ตอนที่ 329 ปัวโรต์ดังแล้ว

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 329 ปัวโรต์ดังแล้ว

อันที่จริง ความเร็วในการอ่านของเหลิ่งกวงนั้นไม่นับว่าเร็วนัก อีกทั้งเขายังเสียเวลาไปกับการหาซื้อหนังสืออีกไม่น้อย

เวลาที่เขาเสียไปนั้นมากพอให้ผู้อ่านกลุ่มแรกของเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส เขียนคำวิจารณ์ออกมามากมาย ถึงขั้นจุดหัวข้อสนทนาขึ้นมาบางส่วน

ในความจริงแล้ว

เสียงตอบรับที่แท้จริงนั้นเริ่มจากผู้อ่านกลุ่มแรกเขียนคำวิจารณ์​ และบนเว็บบอร์ดนิยายสืบสวนสอบสวนสักแห่งก็กลายเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ระเบิดบนโลกออนไลน์!

เว็บบอร์ดนิยายสืบสวนสอบสวนเป็นแหล่งรวมตัวของแฟนนิยายสืบสวนสอบสวน

แฟนคลับตัวยงของนิยายสืบสวนสอบสวนก็มีไม่น้อย!

นี่คือความคาดหวังของผู้อ่านซึ่งไม่ผิดหวังกับเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส หลังจากที่สมาคมวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนและคาเธอร์ให้การรับรอง และเป็นเสียงกู่ร้องด้วยความพึงพอใจ หลังจากที่แฟนวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนอ่านจนอิ่มเอม

พรึ่บๆๆ!

กระทู้ผุดขึ้นมานับไม่ถ้วนประหนึ่งดอกเห็ดหลังสายฝนโปรยปราย!

บางทีอาจไม่มีกระทู้ไหนเลยที่สามารถแทนความรู้สึกของทุกคนได้

แต่ละคนต่างก็มีความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทว่าทุกคนล้วนแต่รู้สึกตกใจกับนิยายเรื่องนี้เหมือนกัน!

‘ฉันนึกว่าฉันกำลังอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนแบบดั้งเดิม ฉู่ขวงกำลังเขียนรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ แถมยังถูกหลอกมาตั้งสองครั้ง ครั้งนี้ฉันเลยคิดว่าไม่ว่าพล็อตของฉู่ขวงจะมาแบบดั้งเดิมขนาดไหน เชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะต้องใส่เทคนิคผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้มาแบบเลิศๆ แน่นอน แต่ที่ไหนได้ พออ่านไปถึงตอนจบเข่าแทบทรุด…ฉู่ขวงเริ่มเขียนรูปแบบดั้งเดิมแล้วจริงๆ!’

คอมเมนต์นี้มียอดกดไลก์สูงมาก!

เช่นเดียวกับที่หลินเยวียนวางแผนไว้

ผลงานของเขาสามารถเป็นทั้งรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ และสามารถเป็นรูปแบบดั้งเดิม ระหว่างเรื่องจริงและเท็จ ทำให้ผู้อ่านไม่สามารถหาคำตอบได้ หากอ่านไม่ถึงตอนสุดท้าย!

กระทู้ด้านหลังก็มียอดกดไลก์และตอบกลับไม่น้อยเช่นกัน

‘พออ่านนิยายเรื่องนี้จบ ผมก็เริ่มเชื่อแล้วว่าเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมา เป็นการเสียดสีและตื่นตัวที่ฉู่ขวงมีต่อรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้จริงๆ หลังจากนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกเห็นใจอาจารย์เหลิ่งกวงขึ้นมา คุณลากเขาเข้าร่วมประชันวรรณกรรมทำไมเนี่ย’

‘ออกนอกประเด็นไปแล้ว!’

‘รวดเดียวก็อ่านถึงตอนที่ปัวโรต์เปิดเผยความจริง ขอพูดแบบไม่เกินจริงเลยนะ พอรู้ว่าฆาตกรแทงคนตายคนละครั้ง ฉันแทบตาเหลือก ทั้งมึน ทั้งขนลุกซู่!’

