ตอนที่ 185 โลกบรรพกาลซับซ้อนยิ่ง บนวิถีล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคและเล่ห์เหลี่ยมคนลวง (1)
หากอาจารย์ลุงจ้าวยังคงเที่ยวหลอกลวงคนต่อไปเช่นนี้ สิ่งต่างๆ ย่อมไม่ง่ายจะจัดการ…
การทำให้สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยดูแย่ลงยังเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากจ้าวกงหมิงรีบเข้าไปช่วยสิบจักรพรรดิสวรรค์ในช่วงสงครามมหาเทพ แล้วเอาชนะกวงเฉิงจื่อ ฉือจิ้งจื่อ และเต้าเหิงเทียนจุน… จากนั้นก็จับตัวพวกเขาโยนเข้าไปในค่ายกลห่วงโซ่สิบสมบูรณ์ได้…
พั่บ! เจ้าช่างโหดเหี้ยมนัก ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าแต่เดิมล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าได้แสดงความเมตตาต่อพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว แต่เจ้ายังต้องการจะสังหารข้า!
ข้าต้องใช้เวลาหลายแสนปีเพื่อให้ฟื้นจากอาการบาดเจ็บนี้ จงตามข้าไปที่วังอวี้ซวีเพื่อหาอาจารย์ป้ารอง!
จากนั้นฉยงเซียวก็ช่วยร้องไห้อยู่ด้านข้าง…
แล้วมันจะไม่… ยิ่งแย่เข้าไปอีกหรือ?
หลี่ฉางโซ่วเอามือก่ายหน้าผากแล้วคร่ำครวญเบา ๆ
โชคดีที่ตอนนี้เรื่องรายนามทะเบียนเทพเจ้ายังไม่ได้รับการตัดสินแน่ชัดออกมา ปรมาจารย์จอมปราชญ์ก็ยังไม่ได้ลงนาม และผนึกรายนามทะเบียนเทพเจ้าเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่นับว่าได้ก่อกรรม
แล้วเรื่องนี้ เขาจะทำอะไรได้บ้าง?
โลกบรรพกาลนั้นกว้างใหญ่นัก แต่เรื่องนี้ หากปรมาจารย์จอมปราชญ์ไม่เคลื่อนไหว แล้วผู้ใดจะจัดการจ้าวกงหมิงและเทพธิดาซานเซียวได้เล่า?
ทางด้านสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยนั้น ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ปรากฏขึ้นให้เห็น แล้วเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาต้องไปช่วยบรรดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน?
นั่นย่อมเป็นเรื่องตลกแน่แล้ว เขาจะต้องหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านั้นอย่างแน่นอน จะกล้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้อย่างไร?
ทว่าท่านลุงจ้าวผู้นี้…
ข้าไม่อาจเป็นศัตรูกับเขา หรือกล้ามีมิตรภาพแน่นแฟ้นกับเขามากเกินไป นับประสาอะไรกับเทพธิดาซานเซียวผู้โหดเหี้ยมที่กล้าลงมือกับปรมาจารย์จอมปราชญ์ แม้พวกเขาจะซื่อสัตย์ จงรักภักดีและให้คุณค่าต่อมิตรภาพ แต่ก็ยังขาดคุณความดีอยู่บ้าง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มขื่น และด้วยเสียงดัง ‘ติ๊ง’ ในใจ เขาก็แอบพากย์เสียงตัวเขาเอง
‘ข้าขอถามท่านว่า ข้าจะเริ่มภารกิจเพื่อช่วยเทพธิดาซานเซียวได้หรือไม่ ภารกิจนี้จะมีสิ่งใดเป็นรางวัล จะเป็นจอกทองฮุ่นหยวน กรรไกรทองมังกรวารี และได้รับความโปรดปรานจากเทพธิดาซานเซียว หากทำภารกิจล้มเหลว จะต้องโทษทัณฑ์ด้วยความตาย ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่… หมื่นครั้ง ขอบคุณ ’
