ครั้นชุยหมิงเย่ว์ร้องไห้เช่นนี้ ทุกคนในที่นั้นก็ถึงกับตั้งรับไม่ทัน
ขณะที่ถูกคนล้อมจนเต็มห้อง นางมิได้ร้องไห้ ขณะที่ถูกลากมาที่บ้านของชายหนุ่ม นางก็มิได้ร้องไห้ แต่แล้วไฉนถึงมาร้องเอาป่านนี้ หรือว่าการตอบสนองของนางเฉื่อยช้า จวบจนบัดนี้ถึงเพิ่งจะรู้สึกอับอาย
ผู้คนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา แต่เนื่องจากองค์หญิงใหญ่หรงหยางอยู่ด้วย จึงไม่มีผู้ใดกล้าถาม
องค์หญิงใหญ่หรงหยางมิใช่สามัญชน เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับบุตรสาว ใบหน้าของนางยังคงนิ่งเฉย มีเพียงคิ้วเรียวยาวและร่องรอยที่หางตาที่บ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านมาเท่านั้น
นางถือเป็นสตรีโฉมงามผู้หนึ่ง
ส่วนรูปลักษณ์ของชุยหมิงเย่ว์เองก็มิได้ย่อหย่อนไปกว่าผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่น้อย
เจียงซื่อเฝ้ามองชุยหมิงเย่ว์ที่ปิดหน้าร้องไห้ด้วยสายตาเย็นชา และอดนึกถึงถ้อยคำสามคำที่พ่นออกมาจากปากของนางไม่ได้ “คนอย่างเขา!”
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกตงิดใจขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าชุยหมิงเย่ว์มิได้จริงจังกับจูจื่ออวี้ เมื่อนางผลักให้ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ชุยหมิงเย่ว์จะตามน้ำหรือจะมีความคิดเป็นอื่นกันนะ
ชุยหมิงเย่ว์ฟูมฟายเป็นการใหญ่ จนลมหายใจเริ่มติดขัด เสียงที่ร้องออกมาเริ่มฟังไม่เป็นคำ “ท่านแม่ ลูก…ถูกหลอกเจ้าค่ะ…”
ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่หรงหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางบีบมือบุตรสาว “ว่าอะไรนะ”
“ลูกผิดไปแล้ว… ลูกเลินเล่อไปเอง…” ชุยหมิงเย่ว์เอ่ยต่อ ร่างที่สั่นสะท้านของนางเอนตัวพิงมารดา
จูจื่ออวี้มองชุยหมิงเย่ว์อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง “หมิงเย่ว์ เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ชุยหมิงเย่ว์หลับตาลงร่ำไห้ มีน้ำตาบดบังความเย็นชาและความไม่ยี่หระในสายตาของนางเอาไว้
จูจื่ออวี้ก้าวเข้ามาใกล้ และยื่นมือออกไปหา “หมิงเย่ว์…”
ชุยหมิงเย่ว์แสร้งทำทีตื่นตระหนก แล้วรีบไปหลบด้านหลังองค์หญิงใหญ่หรงหยาง
จูจื่ออวี้รู้สึกราวกับว่าถูกทุบเข้าอย่างแรง ชายหนุ่มชะงักค้างไปโดยพลัน
ชุยหมิงเย่ว์ซบไหล่มารดาและส่งเสียงร่ำไห้อย่างน่าสังเวช รอยยิ้มเย้ยหยันผ่านมาแวบหนึ่งและหายวับไป
จูจื่ออวี้มีดีที่ไหนกัน
นางปั่นหัวเขาเพียงเพื่ออยากให้ตระกูลเจียงพบกับความโชคร้าย แต่ทว่าเขาจริงใจกับนางงั้นหรือ ก็คงเป็นเพราะเห็นนางมีพื้นเพอันสูงส่ง ฝันใฝ่จะได้ขึ้นไปเด็ดดอกฟ้าเท่านั้นเอง
น่าเสียดายที่บุรุษโง่เขลากว่าสตรีหลายขุม นางมองทุกอย่างได้อย่าทะลุปรุโปร่ง แต่ชายผู้นี้กลับคิดว่านางยังเด็กและไร้เดียงสา จึงถูกหลอกให้ตายใจ
ช่างน่าขันเสียนี่กระไร! ต่อให้นางจะตาบอด นางก็ไม่มีทางแต่งงานกับบุรุษที่วางแผนลอบฆ่าได้แม้กระทั่งภรรยาของตนเอง
ท่านแม่เป็นภรรยาที่ถูกต้องของท่านพ่อ แต่ทว่าในใจท่านพ่อกลับถูกครอบครองโดยหญิงอื่น ท่านพ่อถึงได้เฉยเมยต่อท่านแม่ถึงเพียงนี้ ผู้ชายประเภทนั้นก็น่าชิงชังมากพอแล้ว นับประสาอะไรกับคนอย่างจูจื่ออวี้
ชุยหมิงเย่ว์ไม่มีทางเอาตัวเข้าไปอยู่โคลนตมอย่างตระกูลจู และจมอยู่กับจูจื่ออวี้ไปชั่วชีวิต
