นับตั้งแต่ที่ค้นพบการจู่โจมทางอากาศจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปสองชั่วโมงอย่างเงียบงัน ค่ำคืนยังคงมืดสนิทมาก ศัตรูยังฝ่าแนวป้องกันของกองกำลังภาคพื้นดินไม่ได้ และศัตรูที่โผล่มาใหม่ก็ไม่ได้สร้างผลงานอะไรมากนักเหมือนกัน ภายใต้การต้านรับอย่างไม่เสียดายชีวิตของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษทั้งหมด สงครามจึงตกสู่สภาวะชะงักงันอีกครั้ง
ผู้บัญชาการของกองบัญชาการภาคพื้นดินรู้สึกชาเมื่อเผชิญหน้ากับรายงานการบาดเจ็บเสียชีวิตที่ทยอยเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เขาจากที่ปวดใจในตอนแรกมาเป็นไม่สะทกสะท้านแล้ว เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้ว่า เขาจะพลีชีพอยู่ในดาวดวงนี้เหมือนกับทหารเหล่านั้นหรือเปล่า…
“ดูสิ ด้านบนคืออะไรน่ะ…” ทันใดนั้นเองเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการคนหนึ่งร้องอุทานขึ้นมา เขารับหน้าที่ตรวจตราทั้งสนามรบเลยคอยจ้องมองหน้าจอขนาดใหญ่บนกำแพงกองบัญชาการอยู่ตลอด
ผู้บัญชาการได้ยินเสียงร้องตกใจนี้ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาจากข้อมูลกองใหญ่ มองแวบเดียวก็เห็นว่ามีหุ่นรบสองตัวที่แทบจะส่องแสงสะดุดตาของเขาปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าของเขตที่พัก รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูคุ้นเคยนั้นทำให้เขาสูญเสียการควบคุมแล้ว “แม่งเอ๊ย ไม่นึกเลยว่าพวกมันกล้าฝ่าฝืนปฏิญญาร่วม!”
เวลานี้ เกือบทุกคนในสนามรบที่สังเกตเห็นหุ่นรบสองตัวที่กำลังลอยอยู่บนฟ้านี้ทันที เนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นรบที่ใหญ่โตมหึมามากเกินไป และก็สะดุดตามากเกินไป อยากจะมองข้ามมันล้วนเป็นไปไม่ได้เลย สนามรบที่เดิมทีดุเดือดรุนแรงพลันเหมือนกับโดนกดปุ่มหยุดชั่วคราว ทั้งสองฝ่ายมิตรและศัตรูเก็บมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
หุ่นรบระดับราชันที่ถูกห้ามไม่ให้ปรากฏตัวบนสนามรบ เวลานี้กลับโผล่ขึ้นมาสองตัวอย่างอธิบายไม่ได้ พวกมันทอดมองลงมาด้านล่างด้วยท่าทีหยิ่งยโสจากบนท้องฟ้าสูงในดาวซินสิง
คนของฝ่ายศัตรูเห็นสัญลักษณ์บนหน้าอกของพวกเขาที่เป็นตัวแทนของการปฏิบัติการในครั้งนีก็ส่งเสียงเชียร์ดังสะเทือนฟ้าดินทันที ส่วนกองทัพป้องกันบนดาวซินสิง ทหารทั้งหมดของสหพันธรัฐหัวเซี่ยรวมถึงพวกอาจารย์ของโรงเรียนทหารกลับตกสู่ท่ามกลางความรู้สึกที่เรียกว่าสิ้นหวัง
ถังอวี้เพิ่งจะทำลายหุ่นรบไพ่ราชาไปหนึ่งตัวได้ยินเสียงสูดลมหายใจที่ดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดจากเหล่าอาจารย์ วินาทีถัดมา สนามรบพลันตกอยู่ในความเงียบวังเวง เขาเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหุ่นรบที่ลอยอยู่กลางอากาศสองตัวนั้น แววตาก็หดลงทันที มือที่เดิมทีบังคับหุ่นรบแข็งทื่อโดยพลัน…
ถังอวี้มองไปยังเขตที่พักแวบหนึ่งโดยอัตโนมัติ เขาคล้ายกับมองเห็นชะตาสุดท้ายของทุกคนที่อยู่ที่นี่ในเวลานี้ว่าคืออะไร ทันใดนั้นเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบตรวจสอบตำแหน่งของเฉียวถิงลูกศิษย์ที่เขาภูมิใจอย่างรวดเร็ว แต่พบว่าอีกฝ่ายออกจากรัศมีเขตที่พักไปแล้ว และแอบซุ่มเข้าไปยังส่วนลึกของโรงเรียนทหาร
