ตอนที่ 186 โลกบรรพกาลซับซ้อนยิ่ง บนวิถีล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคและเล่ห์เหลี่ยมคนลวง (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 186 โลกบรรพกาลซับซ้อนยิ่ง บนวิถีล้วนเต็มไปด้วยอุปสรรคและเล่ห์เหลี่ยมคนลวง (2)
ไม่นานหลังจากที่จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวจากไป แม่ทัพตงมู่ก็กลับมาอีกครั้ง หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวกับจิ่วอู ว่า “ศิษย์จะฝึกฝนก่อนขอรับ” จากนั้น เขาก็แบ่งจิตไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชราในทันที

ดูเหมือนว่า แม่ทัพตงมู่จะ… ใช่วันนี้หรือไม่?

เสนาบดีคนสำคัญแห่งศาลสวรรค์ผู้นี้ มีดวงตาที่ดูหม่นหมองและฝีเท้าอ่อนแรง เมื่อเห็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว แม่ทัพตงมู่ก็ไม่ได้ทักทาย และไม่ได้หยิบแผนที่สมบัติ แต่กลับประสานมือคารวะพลางถอนหายใจ แล้วเริ่มกล่าวถึงพระราชโองการขององค์เง็กเซียน

เนื้อหาของพระราชโองการนั้นค่อนข้างง่าย เป็นการยกย่องเชิดชู ตอบแทนรางวัลให้หลี่ฉางโซ่ว และมอบภารกิจในการนำเผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์ให้กับเขา

รางวัลที่แม่ทัพตงมู่มอบให้หลี่ฉางโซ่วในครั้งนี้มีมากมาย ตั้งแต่วัตถุล้ำค่า โอสถวิญญาณ สมุนไพรอมตะ ผลไม้อมตะ แม้แต่ผ้าแพรต่วนและผ้าไหมล้ำค่าบางชนิดซึ่งเหมาะสำหรับใช้ตกแต่งที่อยู่อาศัยและเคหาสน์ถ้ำของเขา

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับไปยังวังสวรรค์เก้าชั้นจากระยะไกลเพื่อขอบคุณองค์เง็กเซียนที่พระราชทานรางวัลให้เขา จากนั้นจึงหยิบถุงเก็บสมบัติออกมาสองใบแล้วมอบให้แม่ทัพตงมู่

แม่ทัพตงมู่โบกมือ แต่คราวนี้ เขาไม่ได้เอ่ยวาจาเกรงใจมากพิธีใดๆ สักคำ เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น…

“แม่ทัพตงมู่… เกิดอันใดขึ้นกับท่านหรือ?”

“ขะ-ข้า!”

“ข้าพูดไม่ได้!” แม่ทัพตงมู่อ้าปากแต่พูดไม่ออกขณะเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจเบา ๆ

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านถูกพันธนาการด้วยปฏิญญาต้าเต๋าใช่หรือไม่?”

“เฮ้อ!” แม่ทัพตงมู่ส่ายศีรษะและนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ด้านข้างพลางเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจ “ชื่อเสียงเกียรติยศของข้า! ชื่อเสียงที่ข้าสร้างมาล้วนป่นปี้หมดแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วมุมปากกระตุกพลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพตงมู่ไม่ต้องเอ่ยวาจา หากข้าพูดถูก ท่านก็ไม่ต้องพูดหรือขยับใดๆ ท่านแม่ทัพตงมู่ได้พบกับยอดฝีมือสองคนตอนที่มาที่นี่ใช่หรือไม่?” แล้วทันใดนั้น แม่ทัพตงมู่ก็ยืนนิ่งราวกับท่อนไม้

ชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันยกมือขึ้นลูบคิ้วเมื่อมีภาพบางอย่างปรากฏขึ้นในใจของเขา…

แม่ทัพตงมู่ผู้เย่อหยิ่งกำลังกินหม้อไฟและร้องเพลง จู่ๆ เขาก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนหมดสติ ครั้นพอตื่นมา เสื้อผ้าก็เลอะเทอะไม่เรียบร้อย…

เอ่อ มันไม่น่าจะเป็นบทเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วยืนขึ้นแล้วเดินไปมาพลางกล่าวว่า “ท่านมีเรื่องบาดหมางกับผู้ที่โจมตีท่านหรือไม่”

“ไม่มี” แม่ทัพตงมู่ยิ้มขื่นแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่อาจกล่าวถึงเรื่องนี้ได้ พวกเขาไม่ได้ทำร้ายข้าจริงๆ ทว่า…โลกบรรพกาลกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ข้ายังไม่ทันได้แตะต้องตัวชายชราคนนั้นด้วยซ้ำ แต่เขาก็ทรุดตัวล้มลง! เขาล้มลงแล้ว!”

ครืนๆ!

