ตอนที่ 334 ใครแทงฉัน?!

ตอนที่ 334 ใครแทงฉัน?!

ชาวเน็ตชิงเหย้าต่างรู้สึกเดือดดาล! นักรบคีย์บอร์ดทั้งหลายบุกเข้ามายังโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อปะทะฝีปากกับคนกลุ่มคนเลวทราม

[โย่! ก่อนหน้าที่ร้องขอความช่วยเหลือก็รู้สึกหดหู่กันนักไม่ใช่หรือไง? พอตอนนี้ดีขึ้นก็มีความสามารถกันขึ้นมาเชียว! ทำไมไม่ออกมาก่อนหน้านี้ล่ะ? จะมาร้องขอความช่วยเหลือทำไม? ฉันขอถามพวกแกหน่อย ถ้าพวกแกเจ๋งจริงทำไมไม่ออกมาช่วยเหลือตัวเองล่ะ?]

[ถึงองค์หญิงสามของเราจะวิ่งหนีไป แต่ก็ต้องขอบคุณองค์หญิงสามนะ ไม่อย่างงั้นตอนนี้อสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวก็คงจะติดแหง็กอยู่กับพวกแก!]

[ใช่! องค์หญิงสามของเราแก้ปัญหาอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวได้แล้ว เฮอะ ๆๆ! องค์หญิงสามพาตัวเจ้าอสุรกายนั่นไปด้วยซ้ำ แล้วปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขตรงไหน?]

[ใช่! นี่คือแผนการขององค์หญิงสามต่างหาก พวกแกมันโง่จะไปรู้อะไร?!]

คำอธิบายแกมบังคับของชาวเน็ตของจักรวรรดิชิงเหย้าทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายเบิกตากว้าง! นี่เรียกว่าคำอธิบายอย่างนั้นเหรอ? แต่ก็ยังรู้สึกว่าชาวเน็ตพูดถูก!

เป็นความจริงที่อสุรกายยักษ์ถูกพาตัวไป!

สวี่หลิงอวิ๋นพายานอวกาศพุ่งตรงไปยังจักรวาลอันไกลโพ้น อสุรกายยักษ์ยังคงไล่ตามหลังอย่างบ้าคลั่ง

เกราะป้องกันพลังงานจางหายไป ขณะที่อสุรกายตัวนี้เกือบจะชนเข้ากับยานอวกาศของเธอหลายครั้ง มันอันตรายเป็นอย่างมาก!

โอคาซีควบคุมยานอวกาศด้วยตัวเอง ความสามารถในการควบคุมยานอวกาศของเขาทำให้กัปตันที่มากประสบการณ์รู้สึกอับอายขึ้นทันใด!

สวี่หลิงอวิ๋นรู้ว่ามันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ต่อไป!

การยิงปืนใหญ่ไม่ส่งผลอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ทำให้อสุรกายยักษ์ที่กำลังวิ่งเข้ามารู้สึกกลัวเล็กน้อย และวิ่งเข้าใส่อีกครั้ง

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกวิตกกังวลมาก ด้วยเหตุนี้เธอจึงแปรสภาพพลังดวงดาวให้กลายเป็นเข็มยาวสามเมตรจำนวนนับไม่ถ้วน และเข็มดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นด้านนอกของยานอวกาศ!

อสุรกายยักษ์ยังคงโกรธจัด และทันใดนั้นความผันผวนที่คุ้นเคยก็ปรากฏเหนือยานอวกาศ?!

เอ๊ะ? อสุรกายยักษ์ตกตะลึง ฝีเท้าของมันช้าลง และมองดูรอบยานอวกาศ

ทว่ามันกลับสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย!

เข็มพลังดวงดาวกำลังพุ่งเข้ามาหามัน!

ดวงตาสีฟ้าขนาดใหญ่ของอสุรกายยักษ์กะพริบถี่ มันพยายามรีบซ่อนตัว แต่ตัวของมันมีขนาดใหญ่เกินไป! ยากที่จะหลบซ่อนได้!