ในใจถังอวี้อดรู้สึกประหลาดใจและดีใจไม่ได้ เรื่องที่เขาประหลาดใจคือเฉียวถิงไม่ฟังคำสั่งของเขา เคลื่อนไหวโดยพลการออกไปจากขอบเขตป้องกันของเขา ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เขาไม่สามารถรีบไปปกป้องได้เลย เรื่องที่น่าดีใจคือ เฉียวถิงทำผิดพลาดได้ดี ออกไปจากเขตที่พักตอนนี้อาจจะยังหาโอกาสรอดได้
ใช่แล้ว ถังอวี้ไม่คิดว่าพวกเขาสามารถรอดชีวิตภายใต้การโจมตีของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันไปได้ มองเห็นล่วงหน้าได้เลยว่า คนที่รั้งอยู่ในเขตที่พัก ไม่ว่าจะเป็นทหารหรืออาจารย์ หรือว่าเป็นพวกนักเรียนที่ถูกโล่แสงคุ้มกัน ท้ายที่สุดพวกเขาล้วนยากจะหนีรอดจากความตาย
ถังอวี้ที่ไม่มีทางถอยแล้วแววตาเย็นเยียบ เขาตัดสินใจทันที นั่นก็คือ นำพาอาจารย์ทุกคนเหนี่ยวรั้งหุ่นรบระดับราชันสองตัวนี้ให้อยู่ที่นี่อย่างสุดความสามารถ ให้พวกเฉียวถิงมีเวลาหลบหนีมากยิ่งขึ้น
หุ่นรบระดับราชันสองตัวเห็นว่าการต่อสู้ในสนามรบหยุดชะงักลงชั่วคราวหลายวินาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นเงียบวังเวง เพราะการปรากฏตัวของพวกเขา ในใจก็รู้สึกพึงพอใจและภูมิใจ พวกเขาทอดมองลงไปด้านล่างอย่างเย็นชา กวาดตามองกองกำลังภาคพื้นดินของหัวเซี่ยรวมถึงผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาของพวกเขาแวบหนึ่งราวกับมองดูมดก็ไม่ปาน
เวลานี้เอง หนึ่งในหุ่นรบระดับราชันสอบถามหุ่นรบระดับราชันอีกตัวอย่างเย็นชาว่า “นายเจออะไร?”
“เห็นปลาตัวเล็กสองกลุ่มกำลังอยู่ระหว่างทางมาเจอ หึๆ…” หุ่นรบระดับราชันอีกตัวหัวเราะขึ้นมาทันใด
“เป็นเป้าหมาย?” หุ่นรบระดับราชันที่เอ่ยปากถามตัวนั้นอดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้ รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขาไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะโชคดีขนาดนี้ มาถึงก็เจอเป้าหมายภารกิจของพวกเขาในการปฏิบัติการครั้งนี้เลย
“เป็นไปได้สูงมาก ปลาตัวเล็กพวกนั้นเป็นหุ่นรบฝึกหัดของโรงเรียนทหารหมดเลย สองตัวในนั้นคือหุ่นรบฝึกหัดไพ่ราชา น่าจะเป็นสองคนนั้นในเป้าหมายภารกิจที่กองบัญชาการมอบให้พวกเรา ปาร์คเกอร์ ที่นี่มอบให้นายจัดการ ฉันจะไปจัดการปลาตัวเล็กพวกนั้น หลังจากทำภารกิจเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับไปได้แล้ว” หุ่นรบระดับราชันอีกตัวอดเลียริมฝีปากตัวเองไม่ได้ เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา เทียบกับเป็นกระบอกปืนใหญ่ฮิวแมนนอยด์ระดับสุดยอดที่ไม่ต้องใช้ทักษะใดๆ แล้ว เขายังชอบหยอกปลาน้อยพวกนั้นและเล่นสนุกมากกว่า
“อย่าเล่นมากเกินไปล่ะ” ความสัมพันธ์ของหุ่นรบระดับราชันสองตัวดูเหมือนไม่เลวมากๆ หุ่นรบระดับราชันที่เอ่ยในตอนแรกอดกล่าวเตือนไม่ได้
“เอาน่าๆ ฉันทำภารกิจครั้งไหนบ้างไม่สำเร็จ?” หุ่นรบระดับราชันอีกตัวได้ยินคำกล่าวก็ตอบกลับลวกๆ วินาทีต่อมาเขาก็ขับหุ่นรบหายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน…
ถังอวี้ที่เฝ้าจับตามองหุ่นรบระดับราชันสองตัวนั้นมาโดยตลอดเห็นว่าหุ่นรบระดับราชันหนึ่งในนั้นหายตัวไปฉับพลัน หัวใจก็กระตุกทันที “เขาไปไหนแล้ว?”
