ตอนที่ 365 หน้าเนื้อใจเสื้อ จัดการแต่ละฝ่าย (5)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 365 หน้าเนื้อใจเสื้อ จัดการแต่ละฝ่าย (5)

จากนั้นก็หันกลับมามองอวี่เหวินหันเหล่ยที่นั่งอยู่อีกด้านอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเตือนนางว่า

“อีกครู่เมื่อเซ่าชิงมา ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรจะมีอุบายในใจแล้วว่าควรจะทำเช่นไรให้เซ่าชิงพิจารณามองเจ้าในแง่มุมที่ต่างออกไป!”

ความจริงแล้วหนิงเหล่าฮูหยินไม่ได้คาดหวังอันใดกับหลานสาวจากตระกูลฝ่ายมารดาผู้นี้แล้ว!

คนโง่ไปที่ใดก็ล้วนไม่ได้รับความสนใจจากผู้คน

แต่ตอนนี้นางไม่กล้าเสี่ยง จดหมายที่ส่งไปยังตระกูลอวี่เหวินยังไม่ได้รับการตอบกลับจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าตระกูลอวี่เหวินจะจัดการอย่างไรกันแน่ ดังนั้นตอนนี้นางจึงไม่สามารถทิ้งอวี่เหวินหันเหล่ยที่เป็นหมากตัวเดียวในตอนนี้ได้!

ถึงอย่างไร ใบหน้านั้นก็งดงามไร้ข้อบกพร่อง หากไม่อ้าปากกล่าววาจาไร้สาระ เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยกิริยาสุภาพเรียบร้อย ก็ยังคงน่ารักมาก

อวี่เหวินหันเหล่ยใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายทันทีเมื่อได้ยิน นางยิ้มอ่อนหวานให้กับหญิงชรา

“หันเหล่ยทราบแล้ว กูไหน่ไนวางใจเถอะเจ้าค่ะ”

ทราบแล้ว?

หนิงเหล่าฮูหยินเห็นท่าทีของนางในตอนนี้แล้วก็หวังว่านางจะทราบแล้วจริงๆ!

เดิมคิดจะเตือนสักสองสามประโยค แต่มีเสียงฝีเท้าดังลอยมาจากด้านนอก ดูท่า ชิงเอ๋อร์คงเข้ามาในเรือนแล้ว นางจึงไม่สะดวกจะกล่าวอันใดอีก ในใจก็ถอนหายใจ ทั้งหมดล้วนฟังลิขิตจากสวรรค์แล้วกัน!

ถ้าหากว่าอวี่เหวินหันเหล่ยเป็นคนไร้ความสามารถ ทำสิ่งใดไม่สำเร็จจริงๆ นางก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองจิตใจและกำลังวังชาแล้ว!

หนิงเซ่าชิงเข้ามาในห้องโถงด้านในแล้วก็เดินตรงไปทำความเคารพหญิงชราโดยไม่เหลือบมองด้านข้างแม้แต่น้อย

“เซ่าชิงคารวะท่านย่าขอรับ”

“เอ้อ! เซ่าชิงมาแล้วหรือ รีบนั่งเร็วเข้า!”

รอยยิ้มบนใบหน้าหญิงชราชัดเจนมากยิ่งขึ้นและจริงใจมากขึ้นเช่นกัน!

สาวใช้ที่อยู่ด้านล่างรีบยกเก้าอี้มาให้หนิงเซ่าชิง และปรนนิบัติให้เขานั่งลง

ดังนั้น เขาจึงนั่งลงตามคำพูดของท่านย่า

รอยยิ้มของเหล่าฮูหยินจึงกว้างยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่หลานชายหายตัวไปในปีที่แล้วก็ไม่ได้กลับจวนตลอด หลังจากที่ได้เป็นหัวหน้าตระกูล ก็ยิ่งพบได้ยากขึ้น

ในอดีต หลังจากหนิงเซ่าชิงทักทายเรียบร้อยแล้ว ก็จะจากไปทันที

ตอนนี้ภาระหนักของตระกูลใหญ่เช่นตระกูลหนิงล้วนกดทับอยู่บนร่างเขา เรื่องที่เขาต้องจัดการมีเยอะแยะมากมายนัก

เหล่าฮูหยินอารมณ์ดี นัยน์ตาของอวี่เหวินหันเหล่ยก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับ!