เข็มเจาะทะลุผิวหนังของมันโดยตรง!

อสุรกายห้วงดวงดาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของมันไหลพรากออกมาจากดวงตาที่มีขนยาวปกคลุม!

“เจ็บนะ! หงิง ๆๆ!”

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกโล่งอกหลังจากรับรู้ว่าโจมตีเป้าหมายได้สำเร็จ เธอนั่งลงบนพื้นและถอนหายใจ ก่อนจะรู้สึกถึงเสียงที่ไม่คุ้นเคยพุ่งเข้ามาในจิตใจของเธอ!

“ใครน่ะ?!” สวี่หลิงอวิ๋นที่นั่งอยู่กวาดสายมองไปทั่วอย่างระมัดระวัง ศัตรูต่างดาวบุกรุกเข้ามาอย่างนั้นเหรอ?!

แต่แล้วเธอก็ปฏิเสธความคิดดังกล่าว เพราะเสียงที่เธอได้ยินจะฟังดูเหมือนเสียงเด็กได้อย่างไร?!

“ฮือ ๆๆๆ นายท่านไม่รักเสี่ยวอ้ายแล้ว!” น้ำเสียงดังกล่าวยังคงพูดต่อ “เสี่ยวอ้ายตามหานายท่านมาตั้งนาน กว่าจะหาท่านเจอไม่ง่ายเลย แต่แล้วท่านกลับเอาเข็มแทงเสี่ยวอ้าย!”

“เสี่ยวอ้ายจะไม่รักท่านแล้ว!”

ฮะ? เสี่ยวอ้ายอะไร?! ใบหน้าของสวี่หลิงอวิ๋นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

แล้วนายท่านหมายความว่ายังไง?! สวี่หลิงอวิ๋นคิดได้เพียงอย่างเดียว มันกำลังคุยกับเธออยู่เหรอ?!

อสุรกายยักษ์ตัวนี้กำลังคุยกับเธออยู่หรือเปล่า?!

ไม่ใช่หรอกมั้ง!

สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงกับพื้นแล้วขมวดคิ้ว ช่างเทคนิคและผู้ช่วยมอร์ริสรีบเข้ามาช่วยเธอ แต่เธอกลับหยุดพวกเขาไว้

เธอมองดูโอคาซีที่ประจำการอยู่บนฐานควบคุม พยายามหลีกเลี่ยงอุกกาบาทและอสุรกายยักษ์ แล้วพูดว่า “เอ่อ ที่รัก ฉันว่าฉันจะออกไปดู!”

“อะไรนะ?” โอคาซีหยุดปฏิบัติการ ขณะที่กัปตันเข้ามาควบคุมต่อทันที

“ฉันรู้สึกว่าอสุรกายยักษ์กำลังเรียกหาฉัน? เหมือนว่ามันจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับฉันน่ะค่ะ” สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจ “ฉันว่าจะออกไปดูสักหน่อย!”

ในขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าอสุรกายยักษ์จะโกรธจัด มันฝังตัวเข้าไปในห้วงจักรวาลและไม่กลับไปที่ดาวเคราะห์อีก มันกำลังสับสนว่าจะไปที่ไหนดี

น้ำตาของมันกลายเป็นลูกบอลคริสตัลขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศ

บางครั้งดวงตาของมันจะมองลอดออกมาจากขนหนา เพื่อดูว่ายานอวกาศจะบินกลับมาหรือไม่

เป็นแบบนี้ได้ยังไง? มันร้องไห้แล้วยังดูน่าสงสารไม่พอเหรอ?!

อสุรกายยักษ์คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ หรือว่าตัวมันน่ารักไม่พอ?!

นายท่านบอกว่ามนุษย์ชอบขนหนานุ่มไม่ใช่เหรอ?! มันก็ทำให้ขนนุ่มและเรียบเนียนมาเสมอ ทำไมนายท่านถึงยังไม่ชอบมันอีก?!

ยิ่งอสุรกายต่างดาวคิดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเศร้าใจมากขึ้นเท่านั้น หรือว่านายท่านจะหมดรักแล้ว?!

