เมื่อต้องเผชิญกับคำพูดมากมายของหนีซวง เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ตกใจมากจนเกินไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเจอกับคนแบบนี้ เธอเคยพบคนที่ไร้ยางอายมากกว่าหนีซวงซะอีก
นอกจากนี้ หนีซวงทำไปก็เพื่อทีมงานรายการ เพื่อบริษัท เธอสามารถเข้าใจได้
“อาจารย์หนี ฉันอยากถามคุณเรื่องเดียว คุณต้องพูดความจริงกับฉัน” สีหน้าของเฉินฮวนฮวนจริงจังมาก
“เธอพูดมา” หนี่ซวงยืนจนเหนื่อยแล้วนั่งลงบนโซฟาอีกครั้งอย่างเกียจคร้าน
“เรื่องที่เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก ไม่เกี่ยวข้องกับซวนเลี่ยงจริงหรือ?” เธอแค่อยากรู้ความจริงของเรื่องนี้
“อย่างที่ฉันเคยพูด ไม่เกี่ยวอะไรกับซวนเลี่ยงจริงๆ คุณคิดว่าซวนเลี่ยงเป็นเพียงที่ปรึกษาที่ต่ำต้อย จะสามารถแทรกแซงการเลิกจ้างบุคลากรในบริษัทได้หรือ” หนีซวงตอบโดยไม่ลังเล
คราวนี้เฉินฮวนฮวนเชื่อแล้ว แต่เช่นเดิม ก็มีคำถามอีกข้อผุดขึ้นในใจเธอ
หรือที่เฉินเฟยหยางถูกไล่ออก เกี่ยวข้องกับเฟิงหานชวนจริงๆ? ไม่อย่างนั้น ทำไมหนีซวงถึงพูดเหมือนบอกใบ้แบบนั้น?
อย่างไรก็ตาม เฟิงหานชวนไม่รู้จักเฉินเฟยหยางซะหน่อย ทำไมต้องไล่เฉินเฟยหยางออกด้วย?
“อาจารย์หนี เฉินเฟยหยางถูกไล่ออกเป็นความต้องการของเฟิงหานชวนหรือ?” เฉินฮวนฮวนถามออกมาตรงๆ
หนีซวงตกใจ เธอไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนแกล้งโง่หรือเปล่า หรือไม่รู้จริงๆ
“ไม่ใช่ เฉินเฟยหยางทำให้คนอื่นขุ่นเคือง” หนีซวงพูดปฏิเสธอย่างถูๆไถๆ “นี่เป็นปัญหาภายในของบริษัท อย่าถามมากเกินไป อย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับซวนเลี่ยงก็แล้วกัน”
อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่เจ้านายมอบหมายให้ไล่เฉินเฟยหยางออก ต้องการให้ปิดเป็นความลับกับเฉินฮวนฮวนๆ
“อาจารย์หนี่ เนื่องจากมันไม่เกี่ยวอะไรกับซวนเลี่ยง งั้นเรื่องระหว่างซวนเลี่ยงกับหลิวเฟยเฟยคุณจัดการตามสมควรเถอะ ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก” เฉินฮวนฮวนพูดอย่างประนีประนอม
อย่างที่หนีซวงบอก หากเธอยืนยันที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ จะไม่เพียงแค่สูญเสียผลประโยชน์ของทีมงานรายการ ผลประโยชน์ของบริษัท แม้แต่ผลประโยชน์ของตัวเธอเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเฉินเฟยหยางไม่ได้ถูกซวนเลี่ยงไล่ออก ซึ่งพิสูจน์ว่าเธอกับซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยไม่ได้มีความเคียดแค้นอะไรต่อกัน
งั้นเธอก็ไม่อยากใส่ใจเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ตาม เธอมาเข้าร่วมการประกวด เพราะเธอต้องการประกวดให้ดีจริงๆ ไม่ใช่มาเพื่อค้นหาความยุติธรรม
“เฉินฮวนฮวน ถ้าคุณทำอย่างนี้แต่แรก ฉันก็จะไม่โกรธมากขนาดนี้!” หนี่ซวงยืนขึ้นตบไหล่เฉินฮวนฮวนแล้วยิ้มและพูดว่า: “เอาหล่ะ รีบกลับไปเรียนเถอะ เรื่องนี้จบแล้ว พอกลับไปเธอก็ไปขอโทษหลิวเฟยเฟยและซวนเลี่ยง”
เฉินฮวนฮวนรู้สึกน่าขัน
คนสองคนที่ทำผิดแท้ๆ เธอแค่เปิดโปงพวกเขา แต่ตอนนี้กลับให้เธอไปขอโทษพวกเขา?
