“อย่างนั้นเจ้าก็ดูสิว่าลูกของเจ้าถูกเจ้าทำจนเป็นอย่างไรแล้ว เจ้าเป็นแบบนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นพ่อคนอีกหรือ?” โจวกุ้ยหลานต่อว่าด้วยความโมโห

หลิวเซียงช่างน่าเวทนานัก ถูกตบตีต่อหน้าพวกเขาอย่างนี้ แถมพวกเขายังไม่สามารถช่วยพูดให้ด้วย

ไม่เห็นบุตรสาวเป็นคนกระมัง?

หลิวฝูจ้องโจวกุ้ยหลานเขม็ง แล้วกวาดสายตามองคนหมู่บ้านต้าสือที่กำลังล้อมพวกเขารอบหนึ่ง ในใจหวั่นวิตก เอ่ยกับคนหมู่บ้านหลิวด้วยโทสะ “พวกเรากลับ!”

ครั้นคนหมู่บ้านหลิวได้ยินก็ลากหลิวเซียงจะไป เดิมหลิวเซียงยังสงบอยู่ แต่พอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกลากจึงพลันตะโกนขึ้น “ข้าไม่กลับ! ข้า…ข้าไม่กลับไป…”

หลิวฝูขมวดคิ้ว ยกขาขึ้นกำลังจะถีบนางอีก แต่โจวกุ้ยหลานขวางไว้ เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆ ปล่อยมือนาง สองมือเท้าเอวก่นด่า “เจ้ามันลูกหมา คิดจะฆ่าคนปากประตูบ้านข้าใช่ไหม? ถ้าลูกสาวเจ้าตายอยู่หน้าบ้านข้า ข้าจะเอาเรื่องให้บ้านเจ้าอยู่ไม่เป็นสุขเลย!”

หลิวฝูหันมา เห็นท่าทางเหล่าไท่ไท่ดุดันจึงได้แต่หยุด

“รีบไป!”

กล่าวจบก็ยื่นมือลากหลิวเซียง

หลิวเซียงถูกลากไปราวกับกระสอบเปื่อยๆ ฝุ่นคละคลุ้ง

หลิวเซียงร้องไห้โหวกเหวก สุดท้ายหันกลับมามองเหล่าไท่ไท่กับโจวกุ้ยหลานสุดกำลัง “ช่วยข้าด้วย ท่านป้า พี่หญิงใหญ่ ขอร้องล่ะ ช่วยข้าด้วย!”

หลิวเซียงน้ำตานองหน้า ใบหน้าขมวดคิ้วมุ่นตาบวมทำให้โจวกุ้ยหลานทำใจไม่ได้อยู่บ้าง เหล่าไท่ไท่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน รู้สึกว่าอย่างไรก็ไม่สบายใจ

“นังสารเลว ยังตะโกนโหวกเหวกอะไรอีก เชื่อหรือไม่ข้าจะซ้อมเจ้าให้ตายเลย?” หลิวฝูถ่มน้ำลายฟองฟอดอย่างชั่วร้าย เงื้อมือตบหน้าหลิวเซียง

เป็นอีกเสียงหนึ่ง ใบหน้าหลิวเซียงรับกับฝ่ามืออีกครั้ง

ยามนี้สีหน้าโจวกุ้ยหลานขมึงตึงโดยสมบูรณ์แล้ว

แต่ไหนแต่ไรนางสนแต่ชีวิตของตัวเอง ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่คนผู้นี้ช่างน่ารังเกียจนัก ทำร้ายผู้หญิงที่ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งในสายตานางต่อหน้านาง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจ เอ่ยปาก “หลิวฝู เจ้าคิดว่าลูกสาวเจ้ามีค่าเท่าไร?”

“หา?”