ฮึ! อสุรกายยักษ์รอคอยนายท่านมานับหมื่นปี มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ!

โอคาซีไม่เห็นด้วย “มันอันตรายเกินไปครับ! ถึงอสุรกายจะดูเหมือนสัตว์ทั่วไป แต่สติปัญญาของพวกมันไม่ได้ต่ำไปกว่ามนุษย์เลย บางตัวสูงกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ!”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ และฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ว่าอสุรกายยักษ์ตัวนี้จะไม่เป็นศัตรูกับฉัน”

สวี่หลิงอวิ๋นเขย่าแขนของเขา “ได้ไหมคะ…โอคาซีที่รัก?”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง โอคาซีก็พูดว่า “ก็ได้ แต่ว่าต้องให้ผมไปด้วยนะครับ”

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “โอเค! มีท่านอยู่ด้วยจะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่ ๆ! ฮ่า ๆ! ต่อให้อสุรกายจะหลอกฉัน ฉันก็ไม่กลัวแล้ว!”

มอร์ริสรีบเบื้อนหน้าหนี พลเอกคนนี้รักองค์หญิงมากเลยสินะ! องค์หญิงสามก็ตอบรับด้วยท่าทางออดอ้อนเชียวหรือ? ถ้าเป็นแต่ก่อนพลเอกคงจะปฏิเสธอย่างเย็นชาใช่ไหม?!

ตอนนี้ถึงกับจะไปด้วยกันเชียว?!

ไม่กลัวอันตรายหรือไง?!

สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีตัดสินใจขับยานอวกาศลำเล็กเพื่อไปดูมัน และปล่อยให้ยานอวกาศลำใหญ่กลับไป

หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นจริง ๆ พวกเขาที่อยู่ในระดับ 9 ดาวจะมีโอกาสหลบหลีกได้มากกว่าคนอื่นบนยานอวกาศ!

สวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีขับยานอวกาศลำเล็กมุ่งหน้าไปทางอสุรกายยักษ์ที่อยู่ห่างไกล สวี่หลิงอวิ๋นเตรียมเข็มพลังดวงดาว หากอสุรกายยักษ์ตัวนี้กล้าโจมตีเธอ เธอจะให้มันได้ลิ้มลองว่า ‘ความเจ็บปวดเป็นเช่นไร’ อย่างแน่นอน!

อสุรกายยักษ์รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อเห็นยานอวกาศลำเล็ก จิตใจของมันกำลังเบิกบานขึ้น แต่แล้วมันกลับเห็นสิ่งของขนาดเล็กเสียก่อน และอยากจะเข้าไปตะปบให้ร่วงหล่นกับพื้น

กลับกลายเป็นว่ามันเห็นเข็มพลังดวงดาว และพลังงานผันผวนที่คุ้นเคยอีกครั้ง!

อ่า! นายท่าน!

อสุรกายยักษ์รู้สึกถึงจิตวิญญาณอีกครั้ง! มันรีบลุกขึ้นนั่ง กระดิกหางและคำรามใส่สวี่หลิงอวิ๋น “โฮก…!”

เอ๊ะ? เจ้าตัวนี้คือลูกหมาป่าอย่างนั้นเหรอ? ทำไมถึงร้องออกมาแบบนั้น?!

ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นได้ยินเสียงคำราม เธอก็พบเข้ากับอสุรกายยักษ์ที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง

เธอขอให้โอคาซียกระดับยานอวกาศขึ้นให้อยู่ในบริเวณดวงตาของอสุรกาย และมองดูภาพรวมของอีกฝ่าย

สิ่งมีชีวิตนี้มีขนาดใหญ่มาก! เธอเห็นเพียงดวงตาสีฟ้าครามทั้งสองคู่ที่ถูกขนยาวของมันบดบังอยู่

สิ่งมีชีวิตตัวนี้เหมือนกับสุนัขพันธุ์โอลด์อิงลิชชีฟด็อกในชาติที่แล้ว!