จู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังอยู่บนท้องฟ้า และตามท้องถนนของวิหารเทพทะเลก็เต็มไปด้วยเสียงผู้คนที่ร้องตะโกนออกมาว่า “หากฝนตก เราจะเก็บเสื้อผ้า” และ “หากฝนตก เราจะขายผักถูกๆ”[1]

แม่ทัพตงมู่รีบหุบปากฉับพลัน แล้วเสียงฟ้าร้องที่ดังเหนือศีรษะของเขาก็หายไปในทันใด

หลี่ฉางโซ่วคร่ำครวญถึงคำพูดของเขาแล้วจึงถามว่า “แม่ทัพตงมู่ ท่านรู้จักสองคนนั้นหรือไม่” “ข้าจะรู้จักพวกเขาได้อย่างไร? ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ใช้รูปลักษณ์ที่แท้จริง!”

แม่ทัพตงมู่ถอนหายใจยาว “ข้าพูดต่อไม่ได้แล้ว ขืนพูดต่อไป ปฏิญญาต้าเต๋าย่อมจะมาหาข้า! สหายเต๋า เมื่อออกไปภายนอก ต้องระวัง! โลกบรรพกาลซับซ้อนยิ่ง บนวิถีทางล้วนเต็มไปอุปสรรคและเล่ห์เหลี่ยมคนลวง! ข้าจะกลับสวรรค์แล้ว”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน…

โชคดีที่แม่ทัพตงมู่ไม่รู้จักผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนนั้น และก็โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำร้ายแม่ทัพตงมู่ด้วยเช่นกัน

ไม่เช่นนั้น แม่ทัพตงมู่จะไม่ไปคร่ำครวญกับองค์เง็กเซียนหรือ? จากนั้นองค์เง็กเซียนย่อมจะทรงพิโรธจนไปหาบรรพาจารย์เต๋าชรา[2]และคร่ำครวญกับเขา แล้วในตอนนั้นมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะไม่มาถึงเขาหรือ?

ส่วนเทพธิดาฉยงเซียวนั้นก็กลายเป็นตัวแสบสร้างปัญหาหนักกว่าจ้าวกงหมิงเสียอีก! เช่นนี้แล้ว จะไม่เป็นการเพิ่มกรรมมากขึ้นหรือ?

เมื่อมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพสิ้นสุดลง หากเทพธิดาฉยงเซียวไม่อาจฝ่าด่านและมีรายนามอยู่ในทะเบียนเทพได้ แล้วผู้ใดจะทำได้เล่า?

“ท่านแม่ทัพตงมู่! แม่ทัพตงมู่!”

ทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ นักพรตเต๋าถือแส้หางม้าก็รีบไล่ตามออกมาจากห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล เขาดึงแม่ทัพตงมู่ที่กำลังจะโบยบินขึ้นไปบนฟากฟ้า และขอให้แม่ทัพตงมู่ยอมรับถุงเก็บสมบัติทั้งสองใบไว้ ในขณะที่แม่ทัพตงมู่จากไป แผ่นหลังของเขาก็ดูระทมทดท้อ…

ทันทีที่ลมพัดมาเบาๆ แม่ทัพตงมู่ก็ได้สติ จึงไม่กล้าบินชักช้าต่อไป และกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปที่ประตูสวรรค์ทักษิณ

จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนชราของหลี่ฉางโซ่วก็นั่งอยู่ในวิหารเทพทะเล และครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง… เขาไม่อาจทำอะไรได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงไม่สนใจแล้วปล่อยให้พวกเขาเป็นไป

ยามนี้เขาเพียงต้องรอให้งานการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าสิ้นสุดลงและร่างจริงของเขาได้กลับไปที่สำนักตู้เซียน เขาอยากจุดธูปสามดอกต่อหน้ารูปภาพเหมือนของบรรพชนไท่ชิงเพื่อกราบไหว้บูชาท่าน

เมื่อมีบรรพชนไท่ชิงอยู่ที่นี่ สำนักบำเพ็ญเต๋าย่อมจะไม่ถูกศิษย์น้อยที่ยังไม่ได้เป็นเซียนจินทำให้เสื่อมเสียได้อย่างแน่นอน!

จากนั้นเขาก็จะเตือนอ๋าวอี่ให้อยู่ห่างจากเหล่าศิษย์หลักสำนักชั้นนอกทั้งสี่คน นี่มันก็เกินไป…

เมื่อกล่าวถึงอ๋าวอี่ หลี่ฉางโซ่วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า พวกของจ้าวกงหมิงจะไปหลอกลวงคนอื่นๆ แล้วส่งผลกระทบต่อการเข้าสู่สวรรค์ของเผ่าพันธุ์มังกรอย่างไรหรือไม่?

