บทที่ 279 การกลั่นแกล้งของสุชาดา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ถึงแม้เชอรีนตกใจว่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ แต่ก็ไม่สนใจที่จะถาม ชี้ไปที่สุชาดาแล้วพูดอธิบายสถานการณ์ว่า“ฉันกับเธอถูกบริษัทเลือกพร้อมกัน ให้ไปอบรมนางแบบที่ต่างประเทศ คิดไม่ถึงว่าเธอจะแย่งบอร์ดดิ้งพาสของฉันไป พยายามขัดขวางไม่ให้ฉันไป!”

“อะไรนะ?”วารุณีตกใจ มองไปที่สุชาดาอย่างไม่อยากจะเชื่อ“เธอทำแบบนี้ ไม่กลัวคนของบริษัทพวกเธอว่าหรือไง?”

“ฉันจะกลัวอะไร?อัครเดชเป็นหุ้นส่วนของบริษัท เธอคิดว่าเขาจะไม่ช่วยฉัน?”สุชาดาทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย่อหยิ่ง

วารุณีเม้มริมฝีปาก“ที่แท้เธอใช้ความสัมพันธ์ ถึงได้กล้าทำอะไรตามใจชอบนี่เอง”

“เกี่ยวอะไรกับเธอ?ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ เธอน่ะสมน้ำหน้าแล้ว”สุชาดาส่งเสียงไม่พอใจออกไป“เมื่อวานฉันบอกแล้วไง ฉันไม่ปล่อยพวกเธอแน่ ตอนนี้เป็นสิ่งที่พวกเธอต้องใช้คืนแล้ว!”

พูดจบ เธอก็ฉีกบอร์ดดิ้งพาสทิ้ง ต่อหน้าเชอรีน

“ไม่!”เชอรีนร้องออกมาเสียงดัง หน้าซีดขาวไปหมด

วารุณีก็ไม่คิดว่าสุชาดาจะทำเกินเหตุขนาดนี้ บอกว่าฉีกก็ฉีก ตอนนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

สุชาดามองสีหน้าของทั้งสองคนที่ดูแย่ ในใจก็รู้สึกสะใจสุดๆ จากนั้นเอาเศษกระดาษทิ้งใส่พื้น แล้วเตรียมออกไป

วารุณีจับเธอไว้แล้วหรี่ตาลง“คิดจะไปเหรอ?”

“เธอทำอะไร ปล่อยฉัน!”สุชาดาสะบัดมือออก พูดด้วยเสียงแหลมกริบ

วารุณีไม่ปล่อยเธอ กลับออกแรงที่มือแน่นขึ้น

สุชาดาเจ็บจนสีหน้าดูเหยเก

วารุณีไม่สนเธอ ยองตัวลงไป ดึงเชอรีนที่จะเก็บบอร์ดดิ้งพาสที่ฉีกขาดขึ้นมา“เธอไม่ต้องเก็บ!”

พูดจบ เธอก็ชี้ไปที่เศษบนพื้น ออกคำสั่งกับสุชาดา:“เธอทำซะ เก็บพวกมันขึ้นมา!”

“เรื่องอะไรล่ะ?”สุชาดาเชิดใส่

วารุณีปล่อยแขนของเธอ“ก็เพราะว่านี่คือสถานที่สาธารณะไง”

“นี่ ยัยแม่พระ จะไปยุ่งอะไรล่ะก็ให้สนามบินจัดการสิ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเธอก็เก็บเองละกัน!”สุชาดาเอามือกอดอก พูดอย่างไม่พอใจ

เบ้าตาของเชอรีนแดงเถือก ดึงแขนเสื้อของวารุณีอย่างอ่อนแรง“ช่างเถอะวารุณี ฉันเก็บเองก็ได้ ตอนนี้ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอแล้ว ฉันต้องหาทางซื้อตั๋วใหม่ ไม่งั้นฉันจะพลาดโอกาสในการอบรมครั้งนี้ไปจริงๆ”

“เรื่องตั๋วเดี๋ยวฉันช่วยเธอซื้อเอง แต่ตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการในทันที พวกเราจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ที่พื้นพวกนี้เธอเป็นคนทิ้ง เธอก็ต้องเก็บสิ!”วารุณีจ้องมองสุชาดาอย่างเย็นชา

สุชาดากลอกตาใส่“เธอจะให้ฉันเก็บให้ได้เลยใช่ไหม?ฉันบอกเธอให้นะ ไม่มีทาง ใครอยากเก็บก็เก็บไปเถอะ!”

