บทที่ 325 น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 325 น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง
บทที่ 325 น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง

“ข้าไม่เป็นไร” ผู้หญิงสองคนตอบพร้อมกันอย่างไม่คาดคิด ซึ่งทำให้พวกนางต่างก็ตกใจ

ซูอันรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เขาเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเหมือนถูกภรรยาจับได้

ในท้ายที่สุดฉู่ชูเหยียนก็พูดว่า “เจ้าควรดูเสวี่ยเอ๋อร์ก่อน อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงกว่าข้ามาก”

ปากที่ถูกผนึกไว้ ทำให้เสียงของนางอู้อี้เล็กน้อย

ซูอันหันไปหาเฉียวเสวี่ยอิงและถามว่า “เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”

เฉียวเสวี่ยอิงผลักเขาออกไปและพูดว่า “ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอก”

เมื่อสังเกตเห็นรอยเลือดไหลรินที่มุมริมฝีปากของนาง ซูอันรีบกดนางลงและพูดว่า “อย่าขยับ เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าควรโคจรพลังชี่เพื่อบรรเทาอาการของตัวเอง”

โดยสัญชาตญาณที่มักจะขัดแย้งกัน เฉียวเสวี่ยอิงต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความกังวลในเสียงของเขา ในที่สุดนางก็ตัดสินใจที่จะทำตาม…

ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับท่าทีที่ผิดไปจากเดิมของพวกเขา ทั้งสองคนมักจะทะเลาะกันอย่างเผ็ดร้อนทันทีที่พบกัน แต่ตอนนี้บรรยากาศระหว่างพวกเขาดูเกือบจะเรียกได้ว่าอบอุ่น

ตึง!

จู่ ๆ เสียงหนัก ๆ ก็ดังขึ้น ทั้งสามคนหันกลับไปมองทันที ก็ได้เห็นจางฮั่นทรุดตัวลงกับพื้น

หมี่ลี่ค่อย ๆ เดินไปหาจางฮั่นและพูดว่า “ในช่วงหลายปีที่ข้าถูกผนึก ข้าสาบานว่าสิ่งแรกที่ข้าจะทำคือให้เจ้าประสบชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”

จางฮั่นหยัดกายขึ้นจากพื้นดิน แล้วกวักมือเรียกทหารดินเผาที่อยู่ข้างหลังเขา พวกมันยกอาวุธขึ้นทันทีและเล็งไปที่หมี่ลี่

หมี่ลี่จ้องมองพวกมันอย่างดุเดือดและคำราม “ข้าคือจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉินอันเกรียงไกร! ใครกล้าดูหมิ่นข้าก็เข้ามา!”

ทหารดินเผาเก็บอาวุธลงทันทีและหันหลังกลับราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ข้าสาบานเลยว่าไม่เคยเห็นทหารที่ทำตัวเป็นนกสองหัวไปมากกว่านี้แล้ว! ซูอันคิดในใจ

จางฮั่นไม่คาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้เช่นกัน เขาคำรามใส่ทหารดินเผาอย่างโกรธจัด “นางถูกฝ่าบาทปลดจากตำแหน่งแล้ว! พวกเจ้าจะกลัวนางไปทำไม?!”

แม้ว่าเขาจะตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว ทหารดินเผาก็ไม่ตอบสนองอะไรราวกับว่าเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา

หมี่ลี่หยุดฝีเท้าและวาดมือโบกแขนเสื้อ เกิดลำแสงสีแดงส่องประกายไปทั่วอากาศ และมือที่ถือหอกของจางฮั่นก็ขาดหล่นลงบนพื้น

ซูอัน เฉียวเสวี่ยอิง และฉู่ชูเหยียนถึงกับเบิกตากว้าง จางฮั่นเป็นคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้แม้แต่น้อยต่อให้พวกเขาจะสู้สุดตัวแค่ไหนก็ตาม แต่ทว่าหมี่ลี่กลับสามารถตัดมือของอีกฝ่ายได้เพียงแค่โบกแขนเสื้อของนาง

ความแตกต่างในระดับการบ่มเพาะนั้นยิ่งใหญ่มากจนทั้งสามคนทำอะไรไม่ถูก!