‘คำนิยมของคาเธอร์ไม่ได้หลอกฉัน! ผลงานระดับเทพ! ควรค่าแก่การอวย!’

‘ก่อนจะได้อ่านนิยายเรื่องนี้ผมคิดว่าคะแนนสูงไปหน่อย พออ่านจบเท่านั้นแหละ ผมว่าคะแนนต่ำไปหรือเปล่า? นี่มันระดับนิยายสืบสวนสอบสวนที่บรรจุเป็นแบบเรียนได้เชียวนะ!’

‘ปัวโรต์ๆๆ! ผมล่ะอย่างชอบคุณโปโลเลยยย!’

‘ฮ่าๆๆๆ พอชื่อปัวโรต์โผล่มา ผมคิดว่าฉู่ขวงชอบเล่นโปโลเลย’

‘ขอโทษนะคะ แต่ฉู่ขวงเป็นเทพเจ้า โปรดอย่าจาบจ้วง!’

‘ต้องขอโทษด้วยครับ เพราะรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ทำให้ผมมีอคติ พออ่านผลงานชิ้นใหม่เรื่องนี้จบ ผมก็ยอมแล้ว ตอนจบเยียวยาจิตใจมาก ผมหวังมาตลอดว่าในโลกอันโหดร้าย ในมุมที่แสงแห่งความยุติธรรมส่องไปไม่ถึง หรือจงใจไม่ส่องไป จะมีมือถือดาบแห่งการพิพากษาปรากฏขึ้น อย่างเช่น 12 คนที่ถูกเรียกว่าฆาตกรนี้ เมื่อได้เห็นการตัดสินใจและการกระทำในตอนหลังของปัวโรต์ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ต่อให้ผมเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ทำอะไรไม่ได้มาก ผมก็ยินดีใช้ห้าดาวเล็กๆ ของผม แสดงความเคารพและเข้าใจต่อการกระทำเช่นนี้’

‘เหยื่อคือผู้กระทำผิด เหยื่อสิบสองคน…สะเทือนใจจริงๆ หลังจากการหักมุมตอนหลัง ผมว่าปัวโรต์โคตรเท่! ในสมองผมมีเพลงสงครามดังขึ้นแล้วนะ แต่น่าเสียดายที่เพลงประกอบนี้ไม่คู่ควรกับปัวโรต์!’

‘ฮ่าๆๆ ฉู่ขวงมีเซี่ยนอวี๋ ให้เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงสิ’

‘ปัวโรต์เป็นนักสืบคนแรกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมสืบสวนสอบสวนที่ปล่อยผู้กระทำผิดไปล่ะมั้ง อย่างน้อยนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นวิธีการเขียนแบบนี้…อาจกลายเป็นประเด็นถกเถียงได้ แต่ฉันอยากบอกฉู่ขวงว่าทำได้ยอดเยี่ยมมาก!’

‘…’

ในกระทู้ มีคนเอ่ยถึงปัวโรต์ซ้ำแล้วซ้ำอีก

การตัดสินใจของปัวโรต์ ยิ่งทำให้ทุกคนถกเถียงกันซ้ำๆ

มีคนตัดข้อความในนิยายออกมา ยามที่ปัวโรต์ให้สองทางเลือก กล่าวว่า

[ทุกสิ่งถ้าไม่ถูก ก็ผิด และพวกคุณ…]

เขาเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งด้วยความมึนงง [ผมไม่สามารถตัดสินได้]

เขามอบทางเลือกให้ผู้อื่น

และยามที่ทุกคนเลือกข้อสรุปข้อแรก ว่าฆาตกรไม่มีความผิด ปัวโรต์ถอดหมวกออก ค้อมกายเล็กน้อย ประกาศว่าเขาถอนตัวจากคดีนี้ และหันหลังเดินออกไปอย่างแช่มช้าท่ามกลางหิมะ

อะไรคือความดีงาม อะไรคือความชั่วร้าย?