วารุณีหัวเราะ“ดังนั้นเธอจะไม่เก็บใช่ไหม?”

“ใครเก็บก็เป็นหมาแล้ว!”สุชาดากลอกตาใส่

ปากแดงๆของวารุณียกขึ้นมา“ได้ งั้นฉันจะทำให้เธอเป็นหมาเอง!”

“หมายความว่าไง?”เชอรีนไม่ค่อยเข้าใจ

วารุณียิ้มอย่างมีลับลมคมในให้เธอ ไม่ตอบอะไร จากนั้นเรียกรปภ.ที่กำลังลาดตระเวนอยู่ที่สนามบินมา ในตอนที่สุชาดารู้สึกกังวล

“คุณรปภ.คะ ฉันจำได้ว่าสนามบินของพวกคุณมีข้อบังคับว่า ถ้ามีคนทิ้งขยะมั่วซั่ว และมีทัศนคติที่แข็งกระด้างไม่ยอมรับผิด ก็จะถูกบังคับให้เลื่อนไฟล์ทบินใช่ไหมคะ?”วารุณีมองสุชาดาอย่างจะยิ้มก็ไม่ยิ้มแล้วถามไป

ทันใดนั้นเชอรีนก็เข้าใจจุดประสงค์ของเธอ แล้วดวงตาก็เป็นประกาย

สุชาดาก็เข้าใจเช่นกัน แต่สีหน้ากลับดูหม่นลงไป

ยัยแพศยาอย่างวารุณี ดันเอาข้อบังคับของสนามบินมากดดันเธอ!

รปภ.ไม่รู้ว่าระหว่างผู้หญิงสามคนตรงหน้านี้มีปัญหาอะไรมากัน แต่ก็ฟังคำพูดของวารุณี แล้วยังพยักหน้าตอบกลับอย่างจริงจัง“ใช่ครับ”

“ค่ะ ผู้หญิงคนนี้จงใจทิ้งขยะมั่วซั่ว แล้วยังไม่ยอมรับผิดด้วย รบกวนพวกคุณพาเธอไปที่ออฟฟิศ เปลี่ยนบอร์ดดิ้งพาสของเธอ ให้เธอนั่งไฟล์ทถัดไปด้วยค่ะ”เล็บที่แดงสดของวารุณีชี้ไปที่สุชาดา

เชอรีนกำฝ่ามือแน่น รีบรับรองไปว่า“ใช่ค่ะ มีกล้องวงจรปิดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เธอจงใจจริงๆ!”

ในเมื่อสุชาดาฉีกบอร์ดดิ้งพาสของเธอ ไม่ให้เธอไปร่วมการฝึกอบรม

งั้นเธอก็จะไม่ให้สุชาดาไป แค่สุชาดาพลาดไฟล์ทนี้ ก็จะไปอบรมสายแน่นอน และมาสายก็จะถูกไล่ออก ใครกลัวกันล่ะ!

สุชาดาก็รู้แผนการของเชอรีน โกรธจนใบหน้าดูเหยเก“เธอ……”

“เธออะไรกันล่ะครับ คุณตามผมไปที่ออฟฟิศเลย”รปภ.ขมวดคิ้ว มองเธออย่างทนไม่ไหว

สุชาดาสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับความโกรธภายในใจ“เดี๋ยวก่อน ฉันเก็บของที่พื้นพวกนี้เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ต้องไปออฟฟิศแล้วใช่ไหม?”

รปภ.ตอบอือ“ใช่ครับถูกต้อง”

“ค่ะ งั้นฉันเก็บเอง!”หลังจากสุชาดาจ้องวารุณีกับเชอรีนเขม็งแล้ว ก็ยองตัวลงไป แล้วเริ่มเก็บกระดาษทีละแผ่น

วารุณีก้มหน้าลงมองเธอ“สุชาดา เธอเพิ่งพูดนี่ ใครเก็บก็เป็นหมา เป็นไง ตอนนี้เสียหน้าไหม?”

สุชาดาไม่พูด ได้แต่โกรธจนหน้าแดง เก็บเศษกระดาษด้วยความละอาย

เชอรีนทำน้ำเสียงสะใจออกมา“เธอเสียหน้าอยู่แล้ว ก็แค่พูดไม่ออกน่ะ”

สุชาดาเก็บแผ่นสุดท้ายเสร็จก็ยืนขึ้นมา“ถึงฉันจะตบหน้าใส่ตัวเองแล้วจะทำไม แต่เธออยากให้ฉันไปสาย ถูกลาออกจากการฝึกอบรม ก็คงล้มเหลวนะ ครั้งนี้บริษัทให้แค่ค่าตั๋วไปกลับพวกเรา ฉันจะดูสิว่าเธอจะไปอย่างไร!”