หลิวฝูได้ยินคำถามของโจวกุ้ยหลานที่อยู่ข้างหลัง หันมาถาม

เหล่าไท่ไท่คิดอะไรขึ้นได้ ขมวดคิ้ว มองใบหน้าบวมแดงของหลิวเซียง ไม่สอดปากทัดทาน

“สินสอดลูกเจ้า ที่ดินผืนนั้นใหญ่แค่ไหน? เป็นเงินเท่าไร?” โจวกุ้ยหลานถามอีกครั้ง

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” หลิวฝูด่าด้วยเสียงโกรธ ลากหลิวเซียงจะไป

โจวกุ้ยหลานไม่คิดพูดมากกับเขา พลันตะเบ็งเสียง “ลูกเจ้า ข้าจะซื้อแปดตำลึง เจ้าจะขายหรือไม่?”

“อะไรนะ?”

หลิวฝูอุทาน

คนหมู่บ้านหลิวเหล่านั้นชะงักมือ คนหมู่บ้านต้าสือที่อยู่ข้างๆ ก็พลอยตะลึง

ข้างนอกขายบุตรสาว ปกติก็แค่หกเจ็ดตำลึง อย่างถูก สองสามตำลึงก็มีคนขาย นี่กุ้ยหลานจะให้ถึงแปดตำลึงเชียวหรือ?!

แปดตำลึงเชียวนะ! นางเอาเงินมาจากไหน?

สายตาทุกคนเบนไปที่ตัวนาง ในสายตานั้นปนความตื่นตระหนกสงสัย

เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆ ร้อนใจ “ไอ้หยา ซื้อคนใช้ใช้เงินขนาดนั้นทำไม? อย่างมากห้าตำลึง ไม่ขายก็ช่างเถอะ กุ้ยหลาน เราไม่มีเงินมากขนาดนั้น!”

กล่าวจบ เหล่าไท่ไท่ก็บิดโจวกุ้ยหลานทีหนึ่ง ลูกคนนี้นี่จะมือเติบเกินไปแล้วกระมัง?

หลิวฝูทางนั้นดวงตาเป็นประกาย ครั้นได้ยินคำพูดเหล่าไท่ไท่ก็รีบเอ่ย “ทำไมห้าตำลึง ไม่ใช่บอกว่าแปดตำลึงหรือ? ไม่ถูก สิบตำลึง ให้ข้าสิบตำลึงแล้วข้าจะขายหลิวเซียงให้พวกเจ้า”

สินสอดบ้านเจ้าโง่นั่นก็แค่ที่ดินดินทราย อย่างไรก็ไม่มีค่าขนาดนั้น อย่างมากก็เพียงหกตำลึง กลัวแต่จะไม่มีคนซื้อด้วย แต่เงินสดนี่ไม่เหมือนกัน ถ้าเขารับมาก็นำไปคุยเรื่องแต่งงานลูกชายสองคนได้แล้วสิบตำลึงเชียวนะ! พอให้ลูกชายสองคนแต่งสะใภ้แล้ว!

โลภจนไม่แหนงหน่าย!

โจวกุ้ยหลานหึเย็นในใจ มองหลิวเซียงที่จ้องนางด้วยความดีใจ เอ่ยเสียงเย็น “แปดตำลึง อีกนิดก็ไม่ได้ ไม่ยินยอมก็ช่างเถอะ ข้าไม่เอาแล้ว”

“อย่างนั้นก็แปดตำลึง! รีบเอาเงินมา!” หลิวฝูกลัวว่าโจวกุ้ยหลานจะไม่เอาจริงๆ จึงรีบเอ่ย

“แปดตำลึงอะไร? ห้าตำลึง!” เหล่าไท่ไท่จ้องหลิวฝูเขม็ง จากนั้นก็หันไปทางโจวกุ้ยหลาน “กุ้ยหลาน อย่างมากคือห้าตำลึง จะมากกว่านั้นไม่ได้ นี่เป็นเงินสร้างบ้านเจ้านะ!”

ครั้นเอ่ยออกมา คนอื่นๆ ก็พลันเข้าใจ ที่แท้นี่ก็คือเงินสร้างบ้านใหม่ มิน่าเล่าถึงเยอะอย่างนี้ ครั้นนึกถึงเรื่องที่ครอบครัวโจวกุ้ยหลานไฟไหม้บ้านเมื่อช่วงก่อน พวกเขาก็เห็นใจเล็กน้อย

คนอีกจำนวนหนึ่งหัวใจเต้นอย่างตีกลองรัว ไม่ใช่ว่าโจวกุ้ยหลานจะจ้างพวกเขาสร้างบ้านหรือ ถ้าจ่ายเงินไป เช่นนั้นงานดีๆ ก็จะปลิวไปด้วยสิ?