นี่เป็นครั้งแรกที่ปัวโรต์แยกแยะได้ไม่ชัดเจน แต่กลับเรียกเสียงชื่นชมจากผู้อ่านนับไม่ถ้วน!

ดูเหมือนทุกคนจะเห็นแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวซึ่งเดินอยู่ท่ามกลางหิมะ เดินไปพลาง ขบคิดไปพลาง…

ในความเป็นจริง ผู้อ่านซึ่งเคยอ่านฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ ล้วนกระจ่างดีว่าปัวโรต์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและยึดมั่นในหลักการมากแค่ไหน

ทุกคนคุ้นเคยกับสติปัญญาและฝีมือในการตัดสินคดีของปัวโรต์!

การที่เขาเอ่ยว่า ‘ผมไม่สามารถตัดสินได้’ นั้นเหลือเชื่อ

เช่นเดียวกับการที่สุดท้ายแล้วเขาถอนตัวออกจากคดี

แต่เพราะความเหลือเชื่อนี่เอง บรรดาผู้อ่านถึงได้รับรู้ถึงความทรมานและการตัดสินใจของปัวโรต์!

ชั่วขณะนั้น ปัวโรต์ได้กลายเป็นนักสืบผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้คนนับไม่ถ้วน!

ต้องเข้าใจว่า ‘นักสืบชื่อดังระดับโลกผู้ยิ่งใหญ่’ นั้นเป็นเซตติงที่ผู้เขียนมอบให้ปัวโรต์

ปลายปากกาของผู้เขียน สามารถสร้างเซตติงในนิยายได้ตามใจปรารถนา ทั้งชายหนุ่มซึ่งหล่อเหลาที่สุดในโลก หรือหญิงสาวผู้งดงามที่สุดในโลก

นักเขียนระดับล่าง เขียนเซตติงเพื่อตอบสนองความปรารถนาของตน

นักเขียนระดับแนวหน้า เมื่อเขียนเรื่องราวและเซตติงออกมา ผู้อ่านจะสัมผัสถึงจุดสูงสุดได้ด้วยตนเอง ราวกับเป็นตัวละครจริงๆ ในเรื่องราว

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าฝีมือ

เพราะฉะนั้นหากจะให้ผู้อ่านยอมรับว่า ‘ปัวโรต์เป็นนักสืบชื่อดังระดับโลกผู้ยิ่งใหญ่’ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉู่ขวงกลับทำออกมาได้อย่างง่ายดาย

นิยายเพียงสองเรื่องก็เพียงพอแล้ว

ใช้เรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เพื่อเกริ่นการณ์และวางรากฐาน

ใช้เรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสเพื่อสร้างชื่อเสียงและการยอมรับ

ในอนาคต เรื่องราวของปัวโรต์อาจดำเนินต่อไป แต่เมื่อถึงตรงนี้ นักสืบซึ่งปล่อยฆาตกรไปอย่างปัวโรต์ ก็ได้กลายเป็นที่นิยมในใจของคนอ่านแล้ว!

แน่นอน

ผู้ที่ชื่นชอบการไขปริศนาก็สนใจเรื่องนี้เช่นกัน อย่างที่คอมเมนต์นี้กล่าวไว้

‘เดาไม่ออกเลยว่าเจ้าแก่ฉู่ขวงจะมาไม้นี้! สิ่งที่เกลียดที่สุดอยู่ตรงที่ เจ้าแก่ฉู่ขวงให้สิ่งที่ซับซ้อนกว่านั้น ถึงขั้นที่แม้แต่รูปภาพของขบวนรถ กับตารางเวลาพฤติกรรมของตัวละครก็ยังให้มา หลังจากที่ผมเค้นสมองคิดจนเต็มหน้ากระดาษ กลับโยนรูปแบบคดีที่เป็นไปไม่ได้มาอีก!!’

