บทที่ 329 ตอนนี้นอกจากภรรยาก็ตัดขาดจากสิ่งมีชีวิตเพศเมียหมดแล้ว!

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

เมื่อเห็นว่าความลับถูกเปิดเผย เฉียวโยวโยวก็กัดฟันด้วยความโกรธ : “คุณจะร้องไห้ก็ได้นะ!

“ยายโง่โยว” ฟู่สีเกอแอบหยิกเอวเฉียวโยวโยวเล็กน้อย : “ทำไมถึงไม่เชื่อใจฉันขนาดนี้? คุณคิดว่าฉันอยากจะแสดงละครกับเธอเหรอ?”

เฉียวโยวโยวที่รู้สึกขมขื่นในใจ ตอนนี้กลับรู้สึกหวานชื่นขึ้นมา เธอถลึงตาใส่เขา : “ใครจะรู้ล่ะ! ไม่แน่ว่าคุณเห็นฉันอยู่ที่นี่ ก็อาจจะเปลี่ยนคำพูดก็ได้!”

“ซื่อตรงโปร่งใส!” ฟู่สีเกออธิบายในทันที : “ถึงแม้ว่าคุณจะไม่อยู่ ฉันก็แสดงออกชัดเจน ว่าฉันแต่งงานแล้ว มันไม่เกี่ยวอะไรกับเด็กเลย อีกทั้งเป็นแฝดชายหญิงด้วย! ฉะนั้นตอนนี้นอกจากภรรยาก็ตัดขาดจากสิ่งมีชีวิตเพศเมียหมดแล้ว!”

เฉียวโยวโยวได้ฟังคำพูดของเขา ก็ทำอะไรไม่ถูก แต่กลับรู้สึกว่าความโกรธในใจลดน้อยลงไป

เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม : “สีเย็น คุณบอกว่าแม่ของคุณตามมาด้วยไม่ใช่เหรอ? เธอมาถึงแล้วหรือยัง?”

ฟู่สีเกอยักไหล่ : “ไม่รู้สิ เธอบอกว่าเธอขับรถมาก่อนแล้ว แต่ฉันไม่เห็นเจอเลย!”

“เธอไม่ได้หลงทางใช่ไหม?” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า : “เมื่อกี้นี้ตอนที่ฉันมา ก็รู้สึกว่าที่นี่เหมือนเขาวงกต ฉันต้องวนสองรอบถึงจะหาเจอ……”

“บ้าจริง!” ฟู่สีเกอสบถด่าออกมา : “ทำไมเมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานี้นะ!”

เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว : “เธอต้องหลงทางแน่ๆเลย!”

เฉียวโยวโยวกุมขมับ

เวลานี้เมิ่งซินหรุ่ยมองไปตามถนนหนทางที่ขับผ่านมา นวดๆที่ศีรษะ จากนั้นจึงตัดสินโทรหาจางเจียอิ่ง

โทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้ง ในที่สุดจางเจียอิ่งก็รับสาย

แต่เมิ่งซินหรุ่ยยังไม่ทันได้ระบายความทุกข์ จางเจียอิ่งก็ร้องไห้ออกมา : “คุณป้า……”

เมิ่งซินหรุ่ยได้ยินหัวใจก็สั่นหวั่นไหว จึงรีบพูดว่า : “เจียอิ่ง คุณอย่าร้องไห้เลยนะ เมื่อก่อนฉันก็กลัวคุณร้องไห้ พอคุณร้องไห้ เจ้าพุดเดิ้ลที่ฉันเคยเลี้ยงไว้ก็จะเห่าออกมา แต่มันตายไปสามปีแล้ว ตอนนี้คุณร้องไห้ จึงทำให้ฉันคิดถึงมัน จนฉันอยากจะร้องไห้ตามไปด้วย”

คำพูดนี้ใช้ได้ผล จางเจียอิ่งหยุดร้องไห้ไปชั่วขณะ เธอยืนอยู่ที่ระเบียง แล้วพูดอย่างน้อยใจกับเมิ่งซินหรุ่ยว่า : “คุณป้า ทำไมสีเกอถึงมีแฟนแล้วล่ะ? ไหนเขาบอกว่าจะรอฉันไง!”

