บทที่ 294 ทางฝั่งตู้เหิงนั้นจะปรากฏตัวแปรใดออกมาอีก

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 294 ทางฝั่งตู้เหิงนั้นจะปรากฏตัวแปรใดออกมาอีก
บทที่ 294 ทางฝั่งตู้เหิงนั้นจะปรากฏตัวแปรใดออกมาอีก

วันรุ่งขึ้น ด้วยเป็นเรื่องยากที่เซี่ยเชียนจะมีเวลาว่างได้อยู่ในจวนอย่างเงียบสงบ จึงส่งคนไปเรียกตัวอาจื้อมาตั้งแต่เช้าตรู่

เหยาซูจัดการเสื้อผ้าให้ลูกชายพลางเอ่ยว่า “เมื่อวานก็เพิ่งบอกว่ามีตรงไหนไม่เข้าใจ วันนี้ก็เอาไปให้ท่านปู่เซี่ยช่วยชี้แนะเสียสิ จะได้ไม่หงุดหงิดงุ่นง่าน จงเรียนกับท่านปู่เซี่ยดี ๆ เข้าใจหรือไม่?”

อาซือยังสะลืมสะลือ เด็กหญิงพลิกตัวเล็กน้อย กระทั่งได้ยินพี่ชายตนเองพูดอย่างจริงจัง “ข้าเข้าใจ แล้วท่านแม่”

อาจื้อมองน้องชายและน้องสาวที่นอนอยู่บนเตียง พลางลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มสลวยของอาซืออย่างเบามือ จากนั้นกล่าวลาบิดามารดาก่อนจะออกไป

เหยาซูกล่าวกับหลินเหราอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าว่าท่านน้าคงจะเอ็นดูพวกเด็ก ๆ อย่างจริงใจ ถึงจะไม่ยกซานเป่าให้เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลเซี่ย อนาคตข้างหน้าก็ต้องมีพวกเด็ก ๆ มาขอเป็นลูกศิษย์เขาอยู่ดี”

หลินเหราพยักหน้า กระทั่งได้ยินเหยาซูพูดเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ “ท่านดูสิ ระหว่างตระกูลนี้และตระกูลหลินช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เมื่อครั้งต้าเป่าและเอ้อเป่าถูกเลี้ยงดูในตระกูลหลิน พวกเขาไม่ได้กินอาหารมากมายของตระกูล ทั้งไม่ได้รับความเป็นธรรม ซ้ำร้ายยังต้องทำงานบ้าน เมื่อเทียบกันแล้วมากกว่าธัญพืชที่ตระกูลหลินเสียไปเสียอีก!”

หลินเหราอดยิ้มออกมาไม่ได้

เหยาซูกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ท่านยิ้มอะไร? ข้ายังไม่เคยเล่าให้ท่านฟังเลย ได้ยินว่าหลินหงน้องสามของท่าน ก็เข้าสอบขุนนางด้วย…”

หลินเหราถือโอกาสตอนที่พวกเด็ก ๆ ยังหลับ ดึงตัวของเหยาซูมากอดไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เขาจะสอบก็สอบไปสิ เกี่ยวอะไรกับเราด้วยเล่า?”

ดวงตาคู่สวยของเหยาซูเบิกกว้าง “หลินหงร่ำเรียนตำรามานานหลายปี แต่กลับไร้ความรู้ ถ้าเขาสอบเข้าเมืองหลวงได้ จะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากเป็นแน่!”

หลินเหรากลั้วหัวเราะเสียงเบา “ที่แท้ฮูหยินก็เป็นห่วงเรื่องนี้นี่เอง”

ในนิยายต้นฉบับนั้นต่อไปหลินหงจะมายังเมืองหลวง เพียงแต่เหยาซูไม่รู้ถึงสาเหตุที่ชัดเจนเท่านั้น

เมื่อได้ยินว่าหลินหงจะสอบขุนนาง เหยาซูก็พลันนึกถึงเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว

ครั้นเห็นคิ้วเรียวสวยของเหยาซูขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก็ตระหนักได้ทันทีว่าต้องกังวลเรื่องนี้ หลินเหราจึงเอ่ยปลอบโยนนาง “เอาละ อย่าคิดมาก การเรียนของหลินหงข้ารู้ดี เขายังห่างจากบัณฑิตท้องถิ่นอีกไกล อีกอย่างก่อนหน้านั้นก็เพราะเรื่องที่เขาติดหนี้พนัน ชื่อเสียงจึงเสื่อมเสีย ถึงจะสอบเข้าได้ก็ยังห่างระดับขุนนางไกลนัก”

เหยาซูตอบแค่ “อือ”

ตามนิยายต้นฉบับ หลินหงเป็นตัวก่อปัญหาในเมืองหลวง ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะบิดเบือนไปแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ได้มาเมืองหลวงก็เป็นเรื่องที่ดี

เมื่อพูดถึงเรื่องในบ้าน ทั้งสองคนได้คุยกันเนิ่นนาน จนเหยาซูถามอีกครั้งว่า “เมื่อคืนพี่รองไม่ได้กลับบ้านใช่หรือไม่?”