ยังไม่ทันที่เขาจะค้นหาร่องรอบของอีกฝ่าย เขาก็เห็นหุ่นรบระดับราชันตัวที่เหลืออยู่นั้นหยิบอาวุธที่เป็นกระบอกกลมๆ ขนาดมหึมาที่แทบจะใกล้เคียงกับระดับความสูงของหุ่นรบออกมาจากด้านหลัง ถังอวี้เห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “หลบเร็วเข้า!”
ในฐานะที่เขาเป็นไพ่ราชาชั้นยอด ถังอวี้รู้เรื่องหุ่นรบระดับราชันที่เขาจะต้องเลื่อนระดับในขั้นต่อไปดีมาก อาวุธที่อีกฝ่ายหยิบออกมานั้นคือ อาวุธพลังงานลำแสงที่ทรงพลังมากที่สุดและก็น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในหุ่นรบระดับราชัน—เส้นทางแห่งความตาย! แค่ถูกยิงโดน ต่อให้เป็นหุ่นรบระดับราชันที่อยู่ระดับเดียวกันก็ทำได้เพียงอาศัยโล่ราชันที่ใช้พลังงานทั้งหมดถึงจะสามารถรอดไปได้ หุ่นรบที่ต่ำกว่าหุ่นรบระดับราชันไม่อาจรอดจากการโจมตีนี้ได้เลย วิธีการหลบหนีเพียงหนึ่งเดียวก็คือออกจากขอบเขตวิถียิงของเส้นทางแห่งความตาย นี่ก็คือสาเหตุที่ถังอวี้ตะโกนบอกให้หลบเร็วๆ ทันที
‘ตูม!’ กระบอกกลมๆ ในมือหุ่นรบระดับราชันพลันสาดลำแสงสีดำม่วงสายหนึ่งออกมา พริบตาที่ยิงสาดไปนั้น ต่อให้เป็นหุ่นรบที่แข็งแกร่งอย่างหุ่นรบระดับราชันก็ยังไม่สามารถรักษาสมดุลของหุ่นรบไว้ได้ หุ่นรบเด้งถอยหลังลอยออกไปทั่วทั้งร่าง เห็นได้ว่าแรงสะท้อนของปืนใหญ่ลูกนี้ทรงพลังแค่ไหน
เนื่องจากมีคำเตือนของถังอวี้ หุ่นรบของสหพันธรัฐบนฟ้าทั้งหมดต่างบินหนีออกจากรัศมีการยิงของลำแสงอย่างรวดเร็ว ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ก็มีหุ่นรบหลายตัวที่ปฏิกิริยาตอบสนองเฉียบไวไม่มากพอถูกลำแสงสีดำม่วงสายนั้นเฉียดผ่าน แต่พลังงานแฝงอยู่นั้นยังคงทำให้หุ่นรบเหล่านี้พากันระเบิดกลายเป็นซากในพริบตา หลังจากนั้นก็ระเหยหายไป ไม่เหลือร่องรอยเลยสักนิดเดียว
เป้าหมายที่ปืนใหญ่ของหุ่นรบระดับราชันลูกนี้เลือกคือ หน่วยรบหุ้มเกราะภาคพื้นดินที่ต้านรับหุ่นรบของศัตรู ยิงลงไปแค่ลูกเดียว ตรงกลางของหน่วยรบหุ้มเกราะที่เดิมทีจัดขบวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอย่างเป็นระเบียบพลันปรากฏพื้นที่โล่งสีดำทรงกลมแห่งหนึ่ง หน่วยรบหุ้มเกราะที่เดิมที่จัดแถวอยู่ในนั้นกลายเป็นสีดำกลุ่มหนึ่ง หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกัน…
“นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว เราต้านไม่ไหวเลย” เมื่อกองบัญชาการภาคพื้นดินเห็นฉากนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการคนหนึ่งที่ทนรับแรงกดดันไม่ไหวคุกเข่าตะโกนร้องไห้โดยพลัน ถึงแม้ว่าหุ่นรบระดับราชันไม่เหมือนหุ่นรบขั้นเทวะที่ตัดสินผลแพ้ชนะของสงครามได้ ทว่าเดิมทีกองกำลังภาคพื้นดินของสหพันธรัฐตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมื่อได้รับการโจมตีทำลายล้างของหุ่นรบระดับราชันแบบนี้ พวกเขาก็ไม่มีแรงเหลือไปต้านทานหุ่นรบเหล่านั้นแล้ว