พูดคำนี้จบ เธอก็ชนไหล่เชอรีนออกไป

รปภ.เห็นว่าตรงนี้ไม่มีเรื่องของตัวเองแล้ว จึงหันกลับออกไป

ตรงที่นั้นจึงเหลือแค่วารุณีกับเชอรีนเพียงสองคน

เชอรีนจับไหล่ที่ถูกชนจนเจ็บ มองสุชาดาออกไปด้วยความโกรธ“ใช่สิ เธอพูดถูก บริษัทให้แค่เงินค่าตั๋วไปกลับ กับเงินค่าที่พักโรงแรม ถ้าฉันใช้เงินค่าโรงแรม ไปต่างประเทศ ฉันก็ไม่มีที่พัก ทำไงดีล่ะ?”

เธอเกาหัวอย่างร้อนรน จะร้องไห้

วารุณีบีบมือของเธอ“ฉันไม่ได้บอกเธอแล้วเหรอว่า เรื่องตั๋ว ฉันช่วยเธอเอง”

พอได้ยิน เชอรีนก็รีบจับไหล่ของวารุณีไว้“ใช่สิ วารุณี ฉันขอยืมเงินเธอหน่อย หลังจากฉันฝึกอบรมเสร็จแล้ว ได้เงินเดือนมาจะคืนให้เธอ”

“ไม่ต้อง ฉันซื้อให้เธอเลยดีกว่า ตอนนั้นที่มหาวิทยาลัย เธอช่วยฉันตั้งมากมาย แน่นอนว่าฉัน……”

วารุณียังพูดไม่จบ เสียงของมารุตก็ดังมาจากด้านหน้าของเธอ“คุณวารุณี ที่แท้คุณก็อยู่นี่เอง ประธานบอกว่าคุณถึงสนามบินนานแล้ว ผมก็รอคุณที่ทางเข้าตลอด ไม่เห็นคุณก็เลยมาหา”

“ขอโทษค่ะผู้ช่วยมารุต ฉันเจอเพื่อนน่ะ ก็เลยคุยมากไปหน่อย”วารุณีชี้ไปที่เชอรีน

เชอรีนไม่รู้จักมารุต เลยทักทายไปอย่างผิวเผิน“สวัสดีค่ะ”

มารุตพยักหน้า ถือว่าตอบรับ จากนั้นมองไปที่วารุณี“งั้นคุณวารุณี พวกคุณจะไปยังครับ?เครื่องบินจะบินแล้วนะครับ”

“เดี๋ยวค่ะ ฉันยังมีเรื่องนิดหน่อย”

พูดไป วารุณีก็หันไปถามเชอรีน:“เชอรีน เธอจะไปประเทศไหน?”

“ประเทศอเมริกา”เชอรีนตอบ

วารุณีร้องออกมาอย่างคาดไม่ถึง“บังเอิญจัง ฉันก็ด้วย”

“เหรอ”เชอรีนก็แปลกใจ

วารุณีจับมือของเธอ“ไป พวกเราไปซื้อตั๋วกัน”

เชอรีนเพิ่งพยักหน้า ทันใดนั้นมารุตก็จับแว่นแล้วพูดว่า“ขอโทษนะครับคุณวารุณีถ้าผมจะพูดตรงๆ ถ้าพวกคุณนั่งไฟล์ทถัดไป ซื้อตั๋วได้แน่นอนครับ แต่ถ้าจะนั่งไฟล์ทนี้ กลัวว่าจะไม่ทันครับ ขายหมดแล้ว”

“งั้นทำไงดีล่ะ?”อาการที่ใบหน้าของเชอรีน ก็ดูคุกรุ่นขึ้นมาทันที

วารุณีก็ขมวดคิ้ว หมดหนทางเล็กน้อย

แต่ตอนนี้เอง สายของนัทธีก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง“คุณถึงไหนแล้ว นานมากแล้วทำไมยังไม่ขึ้นเครื่องอีก?”

“ฉันอยู่ที่สนามบิน เจอเรื่องนิดหน่อย”วารุณีลูบคิ้ว ตอบไปด้วยความกังวลเล็กน้อย

นัทธีฟังความหมดหนทางในน้ำเสียงของเธอออก ก็ยืดหลังตรง นั่งตัวตรงเล็กน้อย น้ำเสียงก็จริงจังขึ้นมา“เรื่องอะไร?”