ตอนที่ 189 วิธีการต่อสู้ธรรมดา (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 189 วิธีการต่อสู้ธรรมดา (1)
ในขณะนี้ สายน้ำทั้งสี่สายพุ่งไหลผ่านไปในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองท้องทะเลลึกแห่งนี้ พวกเขาผ่านบ้านม้าน้ำ ผ่านถนนปลาดาว และตรงไปจนถึงสถานที่ที่อ๋าวอี่ติดอยู่ในวงล้อม

บัดนี้ ทั่วทั้งเมืองนี้ล้วนถูกโจมตีจนกลายเป็น ‘โจ๊กทะเลเกอต่า[1]’ แล้ว

ปรมาจารย์จากทั้งสองฝ่ายต่างยังคงผลัดกันรุกรับไปมา ในขณะนี้ ผู้อาวุโสหัวมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดของทางฝ่ายของอ๋าวอี่ถูกปรมาจารย์แห่งเผ่าทะเลสิบกว่าคนรุมปิดล้อมโจมตี …

ส่วนเผ่าเงือกก็ยังคงขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยเหตุที่ในยามนี้ ทั้งเมืองถูกปิดล้อมเอาไว้ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ จึงโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง

แต่ก็ไม่เป็นไร…

เพราะมีปรมาจารย์สองคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินที่มั่นคงอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีทางยอมให้อ๋าวอี่เป็นอะไรไปได้

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเป็นปรมาจารย์ผู้ทรงพลังแข็งแกร่งที่แท้จริงในใต้หล้า เขาเป็นหนึ่งในศิษย์ไม่กี่คนของจอมปราชญ์เทพไท่ชิงที่สามารถเปิดใช้งานแผนภาพไท่จี๋ เจดีย์วิจิตรเทียนตี้เสวียนหวง และสมบัติอื่นๆ ได้ตลอดเวลา แล้วจะนับประสาอะไรกับการปราบปรามสถานที่แห่งนี้ และกระทั่งจะปราบเผ่าเงือกทั้งหมด ล้วนใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ในขณะนั้น แม้หลี่ฉางโซ่วจะถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่พามาทำงานหนักดุจดั่งกรรมกร แต่เขาก็มีแผนการอยู่ในใจแล้ว…

แม้ครั้งนี้จะเป็นการตอบสนองเพียงชั่วคราวเพื่อรับมือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเท่านั้น แต่เขาก็มีแผนรับมือที่ครอบคลุมทั้งหมดเอาไว้แล้ว ซึ่งจะบรรลุผลสำเร็จได้โดยใช้หินเพียงหนึ่งก้อนสังหารวิหคได้ถึงสามสี่ตัว ซึ่งจะเป็นก้าวเล็กๆ ที่ช่วยผลักดันภารกิจนำเผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์ให้สำเร็จได้

ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ที่ลานแห่งหนึ่ง เขาหลับตาเพ่งสมาธิเพื่อควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเฝ้ามองดูด้วยความสนใจด้วยอยากรู้ว่า หลี่ฉางโซ่วจะทำลายศัตรูได้อย่างไร

ทว่าเมื่อได้ดูไปเรื่อย ๆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ยิ่งรู้สึกสนุก

ในเวลานี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ใช้หลีกลี้วารีเร้นกายเพื่อไหลแทรกซึมเข้าไปอยู่ในละแวกใกล้กันกับร่างของอ๋าวอี่โดยไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้ตัว ในขณะนั้น มีทหารรักษาการณ์อยู่สามสิบถึงสี่สิบคนอยู่รอบกายอ๋าวอี่ ซึ่งบัดนี้ มีเหล่าปรมาจารย์เซียนจินกำลังต่อสู้กันอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวัง และทหารรักษาการณ์เผ่าทะเลที่อยู่รอบๆ อ๋าวอี่นั้น ผู้ที่ครองฐานพลังปราณสูงสุดอยู่เซียนเทียนระดับกลาง และในอีกด้านหนึ่งนั้น ก็มีพวกกบฏที่เป็นเซียนเทียนมากกว่าสิบคนและเซียนเสิ่นมากกว่าห้าสิบคนอยู่รอบตัวอ๋าวอี่

หลี่ฉางโซ่วค้นพบว่ามีเซียนเทียนสองสามคนที่มีกลิ่นอายแปลกๆ อยู่ในหมู่กองทัพกบฏเหล่านี้ มันคล้ายกับหุ่นเชิดยุงเลือดในเวลานั้น

ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินที่ควบคุมพวกมันอยู่ น่าจะแอบซ่อนอยู่ในที่ลับ และคอยเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ลับหลัง…

ข้าจะทำอย่างไรดี เพื่อให้นางรู้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่?