เดิมทีการกระทำที่อ่อนแอเช่นนี้ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการจะต้องถูกคนอื่นประณาม แต่ทุกคนในกองบัญชาการต่างตะลึงงันไปกับการโจมตีนี้แล้ว กลายเป็นความเงียบงันที่ผิดปกติไปชั่วขณะ ความสิ้นหวังแผ่ขยายออกไปในกองบัญชาการอย่างเงียบเชียบ
หุ่นรบระดับราชันเห็นว่าปืนใหญ่ลูกเดียวก็กำจัดหน่วยรบหุ้มเกราะภาคพื้นดินของฝ่ายไปได้เกือบหนึ่งในหกส่วน เขาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่สิค่อยเป็นคุณค่าตัวตนของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอย่างพวกเรา…”
พอกล่าวจบ หุ่นรบระดับราชันก็รักษาความสมดุลของให้หุ่นรบตัวเอง ตั้งกระบอกทรงกลมขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายของเขาคือเขตที่พักซึ่งเวลานี้กำลังส่องแสงสะดุดตาอยู่ห่างออกไปจากด้านหลังหน่วยรบหุ้มเกราะหลายลี้…
“ล่อเป้าดีจริงๆ!” ผู้ควบคุมระดับราชันเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น ขอเพียงทำลายที่นั่นจนย่อยยับก็หมายความว่าภารกิจของพวกเขาสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ชาวหัวเซี่ยพวกนั้นน่าตลกชะมัด คิดว่าตัวเองฉลาดสร้างโล่แสงเขตแดนแบบนี้ออกมา ไม่ต้องให้เขาสิ้นเปลืองความคิดก็หาเป้าหมายที่พวกเขาต้องโจมตีเจอ แม่งโคตรประหยัดแรงหมดห่วงไปเลย
ถังอวี้ที่เพิ่งจะพาพวกอาจารย์หลบวิถีลำแสง เห็นทิศทางที่กระบอกทรงกลมเล็งไป ก็อดร้องโหยหวนขึ้นมาไม่ได้ “หยุดนะ! ไอ้สารเลว!” เขาขับหุ่นรบ พยายามบินเข้าไปขัดขวาง แต่ก็ช้าไป ฝ่ายตรงข้ามเหนี่ยวไกแล้ว ลำแสงสีดำม่วงอีกสายสาดออกมาจากในกระบอกกลม…
‘ตูม!’ ลำแสงสีดำม่วงยิงใส่โล่แสงของเขตที่พักโดยไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย โล่แสงถูกทำลายลงฉับพลัน ลำแสงไม่ได้ถูกลดทอนลงเท่าไหร่นัก พริบตาเดียวก็ยิงถล่มข้างในเขตที่พัก ก่อนจะเห็นอาคารหลายหลังถูกลำแสงสีดำม่วงนั้นกลืนกินเข้าไปทันที เขตที่พักที่แต่เดิมเงียบสงบสวยงามพลันถูกกลืนกินไปหนึ่งในสิบ
ถังอวี้เห็นดังนั้น น้ำตาก็ไหลรินอย่างคับแค้นใจ เขาเหมือนกับมองเห็นฉากที่นักเรียนด้านในหายวับไปตามขี้เถ้าที่ปลิวหายควันมลายสิ้นในชั่วพริบตาที่ลำแสงยิงใส่ หัวใจของเขาปวดร้าวอย่างรุนแรงขึ้นมา
“พื้นที่ค่อนข้างใหญ่อยู่นะเนี่ย…” หุ่นรบระดับราชันดูหมิ่น ตั้งกระบอกกลมขึ้นมาอีกครั้ง เล็งไปยังเขตที่พัก เตรียมพร้อมเส้นทางแห่งความตายรอบสอง
“บัดซบ หยุดมือนะ!” ถังอวี้คลุ้มคลั่งแล้ว เขาขับหุ่นรบพุ่งเข้าไปหาหุ่นรบระดับราชันตัวนั้นโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการส่งตัวเองไปตาย เขาก็ไม่อาจเบิกตามองเด็กเหล่านั้นตายอยู่ที่นี่ได้….