เมื่อเห็นสีหน้าที่หมองของเฉินฮวนฮวน หยีซวงคิดถึงว่าเธอมีเฟิงหานชวนหนุนหลังอยู่ ดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนคำพูดว่า: “ไม่จำเป็นต้องขอโทษ คิดซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เธออย่าพูดอะไรทั้งนั้นก็พอแล้ว”
แม้ว่าเธอจะแน่ใจว่าเฉินฮวนฮวนเป็นเพียงของเล่นของเฟิงหานชวน แต่เธอก็เป็นคนของเฟิงหานชวน เธอไม่กล้าที่จะสั่งเฉินฮวนฮวนมากเกินไป
“ค่ะ อาจารย์หนี” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าเล็กน้อย หันหลังเดินออกจากสำนักงานไป
……
เมื่อเลิกเรียนในตอนบ่าย เฉินฮวนฮวนถูกกู้ไหว่เรียกไปหาตามลำพัง
หลังจากที่กู้ไหว่ถามถึงรายละเอียดที่มาที่ไปอย่างชัดเจน แสดงว่าเขาก็เห็นด้วยกับวิธีการของหนีซวง
“ที่ผู้อำนวยการหนีพูดก็ไม่ผิด หากบริษัทรู้สึกว่าเสียผลประโยชน์ ก็จะเอาความโกรธไปลงที่ตัวคุณ ดังนั้น……การปล่อยซวนเลี่ยงและหลิวเฟยเฟยเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
“อาจารย์กู้ คุณคิดว่าฉันควรประนีประนอมหรือเปล่า?” เฉินฮวนฮวนอดไม่ได้ที่จะถาม
“ฉันรู้สึกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอได้ประนีประนอมแล้วไม่ใช่หรือ” กู้ไหว่ถามกลับ
เฉินฮวนฮวนก้มหัวลงอย่างหดหู่แล้วพยักหน้าเงียบ ๆ
“อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ การตัดสินใจของคุณไม่ผิด คุณมาที่นี่เพื่อประกวด ไม่ใช่เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรม” กู้ไหว่หัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะล้อเล่น
เฉินฮวนฮวนเดิมมีอารมณ์ขุ่นมัว กลับถูกกู้ไหว่ทำให้ขำได้
“หลินอวี่หยางจะต้องตามถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน คุณต้องปลอบเธอดีดี ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยหุนหันพลันแล่นของเธอ ……” กู้ไหว่พูดตรงๆ: “ตัวเธออยู่นั่น เกิดเรื่องอะไรขึ้น บริษัทจะต้องโทษคุณอย่างแน่นอน ”
“ฉันจะพูดกับหยางหยางให้ดีที่สุด” เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้ง
“เอาหล่ะ คุณกลับห้องเรียนและพักผ่อนก่อน” กู้ไหว่โบกมือ
เฉินฮวนฮวนพยักหน้าแล้วหันหลังออกจากสำนักงาน
เธอเพิ่งเดินไปถึงประตูห้องเรียนห้องสี่ ก็เห็นหลิวเฟยเฟยเดินออกมาจากห้องเรียน ทั้งสองประจันหน้ากัน
“เฉินฮวนหฮวน ในที่สุดเธอก็กลับมาซะที!” หลิวเฟยเฟยเท้ามือที่เอว ดวงตาจ้องมองด้วยความเกลียดชัง ดูแล้วน่ากลัว
“เธอมีธุระหรือ?” เฉินฮวนฮวนสีหน้าเฉยเมยมาก เธอไม่ต้องการพูดอะไรกับผู้หญิงที่ไร้ศีลธรรมอย่างหลิวเฟยเฟยเลย
“เพี๊ยะ” เสียงดังอึกทึก
เฉินฮวนฮวนเพียงรู้สึกว่ามีเสียงหึ่งหึ่งในหูและปวดแสบปวดร้อนที่แก้มของเธอ เธอรีบจับที่ใบหน้าทันที และมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าอย่างเหลือเชื่อ
“เป็นยังไง รู้สึกดีที่ถูกตบไหม?” หลิวเฟยเฟยหัวเราะสองครั้ง จากนั้นชี้ไปที่จมูกของเฉินฮวนฮวนและด่าทอว่า: “เธอมันผู้หญิงชั่วร้าย อยากทำร้ายฉัน แต่โดนทำร้ายเองน่าสมเพช !”