โชคดีที่มารดาของนางคือองค์หญิงใหญ่และนางก็เป็นบุตรที่รัก ต่อให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก คำพูดเพียงประโยคเดียวที่ว่านางนั้นยังเยาว์วัยและถูกหลอกใช้ ผู้เป็นมารดาก็จะต้องช่วยนางอย่างแน่นอน
เจียงซื่อมองปฏิกิริยาของชุยหมิงเย่ว์ด้วยสายตาเย็นชา นางเกือบจะหลุดหัวร่อออกมาเสียด้วยซ้ำ
คุณหนูชุยสร้างความประหลาดใจแก่นางได้มากจริงเชียว
ใต้หล้านี้มีอิสตรีโหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่ด้วย ที่ทั้งใจเด็ดและหน้าไม่อาย!
แต่ครั้นหันไปมองจูจื่ออวี้ เจียงซื่อกลับรู้สึกสุขล้น
ในตอนนี้จูจื่ออวี้คงสับสนน่าดู อยากลองถามดูจริงๆ
เจียงซื่อมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อชาติที่แล้วอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นสามปี จูจื่ออวี้ได้แต่งงานใหม่กับลูกสาวข้าราชการธรรมดาคนหนึ่ง
เขาคงถูกชุยหมิงเย่ว์ปั่นหัวเล่นจริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ทำได้เพียงทนรับกรรมไปอย่างกล้ำกลืน
แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่อาจทำให้นางเกิดความรู้สึกดีต่อชุยหมิงเย่ว์
ชุยหมิงเย่ว์หลอกใช้จูจื่ออวี้ แต่คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือเจียงอี พี่สาวคนโตของนาง
เพียงเพราะฉากละครของทั้งคู่ ทำให้พี่สาวของนางต้องจ่ายราคาสูงที่แลกมาด้วยชีวิต!
เจียงซื่อมองไปทางเด็กสาวที่ซบไหล่มารดาร้องห่มร้องไห้ และทันใดนั้นความเย็นยะเยือกก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของนาง
ไม่สิ นี่ไม่ใช่ฉากละครรักระหว่างจูจื่ออวี้และชุยหมิงเย่ว์เท่านั้น
ในเมืองนี้มีหนุ่มรูปงามตั้งมากมาย เหตุใดชุยหมิงเย่ว์ถึงเลือกจูจื่ออวี้
เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของนางคือพี่ใหญ่!
หรือจะให้บอกอีกนัยหนึ่งคือ เป้าหมายของนางก็คือตระกูลเจียง…
ความคิดนั้นทำให้เจียงซื่อย้อนคิดถึงการตายของเจียงจั้นเมื่อชาติที่แล้ว จู่ๆ ก็มีความคิดแปลกประหลาดแวบเข้ามาในหัว ชาติที่แล้วพี่รองเสียชีวิตเพราะเป็นที่หมายตาของหยางเซิ่งไฉ จึงถูกฆ่าตายที่แม่น้ำจินสุ่ย เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นตามจังหวะเวลาอย่างในชาติที่แล้ว แต่เพราะนางเข้าไปแทรกแซง จุดจบของพี่รองถึงได้เปลี่ยนไป
ถึงอย่างนั้นการที่พี่รองได้รู้จักกับหยางเซิ่งไฉก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ หรือว่า…
เจียงซื่อมองชุยหมิงเย่ว์อย่างพินิจพิเคราะห์
หรือว่าชุยหมิงเย่ว์มีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
เด็กสาวที่จ้องจะคิดบัญชีกับพี่ใหญ่ถึงขั้นกล้ามีสัมพันธ์สวาทกับสามีของผู้อื่นได้ แล้วจะมีเรื่องใดที่นางทำไม่ได้
เจียงซื่อเพียงแต่คิด ทว่านางไม่มีหลักฐานมายืนยันข้อสันนิษฐานนี้ ฉะนั้นต่อให้นี่เป็นความจริง ชุยหมิงเย่ว์ก็คงไม่มีทางยอมรับ
ในตอนนั้น เจียงซื่อได้เป้าหมายใหม่คือ นางต้องกำจัดชุยหมิงเย่ว์ให้จงได้
มีคนจ้องจะเล่นงานตระกูลเจียงเช่นนี้ ซ้ำยังพุ่งเป้ามาที่เรือนหลักเสียด้วย หากไม่หาวิธีกำจัดให้สิ้นซากคงเป็นฝ่ายถูกกำจัดเสียเอง
เจียงซื่อละสายตาและหลับตาลงเชื่องช้า
จูจื่ออวี้ไม่อยากเชื่อว่าชุยหมิงเย่ว์จะพูดเช่นนั้น เมื่ออาการตกตะลึงหายไปแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มก็ขึ้นสีแดงก่ำ “หมิงเย่ว์ เจ้าคงกำลังตกใจสินะ ข้า…”
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวพยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง องค์หญิงใหญ่หรงหยางจึงแผดเสียงว่า “พอกันที!”