หมี่ลี่สะบัดแขนเสื้อ ราวกับว่าแขนเสื้อนางเพิ่งได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่สะอาดมา นางจ้องจางฮั่นอย่างเย็นชาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าควรตัดอะไรต่อดี?”

จางฮั่นถอยกลับไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่ได้หวั่นกลัวอย่างที่หมี่ลี่คิดไว้ “ข้ายอมรับว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่เจ้าคิดว่าถ้าผนึกแตก ฝ่าบาทจะไม่เตรียมอะไรไว้จัดการกับเจ้าเลยเหรอ?”

แววตาของหมี่ลี่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน “เขาเตรียมอะไรไว้?”

“เป็นเพราะความทรงจำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับเจ้า องค์ฝ่าบาทจึงเลือกที่จะผนึกเจ้าไว้แทนที่จะฆ่าเจ้า…” จางฮั่นตอบกลับ

ก่อนที่เขาจะพูดจบ หมี่ลี่ได้พูดแทรกอย่างเยาะเย้ย “อย่างกับเขาสามารถฆ่าข้าได้จริง ๆ งั้นแหละ!”

“เป็นความจริงที่ตอนแรกองค์จักรพรรดิไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่ต่อมาในที่สุดฝ่าบาทก็พบบางสิ่งที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าถูกผนึกไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงมอบมันให้ข้าในกรณีที่เกิดเหตุร้ายขึ้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะต้องใช้มันจริง ๆ!” จางฮั่นตอบ

“ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าอะไรที่สามารถฆ่าข้าได้!” หมี่ลี่เย้ยหยัน โดยไม่ได้คิดถึงท่าทีคุกคามของจางฮั่น

“เจ้าเคยได้ยินเรื่อง ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ หรือไม่?

“น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง?” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว นางไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

“เจ้าไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าถูกผนึก” จางฮั่นเริ่มนึกถึงอดีต “มีอยู่ครั้งหนึ่งที่องค์จักรพรรดิเสด็จออกจากวังหลวง แต่แล้วองค์ฝ่าบาทกลับเผชิญกับพายุที่ศาลเจ้าเซียงและไม่สามารถข้ามแม่น้ำได้ ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงถามโหรหลวงว่า ‘เซียง’ ผู้ที่ถูกบูชาในศาลเจ้านี้เป็นผู้ใด ซึ่งโหรหลวงตอบว่า นางเป็น ‘ลูกสาวของเหยา’ และ ภรรยาของชุน*[1] ร่างของนางถูกฝังไว้ที่นี่

“องค์จักรพรรดิในอดีตทรงกริ้วต่อ ‘เซียง’ หาว่านางต่อต้านพระองค์ จึงสั่งให้ทหารตัดต้นไม้บนภูเขาเซียงทั้งหมด

“แต่ทันใดนั้น หยดน้ำสีแดงก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและย้อมพื้นรอบ ๆ ภูเขาเซียงให้เป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ทหารทุกคนที่สัมผัสกับพื้นสีแดงจะแหลกสลายเป็นฝุ่นผง การเผชิญหน้าครั้งเดียวนั้นคร่าชีวิตทหารองครักษ์ขององค์จักรพรรดิไปกว่าครึ่ง และแม้แต่ตัวพระองค์เองก็เกือบจะแหลกสลายไปด้วยเช่นกัน ต่อมาเกิดการคาดเดาว่าหยดสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธเกรี้ยวของแม่นางเซียง ซึ่งเป็นบทลงโทษอันศักดิ์สิทธิ์ต่อผู้ที่ไม่เคารพนาง”

“องค์จักรพรรดิทรงสั่งให้โหรหลวงนำกลุ่มผู้บ่มเพาะเข้าไปในภูเขาเซียงและสกัดพิษร้ายแรงสามหยดจากที่นั่น พิษดังกล่าวเป็นที่รู้จักในนาม ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ องค์จักรพรรดิทรงเก็บไว้หนึ่งหยดโดยพระองค์เอง และทรงฝากอีกสองหยดไว้กับข้า เผื่อว่าเจ้าจะหลุดออกจากผนึกมาได้”

หมี่ลี่เย้ยหยัน “เจ้ายกยอมันซะเลิศลอย แต่ข้าไม่เชื่อว่าพิษใด ๆ ในโลกนี้จะน่าทึ่งขนาดนั้น”

