ตอนที่ 298 เจ้าหนูน้อยร้องไห้โฮ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 298 เจ้าหนูน้อยร้องไห้โฮ

ข้าวของในบ้านตระกูลหลินกระจัดกระจายไปทั่ว บางทีอาจเพราะกระทะหรือกองฟืนที่ค่อนข้างมีจำนวนมากกว่าบ้านหลังอื่นจึงทำให้พวกโจรยึดที่นี่เป็นโรงครัว อารมณ์ประมาณว่าอาหารเช้าเพิ่งขึ้นเตาแต่ยังไม่ทันได้กินก็โดนทหารรักษาการณ์เมืองจงโจวจับตัว ขณะที่มองโจ๊กกึ่งสุกเอย แป้งทอดบนเตาเอย คนบ้านตระกูลหลินก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาทันใด…อาหารที่กินได้หลายร้อยคนมากองอยู่ที่บ้านพวกตนทั้งหมด แล้วจะจัดการอย่างไรเล่า !

หลินเว่ยเว่ยเดินไปที่ห้องใต้ดินบ้านของตนก่อน จากนั้นก็นำข้าวสาร เนื้อสัตว์และของต่างๆ ออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณแล้ววางคืนที่เดิม ก่อนจะแสร้งรีบวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย ! ของในห้องใต้ดินบ้านเราไม่โดนแตะต้องเลย น่าจะเป็นเพราะพวกโจรหาไม่พบกระมัง…ข้าไปดูห้องใต้ดินบ้านบัณฑิตน้อยต่อดีกว่า ! ”

ห้องใต้ดินบ้านตระกูลเจียงเก็บผลไม้อบแห้งและของจำพวกแยมผลไม้เอาไว้ เมื่อเข้าไปแล้วออกมาหลินเว่ยเว่ยก็ฉีกยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาวทั้งสองแถวหน้า “ห้องใต้ดินบ้านบัณฑิตน้อยก็ไม่โดนแตะต้องเหมือนกัน เราโชคดีมากเลย ! ”

ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของคนทั้งสองครอบครัว ข้าวสาร เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูป…ที่เก็บไว้ในห้องใต้ดินล้วนเป็นของมีค่าทั้งสิ้น เดิมทีเข้าใจผิดว่าอย่างน้อยจะสูญเงินไปประมาณหลายร้อยตำลึง แต่คาดไม่ถึงว่า…

“สวรรค์คุ้มครองแล้วจริง ๆ…” ยามที่ยืนมองของพวกนั้นวางอยู่บนเตา นางหวงก็รู้ทันทีว่าพวกมันใช้วัตถุดิบของคนในหมู่บ้านมาทำอาหาร นางจึงทำต่อให้เสร็จแล้วบอกให้ชาวบ้านคนอื่นไม่ต้องเข้าครัว ทว่ามากินข้าวที่บ้านของนางแทน

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องไห้อันน่าสังเวชของเจ้าหนูน้อยดังมาจากลานหลังบ้าน คนทั้งครอบครัวจึงวิ่งไปดู พอเห็นสภาพของลานหลังบ้านแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ยืนมองเงียบๆ

ไก่ไข่ไม่กี่ตัวที่เลี้ยงไว้ในบ้านไม่เหลือรอดสักตัว พวกมันกลายเป็นอาหารของพวกกบฏไปแล้ว แพะที่เลี้ยงเอาไว้รีดนมก็ไม่มีเหลือ กระต่ายที่เจ้าหนูน้อยเลี้ยงไว้ก็หายไปเกือบทั้งหมด ที่เหลืออยู่มีเพียงลูกกระต่ายตัวเท่ากำปั้นไม่กี่สิบตัวและกำลังนอนสั่นอยู่ในคอก !

เมื่อลองนับจำนวนแล้วบ้านตระกูลหลินสูญเสียกระต่ายตัวใหญ่ 38 ตัว แม่ไก่ 5 ตัวแล้วยังมีแพะอีกหนึ่งตัว หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเจ้าหนูน้อยที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วพูดปลอบเขาว่า “เจ้าควรจะดีใจเพราะหลายวันก่อนเราเพิ่งจัดการกระต่ายไปกลุ่มใหญ่แล้วทำเป็นเนื้อกระต่ายตากแห้งเก็บไว้ในห้องใต้ดิน แม่ไก่นี้เราค่อยซื้อมาใหม่ก็ได้ แพะก็เลี้ยงใหม่ได้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือคนในครอบครัวยังปลอดภัยและอยู่ด้วยกัน จริงหรือไม่ ? ”

เจ้าหนูน้อยสูดน้ำมูก “ในบรรดากระต่ายเหล่านั้น มีกระต่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์หลายคู่ ไม่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แล้วจะมีลูกกระต่ายได้อย่างไร ? ยังมีแพะนั่นอีก นมแพะที่ท่านแม่ดื่มทุกเช้าก็ไม่มีแล้ว…”