เมิ่งซินหรุ่ยได้ยินเช่นนี้ ก็พูดขึ้นว่า : “อันนี้ฉันก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้ ลูกชายฉันเคยมีแฟนมาเยอะแยะ ก็ไม่เคยเห็นไปหาคุณเลย แสดงว่าคุณไม่ใช่สเปคของเขา มิฉะนั้นคุณก็ยังไม่หมดหนทางหรอกใช่ไหม? อีกอย่างมีคนอีกตั้งมากมายอย่ายึดติดอยู่แค่คนคนเดียวเลย!”

จางเจียอิ่งรู้สึกว่าเมิ่งซินหรุ่ยดูเหมือนจะปลอบใจเธอ ทว่ากลับพูดแทงใจทุกคำ แต่ตอนนี้ก็พึ่งเธอได้เท่านั้น ฉะนั้นเธอจึงพูดอีกว่า : “คุณป้า ฉันเข้าใจเหตุผลนี้ สีเกอจะไม่ชอบฉันก็ได้ แต่ไม่สามารถชอบผู้หญิงแบบนั้นได้!”

“หมายความว่ายังไง?” เมิ่งซินหรุ่ยขมวดคิ้ว สายตาเธอหันไปมองอีกทางหนึ่ง เธอเหมือนจะไม่หลงทางแล้ว! เธอมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางอย่างเบิกบานใจ

“คุณป้า ไม่รู้ว่าคุณเคยเจอแฟนของเขาแล้วหรือยัง?” แววตาของจางเจียอิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น : “เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเฉียวโยวโยว เป็นเพื่อนนักศึกษาปริญญาโทของฉัน! ถึงแม้จะรู้ว่าการนินทาลับหลังมันไม่ดี แต่เพื่อสีเกอ มีบางเรื่องที่ฉันต้องบอกกับคุณ!”

เมื่อเมิ่งซินหรุ่ยหาเส้นทางเจอ ก็มีความสุขเป็นพิเศษ จนฮัมเพลงออกมาเบาๆ แล้วถามว่า : “เรื่องอะไรเหรอ?”

“ก่อนหน้านี้เฉียวโยวโยวคบกับคนอื่นอยู่ แล้วยังเคยทำแท้งอีกด้วย!” จางเจียอิ่งรู้ว่าเมิ่งซินหรุ่ยอยากจะอุ้มหลาน ฉะนั้นจึงพูดแบบเกินจริงว่า : “คุณไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้เธอกับแฟนของเธอไปเรียนที่ลอนดอน ในตอนนั้นก็พักอยู่ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันจบการศึกษาก็ท้องซะแล้ว ฉะนั้นจึงต้องแอบหาหมอมาทำแท้งเป็นการส่วนตัว! ได้ยินมาว่าทำตั้งสองครั้ง อีกทั้งในอนาคตก็ไม่สามารถมีลูกได้แล้วด้วย!”

เมิ่งซินหรุ่ยฟังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป จู่ๆก็นึกถึงภาพที่เฉียวโยวโยวจูบกับฟู่สีเกออยู่ที่หน้าประตูบ้านของสือมูเฉิน

นารีเป็นเหตุเหรอ!

เธอกำลังจะโกรธ ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ว่า ฟู่สีเกอเคยสอนเธอว่า อย่าฟังความข้างเดียว แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากข้อเท็จจริง ต้องเป็นคนมีสติ อย่าถูกคนชั่วหลอกง่ายๆ

ด้วยเหตุนี้ เมิ่งซินหรุ่ยจึงถามว่า : “คุณบอกว่าเธอเป็นแบบนี้ มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ล่ะ?”

หัวใจของจางเจียอิ่งเปล่งประกาย แล้วพูดว่า : “คุณป้า คุณจะมาถึงแล้วหรือยัง? ฉันจะให้คุณดูรูป คุณก็จะเชื่อฉันเอง!”