ใช่แล้ว

มีผู้อ่านหลายคน ขณะที่อ่านเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส ก็เริ่มค้นหาความจริงนำหน้านักสืบไปหนึ่งก้าว นี่เป็นงานอดิเรกสำคัญของนักอ่านนิยายสืบสวนสอบสวน

แต่เมื่อทุกคนอ่านมาถึงตอนจบ ก็ทั้งรู้สึกตกตะลึงและสับสนในเวลาเดียวกัน

นี่มันแหกกฎใช่ไหม!

ฉู่ขวงถึงกับสร้างรูปแบบใหม่ของงานวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนขึ้นมา!

ฆาตกรถึงกับมี 12 คน!

แน่นอน ต้องใช้คำว่า ‘ถึงกับ’ เพราะผู้โดยสารทั้งขบวนรถไฟร่วมมือกันก่อคดี ช่วยกันปกปิด และให้การแก้ตัว ทำให้คำให้การทั้งหมดอาจเป็นเท็จ

เรื่องแบบนี้ใครจะไปนึกออก!

ในความคิดของคนทั่วไป ฆาตกรมักจะมีแค่คนเดียวใช่ไหมล่ะ

บางครั้งร่วมมือกัน อย่างมากก็มีสักสามคน

แต่ในนิยายเรื่องนี้ กฎเกณฑ์ของคดีสืบสวนสอบสวนทั้งหมดล้วนผิดพลาด ตอนจบกลับกลายเป็น ผู้บริสุทธิ์ทุกคน!!!

ขณะเดียวกันก็เป็น…ฆาตกรทุกคน!!!

เช่นเดียวกับเมื่อได้อ่านรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็เดาตัวฆาตกรไม่ได้เช่นกัน ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสของฉู่ขวงนี้ เป็นวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนรูปแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง!

เดาไม่ออกเลย!

ดังนั้น จะให้ไม่รู้สึกมึนงงเมื่ออ่านจบก็คงยาก!

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ก่อนที่คำตอบจะเปิดเผย ทุกคนต่างก็คิดไปตามสัญชาตญาณว่าฉู่ขวงเขียนรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้

แม้แต่สื่อก็ยังเขียนออกมาแล้ว

การประชันวรรณกรรมระหว่างฉู่ขวงและเหลิ่งกวง การดวลกันระหว่างรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้และรูปแบบดั้งเดิม

ปรากฏว่าทันทีที่หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงออกมา ทุกคนอ่านจนถึงตอนจบแล้วถึงพบว่า อ๋อ หมอนี่กำลังแกล้งพวกเราอย่างจริงใจ ครั้งนี้เขาเขียนรูปแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกับเหลิ่งกวง!

ถึงขั้นที่เขียนธีมฆาตกรรมในห้องปิดตายเหมือนกันด้วย!

‘ฉันว่าฉู่ขวงเป็นนักเขียนที่แกงคนอ่านเก่งที่สุดจริงๆ แล้วฉันก็ดันเต็มใจให้เขาหลอกอีก’

‘ฉู่ขวงบุกเบิกรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ แต่ฉู่ขวงก็ไม่เคยบอกว่าเขาเขียนรูปแบบนี้ได้อย่างเดียว เขาจงใจอุบเงียบ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าทุกคนคิดตามแบบที่คุ้นเคย ไม่ยอมอธิบายว่าครั้งนี้จะเขียนประเภทไหน แต่เพราะเขาไม่ได้อธิบายนี่แหละ พอผมรู้ว่านี่เป็นนิยายสืบสวนสอบสวนรูปแบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการโค่นล้มรูปแบบดั้งเดิม ผมถึงได้อ้าปากค้าง!’

‘สมแล้วที่เป็นฉู่ขวง’

‘เจ้าแก่ฉู่ขวงเล่นกับความรู้สึกของพวกเราซะสนุกเลยนะ! ป่านนี้คงจะไปแอบหัวเราะอยู่ที่ไหนสักแห่ง!’