“รนหาที่ตายจริงๆ!” หุ่นรบระดับราชันเห็นหุ่นรบไพ่ราชาตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย พยายามหยุดยั้งเส้นทางแห่งความตายของเขาไว้ เขาเหนี่ยวไกปืนด้วยรอยยิ้มหยัน และลำแสงสีดำม่วงสายหนึ่งก็ยิงออกมาจากปากปืนใหญ่ บดขยี้ไปหาหุ่นรบของถังอวี้…
“พันตรีถังอวี้…” พวกอาจารย์ทุกคนเห็นดังนั้นก็ตะโกนด้วยความหวาดหวั่น ทุกคนรู้ดีว่า หากถูกเส้นทางแห่งความตายของนั้นยิงโดนเข้าละก็ ถังอวี้ย่อมยากจะหลีกหนีความตาย ขณะที่เห็นลำแสงสีดำม่วงกลืนกินร่างของหุ่นรบถังอวี้นั้น…
‘ตูม!’ ทันใดนั้นเองลำแสงสีดำม่วงถูกพลังงานที่แข็งแกร่งสายหนึ่งสกัดกั้นไว้ ก่อนจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว หุ่นรบของถังอวี้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้คนอีกครั้ง หุ่นรบของเขาไม่มีความเสียหายเลยสักนิดเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ต่อให้เป็นตัวถังอวี้เองก็ตะลึงงันเช่นเดียวกัน เดิมทีเขาพุ่งเข้าไปเตรียมพร้อมที่จะพลีชีพตัวเอง หวังว่าจะผลาญพลังงานของเส้นทางแห่งความตายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้กับเขตที่พักด้านล่างเสียหายน้อยลง แต่คิดไม่ถึงว่า ชั่วพริบตาที่เขาโดนยิงนั้น จู่ๆ ก็มีลำแสงสีฟ้าอ่อนสายหนึ่งยิงมาจากที่ไกลๆ สกัดเส้นทางแห่งความตาย ช่วยเขาไว้
เขามองไปยังลำแสงสีฟ้าอ่อนที่ยิงเข้ามาตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะเห็นหุ่นรบตัวหนึ่งกำลังบินมาทางนี้อย่างรวดเร็วบนท้องฟ้ายามราตรี หลายวินาทีให้หลัง ร่างของหุ่นรบก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทุกคน...
ถังอวี้เห็นหุ่นรบตัวนี้ ดวงตาสองข้างพลันฉ่ำรื้น เขาเหมือนกับกลายเป็นเด็กที่ถูกรังแก แล้วเห็นเป้าหมายที่สามารถพึ่งพิงได้ในที่สุด จากนั้นก็อดตะโกนเสียงดังไม่ได้ว่า “นายพลหลิง!”
สิ่งที่ถังอวี้ใช้คืออุปกรณ์ขยายเสียง เสียงนี้ของเขาทำให้ทุกคนบนสนามรบได้ยินอย่างชัดเจน!