เมื่อก่อนเฉียวโยวโยวคบอยู่กับฟู้เจียนปอ บางครั้งก็ไปปาร์ตี้ด้วยกันกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ปกติแล้วก็มีรูปถ่ายมากมาย เธอจึงจำเป็นต้องเอาภาพของเฉียวโยวโยวกับฟู้เจียนปอที่ถ่ายอยู่ด้วยกันเท่านั้น เพื่อมาเป็นข้อพิสูจน์!

วางสายไปแล้ว จางเจียอิ่งเข้าไปที่กลุ่มของเพื่อนร่วมชั้นเพื่อหารูปที่ตนเองต้องการ และเวลานี้เมิ่งซินหรุ่ยก็มาถึงแล้ว

ฟู่สีเกอกับเฉียวโยวโยวมารับเมิ่งซินหรุ่ยที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้โทรหาเธอก็สายไม่ว่างตลอด โชคดีที่เธอมาถึงแล้ว มิเช่นนั้นเกรงว่าจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสโมสร

เห็นเมิ่งซินหรุ่ยเข้ามา จางเจียอิ่งเข้ามากอดแขนเธออย่างกระตือรือร้น พูดอย่างอ่อนหวานว่า : “คุณป้า ฉันรอคุณอยู่ตลอดเลย!”

เมิ่งซินหรุ่ยพยักหน้า ยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า : “หลักฐานล่ะ?”

จางเจียอิ่งคาดไม่ถึงว่า เธอจะถามออกมาแบบนี้ต่อหน้าเฉียวโยวโยว ชั่วขณะก็หน้าแตกจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงเมิ่งซินหรุ่ยไปยังโซนเครื่องดื่ม : “คุณป้า คุณดื่มนมร้อนก่อนไหม?”

เมื่อเมิ่งซินหรุ่ยเห็นจางเจียอิ่งลากเธอออกมาจากพวกฟู่สีเกอ ก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

เมื่อกี้นี้ที่เธอยื่นมือออกมาแล้วบอกว่าต้องการหลักฐาน เป็นเพียงแค่การทดสอบหยั่งเชิงเท่านั้น

แต่เมื่อสังเกตดูท่าทางของจางเจียอิ่งที่พูดจาบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่องแล้ว เห็นได้ชัดว่าขาดความมั่นใจอย่างมาก ฉะนั้นเรื่องที่จะเปิดเผยนี้จึงเชื่อทั้งหมดไม่ได้

เมิ่งซินหรุ่ยตามจางเจียอิ่งไป ท้ายที่สุดแล้วก็อยากรู้ว่าหลักฐานคืออะไร

เธอหยิบนมแก้วหนึ่งขึ้น พอดื่มไปเพียงสองอึก จางเจียอิ่งก็ส่งมือถือไปให้เธอ: “คุณป้าคุณดูสิ คือรูปนี้แหละค่ะ!”

เพียงดูในหน้าจอมือถือ ก็เห็นภาพถ่ายของเฉียวโยวโยวและฟู้เจียนปอ

ฟู้เจียนปอโอบไหล่ของเฉียวโยวโยว ท่าทีของคนทั้งสองดูสนิทสนมกัน แค่เห็นก็รู้ว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่

“คุณป้า ถ้าคุณต้องการหลักฐานการทำแท้งโดยตรง ฉันไม่มีแน่นอน แต่เรื่องที่ก่อนหน้านี้เธอเกือบจะแต่งงานกับคนคนนี้ ในกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นของพวกเราต่างก็รู้ดี!” จางเจียอิ่งกล่าว: “ฉันคาดว่าหลังจากเธอกลับประเทศมาแล้วได้รู้จักกับสีเกอ แล้วรู้สึกว่าสีเกอมีปัจจัยที่ดีกว่า จึงได้ทิ้งแฟนเก่าคนก่อนหน้านี้ของเธอ!”

ถึงแม้จะรู้ว่าคำพูดของจางเจียอิ่งไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด แต่ประโยคสุดท้ายของเธอนั้นก็มีความเป็นไปได้จริงๆ

ดังนั้น เมิ่งซินหรุ่ยจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ลูกสีเย็นของเธอกลายเป็นกิ๊กไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?

