บทที่ 324 การปล่อยนายคือความผิดพลาดมหันต์!

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 324 การปล่อยนายคือความผิดพลาดมหันต์!
บทที่ 324 การปล่อยนายคือความผิดพลาดมหันต์!

เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนหน้าซีด ผู้หญิงลึกลับคนนั้นพูดถูก จางฮั่นรู้อยู่เต็มอกว่าซูอันโกหก

“ช่างเถอะ ข้าจะชำระแค้นกับเขาภายหลัง” แม่ทัพผีดิบมองเฉียวเสวี่ยอิงแล้วถามว่า “เจ้าตั้งใจจะถ่วงเวลาข้างั้นเหรอ?”

เฉียวเสวี่ยอิงยกมือขึ้นและเรียกใบไม้สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนมาวนรอบตัวนางโดยไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถามนั้น ก่อนที่จะสั่งให้ใบไม้ที่คมกริบดั่งใบมีดเหล่านี้เข้าโจมตีแม่ทัพผีดิบ หลังจากได้ดื่ม ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ ของซูอัน นางก็ฟื้นกำลังได้มากกว่าครึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับการโจมตีของนาง แม่ทัพผีดิบไม่สนใจแม้แต่จะหลบเลี่ยงเลย ใบไม้สีเขียวต่างพากันเหี่ยวแห้งไปเมื่อปะทะกับหมอกสีดำที่ปกคลุมร่างของมัน

เฉียวเสวี่ยอิงกำหมัดแน่นขณะที่นางสั่งให้เส้นผมยาวขึ้นและกลายเป็นเถาวัลย์ คราวนี้นางไม่ได้ทำการโจมตี แต่กลับสร้างพุ่มไม้หนามขึ้นรอบ ๆ แท่นบูชา โดยหวังว่าจะขัดขวางแม่ทัพผีดิบให้นานที่สุด

“แตกไปซะ!” จางฮั่นยกหอกในมือของเขาและกวาดมันในแนวนอน ผ่าพุ่มไม้หนามออกเป็นครึ่งทันที

เฉียวเสวี่ยอิงได้เตรียมใจพร้อมในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่คิดว่าทักษะการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของนางจะไม่สามารถขัดขวางศัตรูได้แม้แต่ชั่วอึดใจเดียว…

นางพยายามหลบการโจมตี แต่ก็ถูกด้ามหอกกระแทกอย่างแรง ทำให้ร่างกายของนางลอยไปบนอากาศก่อนที่จะกระแทกอย่างหนักที่ผนังด้านข้างของถ้ำ

จางฮั่นไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้เฉียวเสวี่ยอิงรอดไปได้ เขาพุ่งไปหานาง ชูหอกขึ้นสูงแล้วพูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นสหายของไอ้หน้าโง่ที่กล้าสวมรอยเป็นฝ่าบาท ข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกด้วยกัน!”

เฉียวเสวี่ยอิงรู้ว่าไม่มีทางให้หนีอีกต่อไป เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น นางจึงเตรียมพร้อมที่จะเปิดใช้งาน ภาพสะท้อนแห่งจันทรา เพื่อป้องกันการโจมตีที่ร้ายแรงนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นข้าจะกัดลิ้นตายเดี๋ยวนี้!”

ฉู่ชูเหยียนตะโกน นางรู้ว่าคุณค่าของนางจะลดลงอย่างมากเมื่อตาย ทำให้นางสามารถใช้สิ่งนี้ต่อรองกับจางฮั่นได้

ความพยายามของนางได้ผล จางฮั่นหยุดชั่วครู่ก่อนที่จะกลับไปที่แท่นบูชาทันที “ดีที่เจ้าเตือนข้า ข้าอาจจะมัดแขนขาของเจ้าไว้ แต่เจ้ายังสามารถขยับลิ้นของเจ้าได้”

หลังจากพูดจบ จางฮั่นก็พุ่งไปแตะนิ้วลงบนคางของนางและผนึกการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนาง

“เอาเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องบูชาก่อนที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น”

จางฮั่นเริ่มสวดมนต์ในภาษาที่ไม่มีใครรู้จัก หมอกสีดำค่อย ๆ รวมตัวจากทั่วบริเวณมาบรรจบกันรอบ ๆ แท่นบูชา ทำให้อากาศกลายเป็นหนืดข้นราวกับน้ำหมึก ปีศาจหลากหลายประเภทดูเหมือนจะซ่อนอยู่ภายในหมอกสีดำเช่นกัน พวกมันค่อย ๆ คืบคลานเข้าหาฉู่ชูเหยียน

ไม่ว่าฉู่ชูเหยียนจะมีความเข้มแข็งทางจิตใจแค่ไหน นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนพองสยองเกล้ากับปีศาจที่กำลังคืบคลานเข้ามาหานาง หญิงสาวอยากจะวิ่งหนีไป แต่โซ่ตรวนที่แขนทำให้นางขยับตัวไม่ได้!