ดังนั้นจึงมีคนเอ่ยขึ้น “กุ้ยหลาน นี่เป็นเรื่องของคนอื่น เราอย่ายุ่งเลย”

“นั่นสิ ตายก็เป็นเรื่องของพวกเขาหมู่บ้านหลิว เราจะยุ่งทำไม?”

“เจ้าสร้างบ้านใหม่สำคัญกว่า จะให้ตัวเจ้าเองไม่มีบ้านอยู่ไม่ได้”

ต่างฝ่ายต่างพูดจอแจ ตอนนี้ไม่ว่าจะมีแผนอะไรในใจ ต่างก็เกลี้ยกล่อมโจวกุ้ยหลานด้วยกันทั้งนั้น

ตอนนี้เป็นช่วงกินอาหารเย็นของทุกคน ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยกลับบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ไม่นาน น่ากลัวว่าจะมีคนเป็นร้อยมุมอยู่ที่ปากประตูบ้านตระกูลโจวแล้ว

ตอนนี้พอเอ่ยขึ้น เสียงนั้นก็ดังเซ็งแซ่

หลิวเซียงถูกโยนลง หมอบอยู่กับพื้น กำลังใช้มือกุมหน้าอกตัวเองอยู่ ดวงตารื้นน้ำตา

ตอนนี้โจวกุ้ยหลานเป็นความหวังหนึ่งเดียวของนาง ถ้าพี่หญิงใหญ่ไม่ช่วย นางกลับไปจะไปโดดแม่น้ำตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!

ต่อให้ตาย นางก็ไม่แต่งกับเจ้าโง่นั่น!

“พวกเจ้าพล่ามอะไร? เกี่ยวอะไรกับเจ้า? นางยินดีใช้เงินแปดตำลึงซื้อ ข้าก็ยินดีขาย!” หลิวฝูกลัวโจวกุ้ยหลานถูกคนในหมู่บ้านเหล่านั้นเกลี้ยกล่อมจนไม่ควักเงินซื้อ ดังนั้นจึงรีบทัดทานขึ้นด้วยความร้อนรน

คนหมู่บ้านต้าสือก็ใช่ย่อย พลันโต้กลับ “พวกเราเตือนคนของหมู่บ้านเราเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ไม่ดูล่ะว่าเจ้ายืนอยู่ในถิ่นใครกันแน่!”

“นั่นสิ ยังกล้าพูดมากอีก เดี๋ยวจะจับเจ้าโยนออกหมู่บ้านต้าสือเลยนี่!”

พอหลิวฝูถูกฝูงคนด่าทออย่างนี้แล้ว สีหน้าก็ประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว

บรรดาคนหนุ่มหมู่บ้านหลิวไม่กล้าเอ่ยปากต่อหน้าคนมากมาย ต่อให้พวกเขาชกต่อยเก่งอย่างไร ก็มีเพียงสี่สิบกว่าคนเท่านั้น จะรับมือคนหมู่บ้านต้าสือมากมายอย่างนี้ได้อย่างไร?

อีกอย่าง หลิวฝูก็สมัครใจขายบุตรสาว พวกเรายังพูดอะไรได้?

เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงกระตุกแขนเสื้อโจวกุ้ยหลาน กระซิบ “กุ้ยหลาน เจ้าอย่าพูด ข้าจะทำให้เป็นห้าตำลึงเอง แปดตำลึงมากเกินไปแล้ว!”

โจวกุ้ยหลานกะพริบตาปริบ มองท่าทางของเหล่าไท่ไท่ รู้ว่านางเสียดายเงิน แต่พอคิดดู แพล็บเดียวก็เสียแปดตำลึงก็เสียดายเหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดคือ นางไม่อยากให้หลิวฝูได้ประโยชน์ด้วย

นางพลันพยักหน้า แล้วไม่เอ่ยปากอีก