ข้าเองก็ไม่รู้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะสามารถหาร่องรอยของนางได้หรือไม่ จะได้ลงมือสังหารให้จบสิ้นอย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัย

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ใช้เวลาเพื่อช่วยอ๋าวอี่ตีฝ่าวงล้อมออกไปมากนัก แค่ใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีพลังการต่อสู้ธรรมดาก็เพียงพอแล้ว

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกวงล้อมโจมตี แขนเสื้อของพวกมันแต่ละตัวแกว่งไกวไปมาแล้วปล่อย… ชุดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกสิบหกตัวออกมา…ชั่วขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูรู้สึกเพลิดเพลินสนุกสนานอย่างยิ่งพลางกล่าวหยอกล้อว่า “ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมามากขึ้น ช่างมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มากมายเสียจริงๆ! เจ้าช่างเป็นคนน่าสนใจยิ่งนัก”

หลี่ฉางโซ่วหันศีรษะไปยิ้มอย่าง ‘เขินอาย’ เวลานี้ เขาจะถือว่าท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เอ่ยคำชมให้กับกลยุทธ์การต่อสู้ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขา จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ต้นกำเนิดทั้งสิบหกตัวก็พุ่งไปทางด้านหลังของพวกกบฏแล้วกอดร่างปรมาจารย์เซียนเทียนของคู่ต่อสู้เอาไว้อย่างรวดเร็ว และก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบโต้ พวกมันก็ระเบิดทำลายตัวเองและปล่อยหมอกพิษออกมาทันที!

ทันใดนั้น ก็มีหมอกหนาทึบปรากฏขึ้นในน้ำทะเล!

ในเวลานั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกสี่ตัวที่เหลือก็ถือของกันมา โดยขนส่งไปจากทางซ้ายและขวา

กระบี่และขลุ่ยในมือของพวกมันล้วนหาใช่กระบี่และขลุ่ยไม่ ท่อยาสูบในมือของพวกมันก็หาใช่ท่อยาสูบเช่นกัน และมีดขนาดใหญ่ในมือของพวกมัน ก็หาใช่มีดเช่นกัน…

แต่ล้วนเป็นเครื่องมือเวทที่ใช้ปล่อยพิษให้กระจายออกไปได้!

หลี่ฉางโซ่วใช้เวลาสองปีเพื่อหลอมโอสถพิษที่มีมูลค่ารวมราวๆ สมบัติอมตะชั้นยอดหกชิ้นขึ้นมา ทว่าพวกมันกลับถูกสาดกระจายออกไปในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น!

สิ่งที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ต้องทำก็คือ ควบคุมทิศทางของหมอกพิษ และผงพิษที่ถูกปล่อยกระจายออกไปเพื่อให้ถูกกลุ่มคนที่กำลังรุมล้อมโจมตีอ๋าวอี่อย่างเต็มที่

แล้วไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มกบฏหลายร้อยคนที่รุมล้อมพวกของอ๋าวอี่เหล่านั้น ก็ล้มลงไปกับพื้น ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก

พวกเขาส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะมีเวลาหันกลับไปมองว่า เป็นผู้ใดอยู่เบื้องหลังการลอบโจมตีพวกเขา ปราณวิญญาณของพวกเขาก็ได้รับพิษเข้าไปแล้ว

ทันทีหลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ดูเหมือนสตรีชราก็ตะโกนออกมาว่า “บรรดาผู้ที่อารักขาองค์ชายอ๋าวอี่ จงอย่าได้ชะล่าใจ! หากต้องพิษเข้าไปด้วย หญิงชราอย่างข้า ก็ไม่มียาถอนพิษให้เช่นกัน!”ดังนั้น จงรวมตัวกันรอบกายองค์ชายอ๋าวอี่เอาไว้

ทันใดนั้น กลุ่มของปรมาจารย์เผ่าทะเลที่คุ้มครองอ๋าวอี่ ล้วนเงียบงัน กายสั่นสะท้าน และเข้ามาเบียดเสียดกันอยู่รอบๆ ร่างอ๋าวอี่