จูจื่ออวี้ชะงักงัน
สายตาขององค์หญิงใหญ่หรงหยางกวาดไปยังสองสามีภรรยาจูเส้าชิง ริมฝีปากของนางเกร็งตึง “เด็กยังมิรู้ความ ข้าจะพาลูกสาวข้ากลับไปอบรมให้ดี รบกวนทั้งสองก็ช่วยอบรมบุตรชายของตัวเองให้ดีด้วย”
ครั้นกล่าวจบก็พาบุตรสาวของนางกลับไป
รถม้าขององค์หญิงใหญ่จอดอยู่ที่ประตูด้านหลังของจวนจู หากดูเผินๆ จะรู้สึกว่ารถม้าคันนี้ไม่ต่างจากรถม้าทั่วๆ ไป
เมื่อขึ้นไปบนรถม้าแล้ว ฝ่ามือขององค์หญิงใหญ่หรงหยางก็พาดเข้าที่ใบหน้าลูกสาวเต็มแรง
“งี่เง่า!”
สาวรับใช้ตะลึงตาค้างมองนายหญิงถูกตบอยู่อย่างนั้น นางตกใจกลัวจึงเข้าไปหลบอยู่อีกมุมหนึ่ง ไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง
เมื่อเรื่องที่ชุยหมิงเย่ว์และจูจื่ออวี้ลอบนัดพบกันถูกเปิดโปง สาวรับใช้จึงรีบกลับไปขอความช่วยเหลือ ทว่ามิได้เอ่ยอะไรให้มากความ องค์หญิงใหญ่จึงคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นเพราะความรัก
และอาจเพราะด้วยสาเหตุนี้ เมื่อผู้เป็นมารดาเห็นว่าลูกสาวมิได้ทุบอกชกหัวจะแต่งงานกับจูจื่ออวี้ นางจึงอยากออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
ใบหน้าขาวนวลของชุยหมิงเย่ว์ขึ้นสีแดงอย่างรวดเร็ว
“บอกมาสิ เจ้าถูกหลอกได้อย่างไร”
ชุยหมิงเย่ว์หลับตาลง แผงขนตายาวบดบังจนเกิดเงา “ตอนแรกลูกไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร ลูกคิดว่าเขาเป็นเพียงบัณฑิตยากจนที่ยังมิได้ออกเรือน… ทว่าหลังจากที่รู้แล้ว ลูกก็ยังคิดไม่ได้… แต่ตอนนี้ลูกสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ ลูกรู้แล้วว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับบุรุษที่มีภรรยาแล้ว ท่านแม่ ท่านแม่ยกโทษให้ลูกเถิดนะเจ้าคะ ช่วยลูกด้วยนะเจ้าคะ…”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเงียบงันอยู่นาน นางเอนตัวพิงพลางหลับตาลง
……
ภายในห้องบุปผาของจวนจู เมื่อองค์หญิงใหญ่หรงหยางกลับไปแล้ว บรรยากาศภายในนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างน่าพิศวง
ร่างของจูฮูหยินที่ดูจะล้มพับได้ทุกเมื่อเหนี่ยวรั้งขอบโต๊ะเอาไว้
ความจริงหนักหนาเกินจะรับไหวกว่าเดิมเสียอีก ลูกชายของตนไปหลอกสาวที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ
“ซื่อเอ๋อร์ พาพี่ใหญ่กลับไป!” เจียงอันเฉิงแผดเสียง