บทที่ 326 วิธีรักษาที่น่าตกตะลึง
บทที่ 326 วิธีรักษาที่น่าตกตะลึง
ฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงชำเลืองมองกันและกัน เจ้านี่มันหน้าด้านจริง ๆ ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงขนาดล้อเลียนผีดิบหญิงที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ ไม่กลัวตัวเองสลายกลายเป็นฝุ่นเหรอ?
ในมุมมองของพวกนาง มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ ดังนั้นแม้ว่าหมี่ลี่จะดูสวยงามเพียงใด พวกนางก็ลงความเห็นว่าหมี่ลี่เป็นผีดิบเช่นเดียวจางฮั่นและผีดิบตัวอื่น ๆ
จางฮั่นก็พูดไม่ออกเช่นกัน เดี๋ยวนะ นี่เจ้าด่าข้าทางอ้อมว่าข้าขี้เหร่งั้นเหรอ?!
—
ท่านยั่วยุจางฮั่นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!
—
“เจ้ารนหาที่ตายเองนะ!”
จางฮั่นกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำพุ่งเข้าหาซูอันทันที เขาอาจจะสูญเสียมือไป แต่ความแตกต่างในระดับการบ่มเพาะของพวกเขานั้นยังห่างชั้นกันมาก และแม้ว่าเขาจะสูญเสียขาไปอีกสักข้าง เขาก็ยังสามารถฆ่าซูอันได้อย่างง่ายดาย
ซูอันสามารถหลบการโจมตีด้วยทักษะการเคลื่อนไหวของเขาได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับเฉียวเสวี่ยอิงและฉู่ชูเหยียนที่อยู่ข้างหลังเขาถ้าชายหนุ่มทำเช่นนั้น? ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกัดฟันและพยายามป้องกันการโจมตีด้วยกระบี่ไท่เอ๋อร์
ในทางกลับกัน หมี่ลี่ก็โบกแขนของนาง และกระบี่ไท่เอ๋อร์ก็พุ่งออกจากมือของซูอันและเจาะทะลุหน้าอกของจางฮั่นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แรงกระแทกผลักจางฮั่นกระเด็นไปจนสุดทางฝั่งตรงข้ามและตรึงเขาไว้กับผนังถ้ำ
จางฮั่นก้มศีรษะลง และเห็นกระบี่ไท่เอ๋อร์ปักอยู่ที่หน้าอกของเขา แววตาบ่งบอกถึงการปล่อยวางแล้วพึมพำเบา ๆ ว่า “ก็ดีเหมือนกันที่ทุกอย่างจบลง ข้าทรมานอยู่ที่นี่มาหลายพันปีแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับสู่พื้นปฐพี…”
เสียงของเขาค่อย ๆ ขาดหาย ศีรษะของเขาห้อยตกลงมาในที่สุด ก่อนที่จะหายใจเป็นเฮือกสุดท้าย…
ซูอันยกนิ้วโป้งให้หมี่ลี่ และพูดว่า “ว้าว! ท่านฆ่าจางฮั่นได้ในครั้งเดียว! ความนับถือของข้าที่มีต่อพี่สาวเอ๊ยไม่สิ…พี่หญิงใหญ่พรั่งพรูออกมาราวกับกระแสน้ำที่ไม่มีทางหยุดยั้ง…”
“เจ้าทึ่ม!” หมี่ลี่พูดแทรกอย่างไม่อยากฟังจนจบ “ข้าจะฆ่าเขาได้ง่ายขนาดนี้ได้ยังไง? เขาแค่หมดแรงใจที่จะอยู่ต่อแล้วต่างหาก!”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ซูอันมองไปที่จางฮั่น และในทันใดเขาก็รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายขึ้นมา
จางฮั่น เป็นแม่ทัพที่ยืนหยัดอยู่ข้างหน้าเสมอในช่วงเวลาวิกฤตของราชวงศ์ฉินและหันหลังให้กับพวกกบฏ หลายคนคิดว่าเขาจะเป็นผู้กอบกู้ที่จะฟื้นคืนชีวิตให้กับราชวงศ์ฉินที่กำลังจะตาย แต่เขาก็ต้องจำนนต่อศัตรูหลังจากพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ แค่นั้นยังไม่พอ เขายังทำให้ทหารชั้นยอด 200,000 คนสุดท้ายของราชวงศ์ฉินต้องล้มตายอีกด้วย
จากวีรบุรุษกลายเป็นอาชญากรในทันที ความรู้สึกผิดต้องคอยกัดกินหัวใจของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน…
ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ได้ผลักดันให้เขาต้องอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นไปได้มากว่าการที่ซูอันปลอมตัวเป็นอิ่งเจิ้ง การกลับมาของหมี่ลี่ และการแก้แค้นของวิญญาณชั่วร้าย 200,000 ดวงได้สะกิดความทรงจำของเขาในอดีตที่ตัวเขาพยายามเพิกเฉยมาจนถึงทุกวันนี้ จนทำให้เขาตัดสินใจเลือกความตายในที่สุด
บางทีอาจเป็นเพราะผู้อื่นได้ล่วงรู้ความในใจของเขา ร่างกายของจางฮั่นก็เริ่มสลายไปกับสายลม
เชือกสีดำที่มัดฉู่ชูเหยียนไว้ได้หายไปพร้อมกับความตายของจางฮั่น เช่นกัน ซูอันรีบดึงนางลงจากแท่นบูชา “ที่รัก เจ้าเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”
“ข้าไม่เป็นอะไร” ฉู่ชูเหยียนยังคงหายใจได้อย่างปกติ แต่เนื่องจากเส้นลมปราณที่เสียหายของนาง จึงทำได้เพียงทรุดตัวลงในอ้อมกอดของเขาอย่างอ่อนแรง
เมื่อเห็นว่าฉู่ชูเหยียนไม่เป็นอะไรมากนอกจากร่างกายที่อ่อนแรง ซูอัน จึงรีบอุ้มนางไปที่ด้านข้างของเฉียวเสวี่ยอิงเพื่อให้ดูแลแทนเขาไปก่อน จากนั้นเขาจึงรีบไปหาหมี่ลี่ “พี่หญิงใหญ่ ท่านไม่เป็นไรนะ?”
“เจ้าแค่อยากถามข้าว่าทำยังไงภรรยาเจ้าถึงจะรอดใช่ไหม?” หมี่ลี่อ่านความคิดของเขาออกทันทีและพูดอย่างเย็นชา
ซูอันยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า “ข้าก็เป็นห่วงท่านเหมือนกัน มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?”
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หมี่ลี่ เพื่อดูว่าแขนของนางเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม หมี่ลี่ก็โบกมือผลักเขาออกไปไม่ให้มอง นางพูดอย่างเย็นชา “พิษแค่นี้จะทำให้ข้าเป็นอะไรได้?”
“ดีแล้ว ดีแล้ว” ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่หญิงใหญ่ ท่านช่วยบอกวิธีรักษาภรรยาของข้าตามสัญญาได้ไหม?”
หมี่ลี่มองไปที่ซูอันและฉู่ชูเหยียน แววตานางสั่นไหวเล็กน้อย ดูเหมือนนางกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบาก
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ
อย่างไรก็ตาม หมี่ลี่เพียงแค่ส่ายหัวและมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
ฉู่ชูเหยียนพูดอย่างอ่อนแรงว่า “เส้นลมปราณที่ถูกทำลายของข้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย เจ้าอย่าทำให้นางลำบากใจ เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าสัญญาว่าต่อไปข้าจะไม่พยายามจบชีวิตตัวเองอีก”
หลังจากที่ซูอันและเฉียวเสวี่ยอิงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยนาง แม้ว่านางจะคิดว่าชีวิตของนางไร้ความหมาย แต่หลังจากนี้นางตั้งใจว่าจะไม่ทำให้การเสียสละที่พวกเขาทำเพื่อนางไร้ค่าด้วยการจบชีวิตของนางเอง
หมี่ลี่บ่นอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกับข้า การช่วยเจ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าแค่กำลังคิดเรื่องอื่น”
ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนี้ “พี่หญิงใหญ่ ถ้างั้นโปรดบอกข้ามาทีเถอะ!”
ฉู่ชูเหยียนเองก็เกิดความหวังอันริบหรี่ขึ้นเช่นกัน แม้นางจะพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่นางก็เป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่มีทางที่นางจะพอใจกับการใช้ชีวิตแบบคนพิการไปตลอดชีวิต
ในขณะเดียวกัน เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกทึ่งกับคำพูดของหมี่ลี่ จากความรู้ของนาง ไม่มีอะไรในโลกที่สามารถกู้คืนเส้นลมปราณที่ถูกทำลายได้ นางอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า…หมี่ลี่จะใช้วิธีไหนกันแน่?