หลินเว่ยเว่ยจึงรีบพูดต่อทันที “เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าขึ้นเขาไปจับกระต่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้เจ้าหลาย ๆ คู่เลย ตกลงหรือไม่ ? อีกอย่างฤดูหนาวก็มาถึงแล้ว เดิมทีพวกเราก็คิดจะควบคุมให้เหลืออยู่สักสิบคู่ เจ้าลืมแล้วหรือ ? ”

“แต่ว่า…เดิมทีพวกเราคิดจะเก็บไว้กินตอนฉลองปีใหม่ ! กินเองกับให้คนเลวกินจะเหมือนกันได้อย่างไร ? ” เจ้าหนูน้อยสูดน้ำมูกและเริ่มไว้ทุกข์ให้กระต่ายที่เลี้ยงมาอย่างยากลำบาก

ตอนที่พวกชาวบ้านมากินโจ๊กและแป้งทอดที่บ้านตระกูลหลิน พวกเขาก็เห็นเจ้าหนูน้อยกำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นและยังร้องไห้ขี้มูกโป่งจึงอดไม่ได้ที่จะถามถึงสาเหตุ

เจ้าหนูน้อยจึงร้องไห้โฮแล้วเล่าถึงเรื่องที่พวกโจรสมควรตายลงมือสังหารกระต่าย ไก่และแพะที่เขาเลี้ยงออกมาอีกรอบ พวกสหายตัวน้อยจึงเข้ามาปลอบใจไม่หยุด

วังตงเฉียงครุ่นคิด ก่อนจะพูดกับเขาว่า “ข้าวสารบ้านเราโดนพวกโจรขนออกไปหมด แถมยังมีอาหารในห้องใต้ดินอีก…แต่ท่านปู่กล่าวว่าขอแค่คนในครอบครัวไม่เป็นไร เรื่องอื่นก็เป็นไม่สำคัญ ! ”

“แต่นั่นเป็นกระต่ายที่ข้าเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่เล็ก พวกเจ้าก็เห็นพวกมันเติบโตมากับตา ทว่าแค่พริบตาเดียวก็โดนกินไปถึงสามสิบกว่าตัว แถมยังเป็นตัวที่อ้วนที่สุดด้วย…” เจ้าหนูน้อยลูบหน้าลูบตา

ถู่โต้วกัดแป้งทอดในมือ ก่อนจะพูดปลอบ “เรื่องแค่นี้เอง สุภาพบุรุษหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา ! เจ้าดูบ้านข้าสิ โดนพวกโจรเผาเกือบทั้งหลัง ข้ายังไม่ร้องเลย ท่านพ่อบอกว่าเก่าไม่ไปใหม่ไม่มา ! ผ่านไปอีกสองวันบ้านข้าจะเปลี่ยนเป็นบ้านอิฐหลังใหญ่เชียวล่ะ ! ”

บ้านของหลิวต้าซวนโดนเผาไปกว่าครึ่งหลัง ห้องปีกก็โดนไปด้วย ตอนนี้คนทั้งบ้านจึงได้แต่เบียดกันอยู่ที่สองห้องทางฝั่งตะวันออก ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านก็ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีและยังมีอีกหลายครอบครัวที่มีสภาพไม่ต่างกัน !

นี่คือผลลัพธ์ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ ! ถ้าแม่ทัพกบฏไม่ได้ขึ้นเขาไปตามล่าเองแต่มาปล้นข้าวปลาอาหารในหมู่บ้านแทน หมู่บ้านก็อาจโดนเผาเป็นจุณไปแล้ว ส่วนบ้านที่ยังอยู่ดีก็ล้วนเป็นบ้านที่พวกโจรเข้ามาอยู่อาศัยเมื่อคืน…

โก่วเชิ่งเอ๋อร์ตบบ่าเจ้าหนูน้อย “ในคอกกระต่ายยังมีลูกกระต่ายเหลืออีกยี่สิบกว่าตัวไม่ใช่หรือ ? พวกเราจะช่วยเจ้าเกี่ยวหญ้าเพิ่มอีกหน่อยเพื่อเลี้ยงกระต่ายเหล่านี้ให้โตเร็วขึ้น เดี๋ยวลูกต่ายก็จะกลับมาเยอะเหมือนเดิมแล้วไม่ใช่หรือ ? ”

“ใช่! พวกเราจะช่วยเจ้าเอง ! ” สหายคนอื่นก็ช่วยพูดโดยพร้อมเพรียง !