“ฉันรู้ว่าหวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ได้อยากไล่ฉันออก ยังไงฉันก็เป็นเด็กฝึกของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ส่วนเธอก็เป็นแค่ตัวตลกที่กระโดดขึ้นๆ ลงๆ”
“หุบปากแล้วกลับไปที่ห้องเรียนของเธอ” เฉินฮวนฮวนจ้องตาเขม็งไปที่หลิวเฟยเฟยด้วยสายตาที่เยือกเย็น
หลิวเฟยเฟยยังคงไม่หายแค้น เธอยกมือขึ้นต้องการตบเฉินฮวนฮวนอีกสองสามครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะถูกเฉินฮวนฮวนตอบโต้
“เพี๊ยะ” เพี๊ยะ” สองครั้ง เฉินฮวนฮวนตบที่แก้มซ้ายและขวาของหลิวเฟยเฟย
ตบไปสองฉาด
“หวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ไล่เธอออก ก็ไม่ไล่ฉันออกเหมือนกัน เราทั้งคู่ไม่มีใครเหนือกว่าใคร” เฉินฮวนฮวนหัวเราะเยาะและเตือนหลิวเฟยเฟยว่า: “โดยฟันต่อฟันสี่คำนี้ เธอรู้จักไหม
“อย่าแตะต้องฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุข”
หลิวเฟยเฟยเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างจับแก้มทั้งสอง จ้องเฉินฮวนฮวนตาเขม็งด้วยความโกรธ แต่ไม่กล้าตอบโต้กลับอีก
อย่างที่เฉินฮวนฮวนพูด ทั้งสองคนจะไม่ถูกไล่ออกจากหวาเถิงเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เพราะค่ายฝึกใกล้จะสิ้นสุดและทีมงานรายการไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเด็กฝึกอย่างแน่นอน
บรรดาเด็กฝึกทั้งหนึ่งร้อยคนเหล่านี้ เพิ่มขึ้นอีกคนไม่ได้ น้อยลงอีกคนก็ไม่ได้ เป็นแผนงานที่ถูกวางไว้แล้ว
นั่นก็เป็นเหตุผลที่ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องของเธอและซวนเลี่ยง แต่ทั้งคู่ก็ยังรอดออกมาได้ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ต้องการลงโทษพวกเขา แต่เพราะในสายตาของบริษัท มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น
“เฉินฮวนฮวนแค้นนี้ฉันจะจำไว้! เธอคอยดูต่อไป!” หลิวเฟยเฟยทิ้งคำเหล่านี้และจากไปอย่างโกรธแค้น
เฉินฮวนฮวนมองไปที่ด้านหลังของหลิวเฟยเฟย ไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกว่าที่โดนตบเมื่อครู่ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย
เพราะในใจของเธอคิดถึงแต่คำพูดที่หนีซวงกล่าวเมื่อตอนเที่ยง
หนีซวงกล่าวว่า สำหรับเฟิงหานชวนแล้วตัวเธอเองเป็นแค่ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงดู…