่ะ?!

เมิ่งซินหรุ่ยถอดเสื้อโค้ตส่งให้เฉียวโยวโยว แล้วหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม ในทันใด คนก็ดูมีสไตล์ที่แตกต่างออกไป

ภายในช่วงเวลาอันสั้นนี้ พนักงานขายก็ไม่รู้ว่าจะชื่นชมอย่างไร

เธอติดอ่างเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวว่า: “คุณนายเมิ่ง คุณใส่แล้วดูดีจริงๆเลยค่ะ! คุณจะลองไปส่องกระจกสักหน่อยไหมคะ?”

คนทั้งสอง สวมชุดเดียวกัน ยืนอยู่หน้ากระจก ใครขี้เหร่ใครสวย สามารถพูดได้ตามความจริง

คุณนายจางอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอคลำกำไลข้อมือหยกบนมือ หันตัวกลับแล้วเดินออกไป

“เสื้อคลุมตัวนี้ ฉันต้องการ” เสียงของเมิ่งซินหรุ่ย

“เสื้อคลุมตัวนี้ ฉันไม่ต้องการแล้ว” เสียงของคุณนายจางดังขึ้นในเวลาเดียวกัน