เฉียวเสวี่ยอิงกัดริมฝีปากขณะที่นางพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อพยายามช่วยฉู่ชูเหยียน

“ในเมื่อเจ้าอยากตายนักงั้นข้าจะให้เจ้าตายพร้อมกับนาง!” จางฮั่น หัวเราะ

หมอกสีดำพุ่งออกมาจากมือจางฮั่น และพันธนาการเฉียวเสวี่ยอิงไว้แน่น ความแข็งแกร่งของนางดูเหมือนจะหายไปเมื่อปะทะเข้ากับหมอกสีดำ ซึ่งทำให้นางทำอะไรไม่ถูก

หมอกสีดำพยายามม้วนรวบร่างของเฉียวเสวี่ยอิงเข้าไปทั้งตัว

“บังอาจนัก! กล้าดียังไงมาทำร้ายสตรีของจักรพรรดิอย่างข้า?”

เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้จางฮั่นเสียจังหวะทันที เขารีบหันไปมองไปยังทิศทางของเสียง และได้เห็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงกำลังเดินมาทางเขา

แน่นอนว่าชายหญิงคู่นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ซูอันและหมี่ลี่

หมี่ลี่ชำเลืองมองซูอันอย่างแปลกใจ เสียงตะโกนที่ก้องกังวานของเขาทำให้นางนึกถึงอิ่งเจิ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อระลึกได้ว่าเป็นซูอัน นางก็รีบไล่ความคิดนั้นออกไปทันที…

ในทำนองเดียวกัน จางฮั่นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้ทันทีและเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ข้าคิดว่าเจ้าหนีไปแล้ว ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะโง่เขลาจนกลับมาอีก แต่ก็ดี ข้าจะได้เอาโทษในเรื่องที่เจ้ากล้าแอบอ้างเป็นองค์จักรพรรดิ!”

“อวดดี! กล้าดียังไงมาเอ่ยวาจาเยาะเย้ยข้า เจ้าอยากถูกประหารเก้าชั่วโคตรงั้นเหรอ?” ซูอันตอบกลับเสียงเย็นชา

เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนตกตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น พวกนางรู้ว่าซูอันเป็นเพียงคนธรรมดา และจางฮั่นก็รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว!

แม้แต่หมี่ลี่เองก็อดไม่ได้ที่จะมองเขา ผิวหน้าของเจ้านี่หนายิ่งกว่ากำแพงเมืองซะอีก!

“เจ้าตั้งใจจะปลอมตัวเป็นฝ่าบาทไปอีกนานแค่ไหน? ก่อนหน้านี้ข้าแค่เพียงคอยดูเจ้าว่าจะโกหกไปได้อีกสักกี่น้ำ แต่จนถึงตอนนี้เจ้าคิดว่าข้าโง่นักใช่ไหม?” คลื่นพลังอันรุนแรงระเบิดออกจากร่างของจางฮั่น ทำให้ทุกคนรวมถึงเฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนรู้สึกหนักอึ้ง

ภายใต้แรงกดดัน ซูอันรู้สึกว่าการหายใจของเขาลำบากขึ้นทันที แต่โชคดีที่เขาได้คิดหาทางรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว ชายหนุ่มรีบเข้าไปแอบอยู่ด้านหลังของหมี่ลี่ และตามที่คาดไว้ ความกดดันก็ลดลงอย่างมากในทันที ดังนั้นจึงพูดต่อไปอย่างมีความสุข “บังอาจนัก! แม้ว่าเจ้าจะจำข้าไม่ได้ แต่อย่างน้อยเจ้าก็ต้องจำนางได้ถูกต้องไหม?”

“หืม?” จางฮั่นเพ่งมองไปที่หมี่ลี่ แต่เขาจำนางไม่ได้เนื่องจากนางสวมเสื้อผ้าผู้ชายอยู่ “เฮอะ! ไม่ว่านางจะเป็นใคร พวกเจ้าก็ต้องตายทั้งหมด!”