แน่นอนว่า ย่อมมีผลกระทบบางอย่าง หากเหล่าปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมถูกโจมตี พวกเขาก็จะชะลอแผนการต่อต้านเผ่ามังกรของสำนักบำเพ็ญประจิมให้ล่าช้าไปไม่มากก็น้อย

หากจ้าวกงหมิงสามารถหลอกลวงผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องวิเศษสุดๆ…

ทว่าความเป็นไปได้ต่ำมากเกินไป

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและลบกลิ่นอายลมปราณทั้งหมดเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยว่าเขามาที่นี่ แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย และหายตัวไปจากห้องโถงด้านหลังโดยไม่ลืมที่จะฝากโชคลาภเอาไว้ให้สานุศิษย์ที่ดูแลวิหารด้วย

หลังจากจัดเตรียมการให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนเทียนแล้ว หลี่ฉางโซวก็ยังคงรอให้การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าจบลงต่อไป

เขาไม่รู้ว่าการประชุมนี้จะต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะจบลง

เวลานี้ ไม่รู้ว่าสัตว์วิญญาณและตัวอ่อนสัตว์วิญญาณสองสามตัวที่เลี้ยงไว้ในกรงสัตว์วิญญาณของยอดเขาหยกน้อยต้องตายเพราะหลิงเอ๋อร์ไปกี่ตัวแล้ว…

ครึ่งเดือนต่อมา ในตำหนักเทพเฒ่าจันทราแห่งศาลสวรรค์ ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ซึ่งเผยรอยยิ้มบางและสบายใจพร้อมกับสวมชุดคลุมสีขาวแขนยาว ค่อยๆ ลอยมาจากวังดุสิต

เทพเฒ่าจันทรารีบเดินออกจากตำหนักหลักพร้อมพาเด็กชายสองคนออกไป พวกเขาล้วนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อต้อนรับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอย่างอบอุ่นด้วยความเคารพอย่างจริงใจ

เมื่อเข้าไปในตำหนักเทพเฒ่าจันทราแล้ว เทพเฒ่าจันทราจึงถามว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ คราวนี้ เราจะ… ทำตามกฎเดิม[3]หรือไม่?”

“ไม่” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โบกมือพลางแย้มยิ้ม “ครั้งนี้ข้ามาเพื่อบอกเทพเฒ่าจันทราว่า ไม่ต้องทำอีกแล้ว”

เทพเฒ่าจันทราตกตะลึงพร้อมกับแข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะคุกเข่าลงไป

จากนั้น เทพเฒ่าจันทราก็รีบกล่าวว่า “เซียนผู้น้อยเช่นข้า ทำอันใดผิดไปหรือไม่? ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ หากพวกเขาไม่ให้กำเนิดบุตร นั่นก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของข้าจริงๆ! เซียนผู้น้อยเช่นข้า ทำได้เพียงแค่ช่วยให้พวกเขาครองคู่กันได้เท่านั้น! พวกเขา พวกเขา!” “โอ้?”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เลิกคิ้วและถามด้วยรอยยิ้มว่า “เทพเฒ่าจันทรา ท่านรู้เรื่องนี้มานานแล้วหรือ?”

“นี่” เทพเฒ่าจันทราถอนหายใจ “เหล่าผู้บำเพ็ญ แทบไม่คิดจะมีบุตรกันสักเท่าใด หลังจากที่เป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันแล้ว ข้า…ข้า…โปรดอภัยให้เซียนผู้น้อยเช่นข้าด้วยเถิดขอรับ!”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โบกมือและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ไม่เกี่ยวอันใดกับท่านเลย เทพเฒ่าจันทรา แต่เป็นข้าที่คิดผิดพลาดก่อนหน้านี้เอง วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณและขออภัยต่อท่านพร้อมด้วย โอสถวิญญาณที่ข้ามีอยู่บ้าง เทพเฒ่าจันทรา หลายปีมานี้ ข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว”

“เซียนผู้น้อยไม่กล้ารับไว้ได้ขอรับ! เพียงรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้รับใช้ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!

ในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะเกลี้ยกล่อมเทพเฒ่าจันทรา เขาก็ขมวดคิ้วกะทันหัน และทันใดนั้น เขาก็มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี ดูเหมือนว่า จะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน

เมื่อเห็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้ว เทพเฒ่าจันทราก็มือสั่นเล็กน้อยพลางรับ ‘คว้า’ ขวดโอสถหยกเอาไว้พร้อมด้วยใบหน้าซีดเผือด…

ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ทำมุทราหยั่งรู้ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แย้มยิ้มแล้วประสานมือคารวะให้เทพเฒ่าจันทรา ก่อนจะหายตัวไปจากตำหนักแห่งนี้

“อืม… ข้าน่าจะไปเรียกเสี่ยวฉางโซ่ว แต่ก็ไม่ควรจะปรากฏตัวเปิดเผยโดยตรงเช่นกัน”

………………………………………………………….

[1] เป็นการเตือนว่ากำลังจะทำผิดปฏิญญาต้าเต๋า

[2] หมายถึงบรรพชนไท่ชิง

[3] หมายถึงการจับคู่บำเพ็ญเต๋า