หลินเหราพยักหน้า “หลังจากเจ้าหลับไปแล้ว พี่รองได้สั่งให้คนมาส่งข่าวคราว บอกว่าศาลาว่าการทางนั้นมีความคืบหน้าบางอย่าง จึงไม่ได้กลับจวน”

เหยาซูเด้งตัวออกจากอ้อมแขนของหลินเหราทันที ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายงดงาม “มีความคืบหน้าหรือ? อย่างไร?”

หลินเหราหยิบถุงผ้าเล็ก ๆ บนโต๊ะ และยื่นให้เหยาซู

นางอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรับถุงผ้าในมือไป แล้วเปิดออกดู ก็พบว่าเป็นปิ่นปักผมที่นางใช้ในวันนั้น

หลินเหราอธิบายต่อ “หลังจากที่ตรวจสอบศพแล้ว ปิ่นปักผมอันนี้ถูกเก็บไว้ในศาลาว่าการมาตลอด เมื่อวานพี่รองให้ข้านำกลับมา”

เหยาซูตอบ “อื้อ” เบา ๆ แล้วกำปิ่นเงินปลายแหลมนั้นไว้ในมือ

กระทั่งได้ยินหลินเหรากล่าวว่า “พี่รองวาดภาพคนตายผู้นั้นไว้แล้ว แล้วส่งคนออกไปถามทั่วทุกพื้นที่ สืบหาสหายขบวนการเดียวกับเขา ในที่สุดก็พบว่าเขาชื่อหยางซิน เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”

เหยาซูใจสั่นเล็กน้อย “ขอแค่ตามหาหยางซินให้เจอ ก็จะไขคดีความได้ใช่หรือไม่?”

หลินเหราพยักหน้าและพูดว่า “ความจริงแล้ววันนั้นหยางซินก็ไปศาลเจ้าหลักเมืองด้วย ทั้งยังลักพาตัวเด็กไปอีกคน ตั้งใจจะเอาตัวเด็กไปขาย หญิงสาวผู้นั้นเปิดเผยข้อมูลไม่น้อยเลย”

เหยาซูกัดฟันกรอด นัยน์ตาฉายชัดถึงความเกลียดชัง “ภายใต้การปกครองของโอรสสวรรค์ กลับมีเรื่องที่เป็นกบฏต่อฟ้าดินเช่นนี้! ลูกหลานตระกูลไหนบ้างไม่ใช่แก้วตาดวงใจของตระกูล? บอกจะลักพาตัวก็ให้คนมาลักพาตัวไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น!”

ชายหนุ่มมีสีหน้าหนักแน่น องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าแสดงความรู้สึกขึงขัง และพูดกับเหยาซูว่า “ที่พี่รองไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืนนั้น เป็นเพราะกำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีความนี้อยู่ คิดว่าวันนี้คงจะได้ผลสรุปออกมา”

เดิมทีหลินเหราควรต้องช่วยเหยาเฉาสืบหาเช่นกัน แต่ด้วยคำนึงถึงสภาพจิตใจของเหยาซู เขาจึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายภรรยา

เหยาซูค่อย ๆ เดินออกมาจากในเงามืดของวันนั้น

บัดนี้ในใจของนางเต็มไปด้วยความคิด ไม่ว่าอย่างไรจะต้องลากตัวมือมืดที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้ จากนั้นก็พูดกับหลินเหราว่า “วันนี้ท่านไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าหรอก ไปสืบข้อมูลเถิด ข้าไม่เป็นไร”

คิ้วรูปดาบของชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน “ก็คุยกันแล้วว่าวันนี้เราจะไปดูบ้านด้วยกันมิใช่หรือ?”

เหยาซูรีบเอ่ยทันที “เฮ้อ เรื่องบ้านจะวันไหนก็ดูได้ ไม่หนีหรอก แต่เบาะแสเราจะพลาดโอกาสไม่ได้ เราต้องเด็ดขาด! ว่าเรื่องไหนสำคัญยิ่งกว่า!”

หลินเหรารู้สึกว่าการอยู่ข้างกายภรรยาเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า เรื่องการสืบหาคดีความ เขาและเหยาเฉาต่างก็ควบคุมกันได้ดี

เพียงแต่การพูดต่อหน้าเหยาซู คงไม่ใช่เรื่องดีนัก

ชายหนุ่มทำได้แค่ประนีประนอม “เช่นนั้น วันนี้ข้าไปกับพี่รอง…”

เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงที่ไม่สูงเกินไปไม่ต่ำเกินไปดังมาจากข้างนอก “คุณชายหลิน ฮูหยิน ตื่นกันหรือยังเจ้าคะ?”