“จางฮั่น ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะลืมข้าไปแล้ว!” หมี่ลี่กล่าวเสียงเย็น

จางฮั่นถึงกับตกตะลึง เขาอาจจะจำรูปร่างหน้าตาของหมี่ลี่ไม่ได้ แต่เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคยสำหรับเขามาก เขาเริ่มประเมินนางอย่างตั้งใจก่อนที่จะอุทานด้วยความตกใจ “หมี่ลี่!”

หมี่ลี่ก้าวไปข้างหน้าและเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าเจ้ายังจำข้าได้สินะ”

เฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนเริ่มมองสำรวจหมี่ลี่อย่างละเอียด จากน้ำเสียง พวกนางสามารถบอกได้ว่าคนผู้นี้คือผู้หญิงที่ถูกผนึกไว้ แต่พวกนางไม่คิดว่าเจ้าของเสียงลึกลับจะงดงามได้ขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฉู่ชูเหยียนคือความจริงที่ว่านางกำลังสวมเสื้อผ้าผู้ชายอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นเสื้อผ้าของซูอัน ตอนนางถูกผนึกไว้ นางเปลือยกายอยู่งั้นเหรอ?

ในขณะที่ผู้หญิงสองคนคิดไปต่าง ๆ นานา จางฮั่นก็หน้าซีดลงและแม้แต่เสียงของเขาก็เริ่มสั่นด้วยความกลัว “จะ…เจ้าออกมาได้ยังไง?”

“ข้าจะออกมาได้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่ที่เวลาเท่านั้น ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะออกมาไม่ได้ล่ะ?” หมี่ลี่ถามอย่างเย็นชา

จางฮั่นหันไปหาซูอันอย่างโกรธจัดและตะโกนว่า “เจ้าเป็นคนปล่อยนาง!”

ท่านยั่วยุจางฮั่นสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

ซูอันยักไหล่อย่างยียวนและพูดว่า “ข้าต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าเพื่อช่วยผู้หญิงของข้าเองงั้นเหรอ?”

หญิงสาวทั้งสามนิ่งงัน…

ไอ้เจ้านี่คิดว่าตัวเองเป็นอิ่งเจิ้งจริง ๆ เหรอ? เจ้าเหมาว่าข้าเป็นผู้หญิงของเจ้าได้ยังไง?

“เจ้ารู้ไหมว่าการปลดปล่อยนางเป็นความผิดพลาดร้ายแรงขนาดไหน!” จางฮั่นคำราม มีความตื่นตระหนกในน้ำเสียงของเขา

ก่อนที่ซูอันจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ หมี่ลี่ได้พูดแทรกขึ้นด้วยเสียงอันไพเราะ “จางฮั่น เจ้าทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ของอิ่งเจิ้งมานานแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องชำระบุญคุณความแค้นกับเจ้าแล้ว!”

จางฮั่นดึงหอกกลับมาไว้ที่ข้างกายและตอบกลับอย่างเย้ยหยัน “ข้าได้รับมอบหมายให้ดูแลสถานที่แห่งนี้และเฝ้าผนึกที่ควบคุมเจ้าไว้ภายใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิ หากเจ้าหนีออกมาได้ ข้าก็แค่จับเจ้ากลับเข้าไปในผนึกเหมือนเดิม!”

“อย่างเจ้าเนี่ยนะจะมีปัญญาจับข้ากลับเข้าไปในผนึก? ฮ่า ๆ!” หมี่ลี่ ระเบิดเสียงหัวเราะ “เจ้าเนี่ยนะ?”

จางฮั่นไม่สนใจท่าทีเยาะเย้ยของหมี่ลี่ เขาเริ่มควงหอกอย่างน่าเกรงขาม สร้างแรงกดดันอันมหาศาลทำให้ซูอันและคนอื่น ๆ หวาดกลัว ต่างคนต่างคิดว่าจะต้องแหลกสลายอย่างแน่นอนหากการโจมตีนั้นมุ่งตรงมายังตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หมี่ลี่กลับพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับจางฮั่นทันที

เมื่อไม่มีใครสนใจแท่นบูชาอีกต่อไป หมอกสีดำที่เต็มไปด้วยปีศาจร้ายก็เริ่มสลายไปอย่างช้า ๆ ซูอัน ใช้โอกาสนี้แอบมาที่แท่นบูชาและช่วย เฉียวเสวี่ยอิงเอาไว้

เมื่อมองไปที่ผู้หญิงสองคน เขาถามอย่างกังวลว่า “เจ้าสองคนเป็นอะไรหรือเปล่า?”