เฮ้อ…
เขาไม่รู้ว่าพระราชโองการขององค์เง็กเซียนจะเสร็จสิ้นเมื่อใด เวลานี้ ประสิทธิภาพการทำงานของศาลสวรรค์ช้าเกินไปเพราะขาดเทพเจ้าผู้ชอบธรรมเป็นจำนวนมาก
ด้วยพระราชโองการนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงจะได้รับการยอมรับจากเต๋าสวรรค์และกลายเป็น ‘เทพแห่งท้องทะเล’ อย่างเป็นทางการ
เทพแห่งท้องทะเลทักษิณควรเป็นเทพเจ้าที่ชอบธรรมและนั่นจะเป็นยันต์ช่วยชีวิตดุจไพ่ตายใบแรกที่หลี่ฉางโซ่วจะใช้ เมื่อข้ามผ่านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพในอนาคต
ในขณะนั้น เขาก็ได้ยินเสียงสวดมนต์แปลกๆ มาตามสายลม
“กฎแห่งสวรรค์และปฐพีอยู่บนพื้นฐานแห่งคุณธรรม…”
ในเวลานี้ ที่งานการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า บรรดาผู้อาวุโสนักพรตเต๋าเซียนจินทั้งหลายกำลังนั่งอยู่กลางทะเลสาบเล็กๆ และผลัดกันอธิบายถึงมหาเต๋าแห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าฟัง หากเขาเกิดไปสัมผัสอะไรได้ขึ้นมา…ย่อมจะไม่ดีนัก
ดูเหมือนว่าการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจะยังดำเนินต่อไปอีกเป็นเวลานาน
ส่วนปัญหาเรื่องกรงฟาราเดย์ ถือว่าได้จบสิ้นลงแล้ว เนื่องจากหลี่ฉางโซ่วได้ทำลายสองกรงสุดท้ายไป
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้หยุดงานของเขาหลังจากนั้น
หลังจากที่จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวออกจากวิหารเทพทะเลไป หลี่ฉางโซ่วก็ไปขอบคุณเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่ว และบอกว่า ผู้อาวุโสอวิ๋นจงจื่อมอบสมบัติมากมายในขวดให้เขา… แต่จี้อู๋โหย่ว ผู้อยู่ในฐานะเจ้าสำนักย่อมไม่มีวันละโมบ เอาสมบัติของผู้เป็นศิษย์น้อยไป
แม้จี้อู๋โหย่วจะอิจฉา
แต่เขาก็ไม่ลืมกระแอมไอออกมาแล้วตักเตือนหลี่ฉางโซ่วว่า ท้ายที่สุดแล้ว สมบัติก็เป็นเพียงสิ่งของนอกกายเท่านั้นในขณะที่การฝึกบำเพ็ญถึงจะเป็นรากฐานที่อยู่กับตน
หลี่ฉางโซ่วเห็นด้วยและกล่าวขอรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในบรรดาสมบัติวิญญาณที่ผู้อาวุโสอวิ๋นจงจื่อมอบให้เขา มีสมบัติวิญญาณสายป้องกัน เช่น เสื้อคลุมอมตะ รองเท้าอมตะ และจี้หยก สร้อยคอ และเครื่องประดับอื่นๆ ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในแบบบุรุษทั้งหมด
หนึ่งในบรรดาสมบัติเหล่านั้นคือ พู่กันพิพากษาจำลองระดับสมบัติวิญญาณที่ทรงพลัง และยังช่วยเพิ่มพลังเวทต่อสู้หลักในการเขียนยันต์ซึ่งทำให้ยันต์ของหลี่ฉางโซ่วมีพลังต่อสู้มากขึ้นอีกด้วย
หลี่ฉางโซ่วชอบพู่กันพิพากษาจำลองนี้มากและว่าจะใช้มันเป็น ‘อาวุธหลัก’ ของเขา
ผลิตภัณฑ์จากอวิ๋นจงจื่อย่อมต้องมีคุณภาพล้ำเลิศ!
สมบัติที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียน เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ซึ่งใช้เก็บผู้คนและปราบปีศาจได้ ยิ่งกว่านั้น มันยังสามารถใช้เป็นอิฐเพื่อทุบตีผู้คนได้
หลี่ฉางโซ่วคิดถึงมันอยู่ครู่หนึ่ง ยามนี้ ยังฟุ่มเฟือยเกินไปที่จะให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใช้สมบัติวิญญาณ …
รอจนเขามีสมบัติวิญญาณมากขึ้นเสียก่อน แล้วค่อยให้สมบัติเหล่านี้กับบรรดากองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ก็ยังไม่สายเกินไป
“พี่ชาย ข้าอ่านจบแล้ว”
สงหลิงลี่ที่กำลังนั่งสมาธิบน “ที่นอน” กล่าวตอบอย่างเชื่อฟังแล้วยื่นม้วนไม้ไผ่ให้หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและให้สงหลิงลี่กินโอสถหนึ่งเม็ดเพื่อขจัดความหิวโหยของนางและกล่าวว่า “จงอดทนสักหน่อย รอจนจบการประชุมแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้กินอาหารดีๆ มากมาย”
“ไม่เป็นไร พี่ชาย ข้าไม่หิว” สงหลิงลี่ใส่โอสถเข้าปากก่อนจะกล่าวเบาๆ แล้วหาว
แล้วไม่นานเสียงกรนก็ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง…
จิ่วอูที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ข้างๆ ถูกเสียงกรนปลุกให้ตื่นขึ้นทันที จากนั้น ก็เปิดช่องว่างระหว่างเขาและหลี่ฉางโซ่วก่อนจะเริ่มส่งข้อความเสียงพูดคุยกันข้ามภูเขาจำลอง
“ฉางโช่ว ข้าไม่เคยถามเจ้ามาก่อน เจ้าคิดจะหาคู่บำเพ็ญเต๋าบ้างหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วตอบอย่างสงบว่า “ศิษย์ยังคงฝักใฝ่อยู่กับมหาเต๋า และไม่สนใจเรื่องคู่บำเพ็ญเต๋า หลังจากที่ท่านลุงใช้โอสถปรารถนาแล้ว ไม่รู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างท่านและอาจารย์ป้าจิ่วซือเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ”
“เหอะๆ เราเข้ากันได้ดี ไม่เลวๆ” จิ่วอูหัวเราะ “การมีคู่บำเพ็ญเต๋านั้น มีอันใดผิดเล่า เว้นแต่จะทำให้เมื่อยเอวแล้ว?”
เขากล่าวต่ออีกว่า “ยามที่มีปัญหาในการฝึกบำเพ็ญ เจ้าก็ยังมีคนคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง ยามรู้สึกเหงาเมื่ออยู่ในวิถีเซียน ก็จะมีคนคอยดูแลเจ้า
เช่นนั้น การมีคู่บำเพ็ญเต๋าอยู่ในวิถีเซียนนั้นไม่ดีหรอกหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “รอให้ข้าบรรลุสู่ความสงบสุขบนวิถีเซียนและกำหนดมหาเต๋าได้แล้ว จึงจะคิดถึงเรื่องนี้ขอรับ ข้ายังมีหนทางข้างหน้าอีกยาวไกลนัก ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ ข้าจึงค่อยคิดว่า จะจับมือร่วมใช้ชีวิตกับผู้ใดขอรับ”
“เมื่อถึงยามนั้น ข้ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดรั้งอยู่ข้างกายเจ้าอีกแล้วน่ะสิ!”
จิ่วอูพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไม่สบายใจนัก “ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดต่างก็ใฝ่หาเต๋าแห่งการมีอายุยืนยาว แต่เต๋าแห่งการมีอายุยืนยาวจะได้รับมาอย่างง่ายดายอย่างไรได้?
ในบรรดาผู้ฝึกบำเพ็ญนับหมื่นคน ล้วนไม่มีผู้ใดทำได้แม้แต่คนเดียว”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ และกำลังจะหันมาเกลี้ยกล่อมอาจารย์ลุงจิ่วอูให้ใช้เวลาฝึกฝนมากขึ้นแทน ทว่าจู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นทันที
วันนี้มันเป็นวันอะไรกัน?
…………………………………………………………………….