จางเจียอิ่งพูดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกค่อนข้างโมโห จึงไม่ได้พูดถึงหัวข้อสนทนานี้ต่อ แต่ดึงเมิ่งซินหรุ่ยมาพูดคุยทางด้านแฟชั่นเล็กน้อย ซึ่งค่อนข้างพูดคุยกันได้ด้วยดี

งานเลี้ยงจบสิ้นลง ฟู่สีเกอจึงพาเฉียวโยวโยว มายังตรงหน้าเมิ่งซินหรุ่ย: “แม่ พวกเราพาคุณไปส่งก่อนดีไหม?”

เมิ่งซินหรุ่ยมองเฉียวโยวโยว รู้สึกว่าถึงแม้เด็กผู้หญิงคนนี้จะรูปร่างหน้าตาสวยน่ารัก แต่ทำให้ลูกชายของตนเองต้องเสียเปรียบ ภายในใจก็รู้สึกว่ายากที่จะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้

เธอส่ายหน้า: “ฉันขับรถมาเอง”

ฟู่สีเกอยิ้มแล้วกล่าวว่า: “แม่ คุณไม่ใช่หลงทางอยู่เป็นครึ่งชั่วโมงเหรอ? ดังนั้นอีกเดี๋ยวฉันจะนำทางให้ข้างหน้า แล้วคุณขับตามโอเคไหม?”

“เจ้าหมอนี่!” เมิ่งซินหรุ่ยมองเฉียวโยวโยวที่อมยิ้มอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ ลูกชายคนนี้ เมื่อกี้เธอยังเห็นแก่เขา สุดท้ายต่อหน้าคนอื่นเขากลับไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด!

“เอาล่ะๆ แม่ อย่าโกรธเลยนะ” ฟู่สีเกอพูดง้อว่า: “ไม่อย่างนั้นก็เอาแบบนี้ ฉันขับรถนำหน้า แล้วให้เฉียวโยวโยวนั่งเป็นเพื่อนในรถของคุณดีไหม?”

เมิ่งซินหรุ่ยคิดๆ ใช่แล้ว ต้องใช้โอกาสนี้ ลองหยั่งเชิงเฉียวโยวโยวสักหน่อยก็ดีนะ ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้า: “โอเค”

เฉียวโยวโยวนั่งบนรถของเมิ่งซินหรุ่ย และตามรถของฟู่สีเกอที่อยู่ด้านหน้า ออกจากที่จอดรถที่เหมือนเขาวงกต

บนถนน เมิ่งซินหรุ่ยจงใจขับรถด้วยความเร็วที่ช้าอย่างมาก แล้วกล่าวถามว่า: “โยโย่ คุณรู้จักสีเย็นมานานแค่ไหนแล้วเหรอ?”

เฉียวโยวโยวคิดเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า: “รู้จักกันเมื่อตอนฤดูร้อนค่ะ ก็ประมาณครึ่งปีกว่าแล้วค่ะ”

“แล้วคุณกลับประเทศมาตั้งแต่เมื่อไรเหรอ?” เมิ่งซินหรุ่ยถามอีก

เฉียวโยวโยวกล่าว: “ก็เมื่อฤดูร้อนเหมือนกันค่ะ”

“ดังนั้นคุณกลับมาก็ได้รู้จักกับเขาเลยเหรอ?” เมิ่งซินหรุ่ยหัวใจหม่นหมอง หรือว่าที่จางเจียอิ่งพูดจะเป็นเรื่องจริง”

เฉียวโยวโยวพยักหน้า: “ใช่ค่ะ เพราะว่าฉันกับเสี่ยวถางเป็นเพื่อนที่สนิทกัน เขากับพี่สือก็สนิทกันมากเหมือนกัน ดังนั้นครั้งหนึ่งตอนเสี่ยวถางนอนโรงพยาบาล พวกเราจึงได้พบกันที่โรงพยาบาล”

แย่แล้วๆ คงเป็นในตอนนั้นแน่ๆที่ชอบลูกสีเย็นของเธอ จึงเปลี่ยนใจมารัก! เมิ่งซินหรุ่ยกล่าวว่า: “แล้วคุณคิดว่าสีเย็นมีดีตรงไหนล่ะ?”