เมื่อเห็นหนิงเซ่าชิงนั่งลงแล้ว ก็ก้าวขึ้นไปทำความเคารพอย่างอ่อนหวาน “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะพี่เซ่าชิง”

แม้ว่าตอนที่หนิงเซ่าชิงเข้าประตูมาจะไม่ได้เหลือบมองรอบด้าน แต่ภายในห้องมีผู้ใดบ้าง จะหลุดรอดจากสายตาเข้าไปได้เช่นไร

เขายิ้มเย็นในใจ ตอนที่หันหน้าไป ในแววตากลับมีความประหลาดใจที่อำพรางไม่มิด!

“ญาติผู้น้องก็อยู่ด้วยหรือ”

“หันเหล่ยมาอยู่เป็นเพื่อนกูไหน่ไนทุกวันเจ้าค่ะ”

หนิงเซ่าชิงพยักหน้า คล้ายกับคิดสิ่งใดอยู่ในใจ ไม่เพียงไม่ได้ถอนสายตากลับมา แต่ยิ่งพิจารณามองอวี่เหวินหันเหล่ยขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความสนใจอยู่หลายครา! จึงเห็นอารมณ์ลิงโลดของอวี่เหวินหันเหล่ยอยู่ในสายตา

แม้ว่ามุมปากจะประดับรอยยิ้มน้อยๆ แต่ส่วนลึกในนัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา…

หนิงเหล่าฮูหยินที่เห็นหนิงเซ่าชิงเหม่อมองอวี่เหวินหันเหล่ยก็แอบดีใจเงียบๆ ทันที

ครั้งที่แล้วถูกหนิงเซ่าชิงปฏิเสธอย่างไม่เหลือโอกาสใดๆ นางก็คิดหาวิธีมาตลอด

หญิงชราหันกลับไปดึงมืออวี่เหวินหันเหล่ยขึ้นมาอย่างเบามือ พลางยิ้มอย่างมีเมตตา “ระยะนี้ย่ามักจะรู้สึกโดดเดี่ยว จึงส่งจดหมายไปตระกูลอวี่เหวิน ให้หันเหล่ยมาอยู่เป็นเพื่อนหญิงชราคนนี้”

กล่าวจบ ก็ตบมือของอวี่เหวินหันเหล่ยอย่างขอบใจ

อวี่เหวินหันเหล่ยที่เข้าใจ ก็แสร้งทำเป็นเขินอาย พร้อมกุมมือของหญิงชราเอาไว้

“เพียงแค่กูไหน่ไนสุขภาพดี สบายอกสบายใจ หันเหล่ยสมัครใจจะอยู่เป็นเพื่อนกูไหน่ไนทุกวันเจ้าค่ะ”

หญิงชราเหลือบตามองหนิงเซ่าชิง เมื่อเห็นว่าไม่ได้สะบัดแขนเสื้อจากไปเหมือนคราวที่แล้ว ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง

“หันเหล่ยน่ะ เป็นเด็กดี! ทั้งยังรู้หนังสือ ศิลปะสี่แขนงก็เชี่ยวชาญทุกด้าน ในภายหน้าผู้ใดได้แต่งกับนางล้วนมีวาสนาทั้งนั้น! เซ่าชิง หลานว่าใช่หรือไม่”

ประโยคสุดท้ายนี้ถามได้อย่างชาญฉลาดมาก

ถ้าหากตอบว่าใช่ เช่นนั้นประโยคถัดไปของหญิงชราก็จะมอบอวี่เหวินหันเหล่ยให้เป็นภรรยาเขา กระทั่งจะตอบปฏิเสธ เขาก็หาเหตุผลไม่พบ

ถ้าหากตอบว่าไม่ใช่ ก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าหญิงชรา

หนิงเซ่าชิงคิดคำนวณในใจแล้วก็พยักหน้าอย่างไม่มีความเห็น

“แน่นอน ตระกูลใดได้แต่งกับอวี่เหวินหันเหล่ยล้วนเป็นคนมีวาสนา ท่านย่ากล่าวเช่นนี้มีคนที่พอใจแล้วหรือขอรับ”

“จริงๆ ก็มี! แต่ไม่รู้ว่าในใจผู้อื่นจะคิดเช่นไร! เซ่าชิงเอ๋ย หลานช่วยย่าคิดหน่อย ดีหรือไม่”