เหยาซูรู้ว่าเป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัติรับใช้เหยาเฉา นั้นคือเสียงของฝูจู๋

หญิงสาวลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู ก่อนจะกล่าวทักทาย “แม่นางฝูจู๋ เชิญเข้ามาเถอะ”

ฝูจู๋เห็นว่าอาซือและซานเป่ายังนอนหลับอยู่บนเตียง จึงย่องเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ

นางกล่าวกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “คุณชายหลิน ฮูหยิน เมื่อครู่คุณชายเหยากลับมาจากศาลาว่าการแล้ว บอกว่าต้องการพบพวกท่านทั้งสองที่นั่นเจ้าค่ะ”

เมื่อเอ่ยถึงก็มาทันที เหยาซูเผยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ และพูดกับฝูจู๋ “เมื่อครู่เรายังพูดถึงพี่รองอยู่พอดี เขากลับมาแล้วหรือ?”

ฝูจู๋พยักหน้า “คุณชายเหยาเพิ่งกลับถึงจวนเจ้าค่ะ ตอนนี้กำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ จึงสั่งให้ข้าน้อยมาเรียกท่านทั้งสอง”

สองสามีภรรยาหลินเหราพยักหน้า จากนั้นก็สั่งฝูหยาในลานบ้านให้ช่วยดูเด็ก ๆ ครู่หนึ่ง แล้วพากันไปหาเหยาเฉาฝั่งนั้น

เมื่อพวกเขามาถึง เหยาเฉาก็ล้างหน้าล้างตาเสร็จพอดี และผลัดเสื้อผ้าที่ดูสะอาดสะอ้านแล้ว

เหยาซูเห็นท่าทางเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียของเขาก็อดปวดใจไม่ได้ “พี่รอง! นี่ท่านยังไม่ได้นอนใช่หรือไม่?”

ฝูจู๋ชงชาให้พวกเขาทั้งสามคน แล้วถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ

เหยาเฉายกหลังมือปิดปาก และหาวออกมาหวอดใหญ่

นัยน์ตาดุจดอกท้อเหมือนกับเหยาซูรื้นด้วยหยาดน้ำตาที่คล้ายกับหยดน้ำเกลือในโรงพยาบาล นั่นยิ่งเพิ่มเสน่ห์แห่งความเกียจคร้านให้กับเหยาเฉามากขึ้น

เขากระแอมเล็กน้อย และพูดกับเหยาซูว่า “ไม่เป็นไร สองสามวันก่อนหน้ายามที่สืบหาคดีความกับอาเหราในวัง เราก็มักจะอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืนเสมอ”

เหยาซูยื่นจอกน้ำชาให้เขาด้วยความปวดใจและพูดว่า “ก่อนออกจากบ้านพี่สะใภ้รองได้กำชับให้ข้าดูแลพี่อย่างดี …. ผลสุดท้ายทันทีที่มาถึงเมืองหลวง ก็กลับสร้างความเดือดร้อนให้พี่รองจนได้”

หลินเหราพูดเสริมว่า “พี่รอง ท่านเรียกข้ามาช่วยได้นะ”

เหยาเฉายิ้มอย่างสง่าผาเผย “จะอะไรกันนักหนา! อีกอย่างข้ายังมีน้องเล็กช่วยเหลืออยู่ทั้งคน”

เหยาซูไม่เข้าใจ หลินเหรากลับเข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงใคร

ชายหนุ่มเอ่ยปากถาม “สองสามวันก่อนข้าสังเกตเห็นเสี่ยวเว่ยจึงได้เดินตามไป ไม่รู้ว่าเหตุใด?”

เหยาซูรู้จักเสี่ยวเว่ย จึงอดพูดไม่ได้ “อ่อ เขาก็มาเมืองหลวงเช่นกันหรือ?”

เหยาเฉาจิบชาหนึ่งอึก ไอร้อนที่พวยพุ่งออกมาค่อย ๆ ปกคลุมสายตาของเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

เขาพยักหน้า “เสี่ยวเว่ยอยู่ในเมืองหลวงตลอด สองสามวันนี้เขาก็คอยตามข้า เพราะเมืองหลวงไม่ค่อยราบรื่นนัก”

หลินเหราตื่นเต้นในใจ “แต่แล้วมันเกี่ยวสิ่งใดกับอาซู?”

เหยาเฉาส่ายหน้า วางจอกชาลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน”

เหยาซูจึงอดยืดตัวตรงไม่ได้…

เมืองหลวงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วหรือ?

นางพยายามนึกย้อนกลับไปยังเค้าโครงเรื่องในหนังสือ เพราะไม่อาจมั่นใจได้ว่าในความอลหม่านเช่นนี้ ทางฝั่งตู้เหิงนั้นจะปรากฏตัวแปรใดออกมาอีก…

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มันต้องแก้ความบ้งในนิยายนี้ทุกจุดให้หมดค่ะอาซู เป็นนิยายต้นฉบับที่รู้สึกปวดหมองแทนอาซูเลย

ไหหม่า(海馬)