“เจ้าไม่ได้เรียนรู้ ‘วิชาปฐมบทแรกเริ่ม’ มาแล้วหรือไง? พลังปฐมบท คือพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่กำเนิดโลก เจ้าสามารถใช้มันเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของผู้อื่นได้” หมี่ลี่กล่าว
หัวใจของซูอันเต้นผิดจังหวะ “เดี๋ยวนะ… ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าได้เรียนรู้ วิชาปฐมบทแรกเริ่ม?”
“เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้เหรอว่าอิ่งเจิ้งปิดผนึกวิชาปฐมบทแรกเริ่มไว้ใน กระบี่ไท่เอ๋อร์? ฮึ่ม! แม้ว่าข้าจะไม่รู้ แต่ข้าก็สามารถบอกได้ตั้งแต่วินาทีที่ข้าเห็นเจ้า ร่างกายที่ได้รับการปรับแต่งโดยวิชาปฐมบทแรกเริ่มนั้นแตกต่างจากร่างกายของมนุษย์ทั่วไป”
“เข้าใจแล้ว!” ด้วยความดีใจ ซูอันรีบเดินไปหาฉู่ชูเหยียน โดยหวังว่าจะโคจรพลังปฐมบทใส่เข้าไปในร่างกายของนาง
อย่างไรก็ตาม หมี่ลี่พูดแทรกขึ้นในไม่ช้าว่า “การโคจรวิชาปฐมบทแรกเริ่มเข้าสู่ร่างกายของคนอื่นจะไม่ทำงานเช่นเดียวกับของเจ้า มันอาจจะช่วยให้นางฟื้นตัวขึ้นและพึ่งพาตัวเองได้ แต่นางจะไม่สามารถฟื้นระดับการบ่มเพาะได้”
ใบหน้าของซูอันเปลี่ยนเป็นขาวซีด “แต่ตอนนั้นท่านไม่ได้บอกข้าอย่างนี้!”
“เจ้าตกใจอะไร?” หมี่ลี่มองเขาก่อนจะพูดต่อ “ไม่นานมานี้ ข้าได้รู้อีกวิธีที่น่าจะทำให้นางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างง่าย ๆ”
“ถ้างั้นข้าต้องทำยังไง? พูดให้จบทีเดียวไม่ได้เหรอ?” ซูอันรู้สึกหงุดหงิดที่หมี่ลี่เปิดเผยข้อมูลทีละเล็กทีละน้อยน้อยราวกับพยายามจะยั่วโมโหเขา
ฉู่ชูเหยียนที่อยากจะฟื้นฟูการบ่มเพาะให้เต็มที่มากกว่าแค่ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของนาง มองไปที่หมี่ลี่ด้วยความคาดหวัง
เมื่อเห็นสายตาของนาง หมี่ลี่ก็ถามว่า “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ’ มาก่อนหรือไม่?”
“พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ?” ฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงมองตากัน และเห็นแต่ความสงสัยในสายตาของอีกฝ่าย
เฉียวเสวี่ยอิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “จากที่ข้ารู้ พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำเป็นเพียงตำนาน อันที่จริง หลายคนสงสัยในการดำรงอยู่ของมัน เนื่องจากแม้แต่ผู้บ่มเพาะที่มีความสามารถมากที่สุดในโลกก็อยู่ที่ ระดับเจียขั้นสูง (A+) เท่านั้น และมีน้อยกว่าสิบคนเสียอีก แล้วพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำจะมีอยู่จริงได้ยังไง?”
ทั้งฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิงที่จัดเป็นบุคคลขั้นอัจฉริยะก็ยังอยู่ที่ ระดับเจียขั้นต่ำ (A-) เท่านั้น ทุกระดับมีความแตกต่างกันอย่างมาก แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับเจียขั้นสูงก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง นับประสาอะไรกับพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัยถึงการมีอยู่ของมัน” หมี่ลี่กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ ซูอันและพูดต่อ “เขาคือหนึ่งเดียวคนนั้น!”
ทั้งสองหันไปมองซูอันพร้อมกันด้วยแววตาที่เหลือเชื่อ…
เขามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ? เป็นไปได้ยังไง?!