หนิงเซ่าชิงยิ้มบางๆ ไม่กล่าวอันใด เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น

หญิงชรามองอวี่เหวินหันเหล่ยแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ คล้ายกับรู้สึกสงสารเรื่องของอวี่เหวินหันเหล่ยมาก

“เด็กคนนี้น่ะ อายุน้อย หัวใจก็หวั่นไหวแล้ว อีกอย่างฝ่ายตรงข้ามยังเป็นคนที่มีการหมั้นหมายติดตัว สตรีผู้เป็นคู่หมั้นก็เป็นแม่เสือ กล่าวว่าไม่อนุญาตให้สามีรับอนุภรรยา! เซ่าชิง หลานว่า บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”

แม้ว่าจะเป็นการแสดงละคร แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หนิงเหล่าฮูหยินก็ยังคงโมโหอย่างควบคุมไม่อยู่!

หนิงเซ่าชิงมองอวี่เหวินหันเหล่ยแล้วหันไปมองเหล่าฮูหยินแห่งตระกูลหนิง พลางยิ้มสุภาพอ่อนโยน “เช่นนั้นหรือ เทียนฉีของพวกเรามีเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้นด้วยหรือขอรับ ประหลาดจริงๆ เลย…”

เขากล่าววาจาคลุมเครือ

“ใช่แล้ว! มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ! เซ่าชิง หลานว่าหันเหล่ยของพวกเราที่วางไว้ตรงไหนล้วนโดดเด่นทั้งนั้น! ยินยอมที่จะเป็นอนุภรรยานั้นไม่เป็นธรรมต่อนางด้วยซ้ำ! แต่สตรีนางนั้นกลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดี! น่ารังเกียจมาก!”

อวี่เหวินหันเหล่ยเปลี่ยนเป็นท่าทีน่าสงสารเวทนา คล้ายกับว่าได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกสงสาร

“ความจริงแล้วก็น่าชังเล็กน้อยขอรับ”

หนิงเซ่าชิงพยักหน้าเห็นด้วย

น่าชังจริงๆ จะไม่น่าชังได้อย่างไร ในเมื่อเป็นฝ่ายที่เอาดีเข้าตัว จนถึงขั้นทำให้เชียนเสวี่ยของเขาอารมณ์ไม่ดี สีหน้าของหนิงเซ่าชิงเย็นชาขึ้นมา…

ทว่า ในสายตาของอวี่เหวินหันเหล่ย สีหน้าท่าทางเช่นนี้คือสัญญาณร้องขอความเป็นธรรมเพื่อตนเอง!

หญิงชรารีบตีเหล็กตอนร้อนๆ ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เซ่าชิงเอ๋ย หลานว่าสตรีที่ดีเช่นหันเหล่ย จนเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างของเทียนฉี สตรีเช่นนี้ ถ้าหากว่าแต่งให้หลาน ก็คงไม่ขาดทุนใช่ไหม”

หนิงเซ่าชิงเงยหน้ามองนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของอวี่เหวินหันเหล่ยและท่านย่าแล้ว มุมปากที่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ ก็จางหายไป

“ท่านย่ากล่าววาจาอันใดกัน น้องหันเหล่ยมีคนในใจอยู่แล้วไม่ใช่หรือขอรับ เกี่ยวข้องอันใดกับเซ่าชิงด้วยเล่า ท่านย่าก็รู้ถึงคำสอนประจำตระกูลหนิง เรื่องการรับอนุภรรยา ต้องรอให้แต่งภรรยาเอกเข้ามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” คำตอบนี้ทำให้อวี่เหวินหันเหล่ยมึนงง…

เรื่องราวดูเหมือนจะไม่ควรดำเนินไปตามกระบวนการเช่นนี้?

เมื่อครู่ สายตาที่ญาติผู้พี่มองนางมีความเสน่หาต่อนางอย่างเห็นได้ชัด

หญิงชรากลับไม่ได้รู้สึกตะลึงอันใดมากนัก นางถอนหายใจแล้วไม่กล่าวอันใดอีก นางอยู่ในจวนมานานหลายปีขนาดนี้ เรื่องเช่นการกล่าวออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียว ตนเองก็ทำเป็นประจำ จะฟังไม่ออกถึงความนัยในวาจานั้นได้อย่างไร

อวี่เหวินหันเหล่ยน้ำตาคลอหน่วย “พี่เซ่าชิง…”