จางฮั่นถอนหายใจ ก่อนจะมองไปที่ทะเลสาบและกล่าวว่า “ความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ของเซี่ยงอวี่ส่งผลให้ทหารฉินเสียชีวิตไป 200,000 นาย แต่เจ้าควรรู้ว่าทหารเหล่านั้นเป็นชนชั้นสูงของราชวงศ์ฉินของเรา ในหมู่พวกเขามีผู้บ่มเพาะหลายคน พวกเขาไม่มีทางพ่ายแพ้ได้ง่าย ๆ”

หัวใจของหมี่ลี่สั่นเทาและนางก็โพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าใช้พิษนั่นกับพวกเขาเหรอ?”

“แน่นอน” จางฮั่นตอบพร้อมพยักหน้า เสียงของเขาสั่น “และนั่นเป็นเพียงแค่หยดเดียว ทว่าทหารชั้นยอด 200,000 นายของราชวงศ์ฉินก็พลันสลายเป็นฝุ่นผง”

ใบหน้าของหมี่ลี่มืดลง และในเวลาเดียวกันนางก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่มือขวาของนาง ดังนั้นนางจึงยกขึ้นมาดูและสังเกตเห็นว่าขณะนี้มีหยดสีแดงบนฝ่ามือของนาง และยิ่งไปกว่านั้นมีเส้นสีแดงค่อย ๆ แตกระแหงออกจากหยดสีแดงลามไปเรื่อย ๆ จนถึงข้อศอกของนางแล้ว!

“สลายออกไป!” หมี่ลี่ตะโกน

คลื่นพลังอันรุนแรงพุ่งออกจากร่างกายของนาง พร้อมกับที่นางพยายามโคจรพลังชี่ไปทำลายหยดสีแดง

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้านางก็ขมวดคิ้ว หยดสีแดงนี้ถึงแม้จะเล็กจิ๋วแต่มันก็ทนทานอย่างน่าเหลือเชื่อ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเผชิญกับพิษ พลังชี่ของนางกลับสลายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือทำให้การแพร่กระจายของพิษช้าลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ไม่มีประโยชน์ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ เป็นพิษที่สามารถฆ่าได้แม้แต่เซียนปฐพี แล้วเจ้าจะต้านทานมันได้อย่างไร?

จางฮั่นไม่ได้มีความสุขจากการทำเช่นนี้ เขามีเพียงความกลัวและความโหยหา เห็นได้ชัดว่าพิษได้เตือนเขาถึงอดีต ทำให้ความรู้สึกผิดและอารมณ์ต่าง ๆ ผุดขึ้นมาในจิตใจของเขาอย่างท่วมท้น

ซูอันกับหญิงสาวทั้งสองต่างก็ตกตะลึง เมื่อครู่นี้เองที่หมี่ลี่ได้ตัดแขน จางฮั่นอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้…ใครจะไปคิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันไปได้ขนาดนี้

ซูอันรู้ว่าถ้าหมี่ลี่ถูกจัดการ พวกเขาจะต้องกลายเป็นเหยื่อของจางฮั่น แน่นอน ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะยอมรับผลลัพธ์นี้ได้หลังจากที่ได้ทำทุกอย่างเพื่อปลดปล่อยหมี่ลี่ออกมา เขาตะโกนทันทีว่า “ตัดมือของท่านซะ พิษจะได้ไม่แพร่กระจาย!”

“ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ หากสามารถจัดการได้ง่าย ๆ มันจะสามารถฆ่าเซียนปฐพีได้อย่างไร? หากพิษได้แพร่กระจายไปแล้ว แม้ว่าจะตัดมือของนางตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้”

หมี่ลี่หันศีรษะของนางและมองไปที่ซูอัน ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่อยากให้ข้าตายงั้นเหรอ?”

“ข้าจะปรารถนาให้พี่สาวตายได้ยังไง? และยิ่งไปกว่านั้นความงามของท่านทำให้ท่านดูน่าพึงพอใจมากกว่าจางฮั่นเป็นไหน ๆ!”

[1] ทั้งเหยาและชุนเป็นผู้ปกครองในตำนานของจีนโบราณ