เจ้าดำที่โดนเจ้าหนูน้อยอุ้มไว้ตลอดทางขึ้นเขาก็ใช้อุ้งเท้าสองข้างมาวางตรงเข่าของเขาแล้วใช้ลิ้นสีชมพูเลียมือของเขาคล้ายกำลังปลอบประโลมด้วยเช่นกัน

เจ้าหนูน้อยดึงตัวเจ้าดำมากอด หลังเช็ดน้ำตาแล้ว เขาก็กล่าวอย่างเขินอายว่า “ที่พวกเจ้าพูดนั้นถูกต้อง ! พี่รองกล่าวแล้วว่าล้มที่ไหนก็ลุกที่นั่น อย่างมากสุดก็แค่เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ! ”

ข้าวสารที่หายไปของชาวบ้าน นอกจากพวกโจรนำไปรับประทานแล้วก็กองอยู่บนเกวียนด้านนอก เมื่อแต่ละครอบครัวแยกย้ายกลับไปแล้ว บ้านที่ข้าวสารหายไปและต้องการของที่ขาดแคลน หลินเว่ยเว่ยก็ช่วยเติมให้ ส่วนคนที่ไม่ต้องการก็ยกเกวียนของโจรให้ไปเลย เพราะการซื้อเกวียนใหม่หนึ่งคันต้องใช้เงินหลายตำลึง เกวียนพวกนี้ยังใหม่เอี่ยม ไม่รู้ว่าพวกโจรไปปล้นมาจากที่ใด !

บ้านที่มีข้าวสารหายไปก็มีเพียง 6-7 หลังเท่านั้น ส่วนใหญ่เลือกเกวียนไว้ทั้งสิ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ในฉือหลี่โกวล้วนเผาถ่านขาย ในแต่ละวันต้องขนถ่านไปขายยังเมืองใกล้เคียง ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าถ่านที่ขนไปมีจำนวนเท่าไหร่เพราะงานนอกเหนือจากนั้นก็ทำให้พวกเขาเหนื่อยแทบจะตายอยู่แล้ว หากมีเกวียนก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บ้านสองสามหลังร่วมมือกันดันเกวียนย่อมเบากว่าการใช้บ่าแบกหามหลายเท่า !

เกวียน 7-8 คันที่เหลือ บ้านตระกูลหลินเก็บไว้ 2 คัน ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นของหมู่บ้าน บ้านใครต้องการใช้ก็ไปขอใช้กับผู้ใหญ่วัง ทำให้พวกชาวบ้านสะดวกสบายขึ้นไม่น้อย !

แม่ทัพน้อยที่โดนมอบหมายให้เก็บกวาดงานที่เหลือก็รู้ว่าบ้านตระกูลหลินสูญเสียสัตว์เลี้ยงไปจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจยกม้าแก่ ๆ ผอม ๆ แถมยังดูอ่อนแอให้บ้านนาง 2 ตัว ส่วนม้าของกบฏหลายร้อยตัวที่เหลืออยู่ก็สามารถนำไปเติมเต็มกองทัพทหารม้าในกองทหารรักษาการณ์ได้พอดี

ต่อจากนั้นแม่ทัพน้อยก็พานักโทษกลับค่ายด้วยความพึงพอใจ คราวนี้เก็บเกี่ยวได้มหาศาล ไม่เพียงสังหารแม่ทัพของอีกฝ่ายได้ ทว่ายังมีม้ากลับไปอีกไม่น้อย ไม่ขาดทุนเลย !

หลังจากเผชิญหน้ากับกองโจรในคราวนี้ ชาวบ้านฉือหลี่โกวก็สามัคคีกันมากกว่าเดิม ใครต้องการสร้างบ้านใหม่ คนหนุ่มสาวจากทั้งหมู่บ้านก็จะมาช่วยกันขนอิฐ ปูพื้นและก่อสร้าง แม้แต่ครอบครัวยากจนที่บ้านพังยับเยินจนแทบอยู่ไม่ได้แล้วก็ยังถูกต่อเติมเสริมสร้างให้แข็งแรง หญ้ามุงหลังคาบ้านก็ถูกเปลี่ยนใหม่

พ่อซัวถัวและซัวถัวเป็นช่างไม้เพียง 2 คนในหมู่บ้าน พวกเขาจึงต้องทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อนเพื่อช่วยทุกคนซ่อมโต๊ะ เก้าอี้หรือเครื่องเรือนต่าง ๆ ส่วนของที่ใช้ไม่ได้แล้วจริง ๆ ก็จะทำใหม่ให้ทั้งหมด…

หลังจากหนิงตงเซิ่งได้ทราบข่าวก็รีบเดินทางมาเยือนทันที พอย่างเท้าเหยียบเข้าบ้านตระกูลหลินและเห็นฉากที่หลินเว่ยเว่ยกำลังช่วยทำเนื้อแผ่นอยู่ในลานบ้าน จิตใจที่เคยกระวนกระวายของเขาก็สงบลงในที่สุด