เฉียวโยวโยวคิดเล็กน้อย: “เขานิสัยดี ดูแลคนได้ อยู่ด้วยกันกับเขาก็รู้สึกสบายใจ อีกทั้ง รูปร่างหน้าตา ความสามารถก็ไม่เลว!”

เมิ่งซินหรุ่ยเลิกคิ้ว ก็ไม่เห็นเหรอว่าใครให้กำเนิด ต้องเก่งแน่นอนอยู่แล้ว! เธออารมณ์ดีอย่างมาก กำลังจะถามต่อ รถฟู่สีเกอที่อยู่ข้างหน้าก็จอดรถลงแล้ว

ฟู่สีเกอขับรถมาจอดที่จอดรถชั่วคราวบนถนนสายหลักแล้ว ก็ลงจากรถไปหาเมิ่งซินหรุ่ยแล้วกล่าวว่า: “แม่ ควรจะคืนภรรยามาให้ฉันได้แล้ว!”

“นี่ คุณคิดว่าฉันจะล่อลวงโยโย่ไปขายที่แอฟริกาเหรอ?!” เมิ่งซินหรุ่ยไม่ยินยอม แต่ก็ปลดล็อกประตู ให้เฉียวโยวโยวลงจากรถ

เฉียวโยวโยวดึงเปิดประตูแล้วลงจากรถไป โบกไม้โบกมือกับเธอ ยิ้มหวานแล้วกล่าวว่า: “คุณป้า ไว้พบกันใหม่! ราตรีสวัสดิ์ค่ะ!”

“โยโย่!” เมิ่งซินหรุ่ยคิดว่าหากไม่รู้คำตอบคาดว่าเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเป็นแน่ เช่นนั้นก็เลยถามไปโดยตรงว่า: “ตอนที่คุณรู้จักสีเย็น คุณเลิกรากับแฟนคนก่อนแล้วหรือยัง?”

เฉียวโยวโยวนิ่งอึ้งไป

ทันทีเธอก็นึกได้ว่า วันนี้ล้วนเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเธอ คาดว่าคงจะมีคนบอกอะไรเมิ่งซินหรุ่ยแล้วทำให้เธอเข้าใจผิด

แต่ตอนที่เธอรู้จักฟู่สีเกอ ก็ยังไม่ได้เลิกรากับฟู้เจียนปอจริงๆ กระทั่ง เธอกับฟู่สีเกอสนิทสนมกันแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดขาดกับฟู้เจียนปอโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้ว่า สาเหตุส่วนมากจะเป็นทางด้านของฟู้เจียนปอ แต่ถึงอย่างไรในส่วนของคำถามนี้ ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ

เธอเห็นฟู่สีเกอเดินเข้ามาแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกับเมิ่งซินหรุ่ยว่า: “ยังค่ะ แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง คุณป้าคะ ฉันสามารถอธิบายคุณได้”

“คุยอะไรกันอยู่เหรอ?” ฟู่สีเกอเดินมาถึงข้างที่นั่งคู่คนขับ ยิ้มแล้วกล่าว

“ไม่มีอะไร” เมิ่งซินหรุ่ยหลบสายตาอย่างขาดความเชื่อมั่น

“แม่ คุณทำท่าทีแบบนี้ทีไร ฉันก็รู้เลยว่าคุณกำลังพูดโกหก!” ฟู่สีเกอรู้สึกจนใจ

เฉียวโยวโยวรีบช่วยเมิ่งซินหรุ่ยพูดกลบเกลื่อนว่า: “สีเย็น คุณป้าก็คุยกับฉันไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรหรอก”

เพียงเมิ่งซินหรุ่ยได้ฟัง ก็รู้สึกคาดไม่ถึงว่าโยโย่จะช่วยเธอพูด ในทันใด ก็รู้สึกซาบซึ้งในหัวใจขึ้นมาอย่างมาก

หลังจากแยกย้าย ต่างคนก็ต่างกลับบ้าน

เฉียวโยวโยวไม่ได้เจอเมิ่งซินหรุ่ยหลายวัน จนกระทั่ง วันนั้นเธอไปห้างสรรพสินค้า…..