‘คนที่ถูกแกงหนักสุดเห็นจะเป็นเหลิ่งกวง เรียกฉู่ขวงมาประลองเอง ปรากฏว่าฉู่ขวงดันใช้รูปแบบดั้งเดิมที่เหลิ่งกวงถนัดที่สุดมาสู้กับเหลิ่งกวง’

‘นั่นเท่ากับว่า ฉู่ขวงใช้วรยุทธ์ที่เหลิ่งกวงช่ำชองที่สุด มาเอาชนะเหลิ่งกวง แบบนี้น่ากระอักกระอ่วนใจจริงๆ’

‘สงสารเหลิ่งกวงอะ ถึงลุงแกจะชอบบ่นไปเรื่อยก็เถอะ แต่คนเขาไม่ใช่บ่นไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่บ่นก็มีหลักการมีหลักฐาน ครั้งนี้ดันมาชนกับฉู่ขวง โชคร้ายจริงๆ’

‘ครั้งนี้ฉู่ขวงยังช่วยตบเรียกสติคนอ่านที่ต่อต้านรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ด้วยนะ ก่อนหน้านี้เรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาออกมา หลายคนแดกดันว่าฉู่ขวงเขียนได้แต่รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ไม่ใช่หรือไง แถมยังเทโหวตให้อันดับสองอีก หวังว่าจะลากฉู่ขวงลงจากหลังม้า ที่ไหนได้ ตอนนี้ฉู่ขวงกำลังบอกกับทุกคนว่า รูปแบบดั้งเดิมของพี่ แจ่มกว่ารูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้อีกนะน้อง’

‘…’

ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะจินตนาการและการตีความเกินจริง

หลินเยวียนมีความคิดเช่นนี้จริงๆ

เขาไม่อยากให้ทุกคนเกิดภาพจำว่าตนเขียนได้แค่รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้

เพราะฉะนั้น ครั้งนี้จึงจำเป็นต้องใช้รูปแบบดั้งเดิม ทั้งยังต้องใช้ผลงานที่ยอดเยี่ยมมากพอ

ในตอนนี้ ผลงานชิ้นนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!

วรรณกรรมสืบสวนสอบสวนรูปแบบดั้งเดิม ยังสามารถเปลี่ยนจากเก่าเป็นใหม่ และเขียนออกมาเป็นรูปแบบที่ทุกคนร่วมมือกันก่อเหตุได้!

เป็นผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ที่เชื่อถือไม่ได้จริงๆ!

ตบเรียกสติแฟนนิยายสืบสวนสอบสวนที่เกลียดฉู่ขวงได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

เหมือนกับที่ผู้อ่านบางส่วนถกเถียงกัน ใครจะไปคิดล่ะว่านิยายสืบสวนสอบสวนแบบดั้งเดิมของฉู่ขวง จะโดดเด่นกว่ารูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ด้วยซ้ำ!

คนที่เคยโหวตให้อันดับของฉู่ขวงหล่นลงไป ได้ถูกลงทัณฑ์เรียงตัวต่อหน้าเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสแล้ว

และควันหลงของการระเบิดครั้งนี้ ไม่เพียงสั่นสะเทือนไปยังผู้อ่าน แต่ยังสั่นสะเทือนไปถึงนักเขียนนับไม่ถ้วนในวงการวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนด้วย

ต้องเข้าใจว่า นักเขียนวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน ถึงจะเป็นกลุ่มคนที่อ่อนไหวมากที่สุด

ผู้อ่านเพียงแค่ชื่นชมกับความปราดเปรื่องของเรื่องนี้ แต่นักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนกลับเข้าใจดีว่าการสร้างสรรค์เรื่องราวเช่นนี้ยากเย็นแค่ไหน!

‘ฉู่ขวงฝีมือระดับปีศาจ!’

ในวันนี้ คนที่อ่านฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสจบ ในกลุ่มแช็ตของนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน ก็มีคนกล่าวไว้เช่นนี้

สมาชิกทั้งกลุ่ม: +1

…………………………………………..