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่นั้นเคลื่อนไหวสอดคล้องไปพร้อมๆ กัน เพื่อช่วยให้หลี่ฉางโซ่วไม่ต้องทุ่มเทบากบั่นให้เปลืองแรงมากนัก

จากนั้น พวกมันต่างก็ใช้เครื่องมือเวทของตนเพื่อเก็บน้ำทะเลที่เจือปนผงพิษกลับมา ซึ่งจะสามารถนำกลับมาใช้อีกครั้งได้ในภายหลัง

หลังจากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ก็ปล่อยไข่มุกสะกดวิญญาณแปดเม็ดออกมาดูดซับวิญญาณที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในสนามต่อสู้อย่างรวดเร็ว และยังสาดเพลิงสมาธิแท้ออกไปอีกด้วย

ด้วยเหตุที่อยู่ในน้ำทะเล จึงทำให้พลังเพลิงสมาธิแท้ที่ปล่อยออกมาอ่อนกำลังลงเล็กน้อย และเผาได้เพียงแค่ซากศพที่เผาได้ง่ายมาก

ในขณะที่เปลวเพลิงแผดเผากำลังลุกโชนโหมกระหน่ำ เหล่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่แต่ละตัว ก็ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาอีกตัวละสามตัว รวมแล้วก็เป็นสิบสองตัว แล้วแต่ละตัวก็กลายเป็นนักพรตเต๋าที่มีเมตตาสิบสองคน

พวกเขาแต่ละคนถือปลาไม้ ระฆังสะกดวิญญาณ และไม้ตีกลอง พวกเขาตีและเคาะสิ่งของเหล่านี้ไปรอบ ๆ ในขณะที่ท่องมนตราแห่งการหลุดพ้น มนตราแห่งความตายและมนตราปราบภัยพิบัติ

กลุ่มของปรมาจารย์เผ่าทะเลล้วนมองหน้ากันและกันในขณะที่อ๋าวอี่ก็ตะลึงงันเช่นกัน…

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกชัดเจนว่า ยังมีความรู้ตื้นเขินนัก ราวกับปลาในบ่อน้ำที่เฝ้าดูท้องฟ้าไปวันๆ แต่วันนี้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาเห็นโลกใบใหม่แล้ว…

“สหายเต๋าทั้งสี่เป็นผู้ใดกัน?” “เหตุใดถึงมาช่วยพวกเรา?”

“พวกเขาน่าจะเป็นมนุษย์ พวกเขา… พิเศษยิ่ง! หลังจากฆ่าศัตรูแล้ว พวกเขายังจัดการกับศพโดยตรง พวกเขายังท่องมนตราเหล่านั้นและทำพิธีล้างบาปให้อีกด้วย!”

“เราไม่อาจเรียนรู้มันได้ ไม่อาจทำได้”

แล้วศพเหล่านั้นก็ถูกเพลิงสมาธิแท้แผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างรวดเร็ว และขี้เถ้าของซากศพก็ถูกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าสี่นำมารวมกันแล้วละลายลงไปในน้ำทะเล

ในภพหน้า จงทำตัวเป็นคนดีเถิด

จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ก็หันหลังกลับแล้วล่าถอยไป

กระบวนการทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เหล่าทหารเผ่าทะเลที่อยู่รอบๆ อ๋าวอี่จะตกตะลึง งงงัน ทว่าแม้แต่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เช่นกันในขณะที่เขามองจากด้านข้าง

อะไรกัน? ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แห่งพลังเวทสามสิบหกแห่งเทียนกังของสำนักบำเพ็ญเต๋า ถูกนำมาใช้ในลักษณะเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?

อ๋าวอี่โอบร่างเจ้าหญิงเงือกน้อยเอาไว้ขณะร้องตะโกนบอกเหล่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ว่า “ผู้อาวุโส โปรดรอก่อน โปรดให้ข้าได้กล่าวขอบคุณพวกท่านสักหน่อยเถิด!”

ทว่าหญิงชราหันกลับมาแย้มยิ้ม แล้วกล่าวประโยคหนึ่งทิ้งเอาไว้

“พวกข้ามาที่นี่ด้วยพระบัญชาจากฝ่าบาทเพื่อช่วยองค์ชายรองให้รอดพ้น ดังนั้นองค์ชายไม่จำเป็นต้องขอบคุณพวกข้า”

กล่าวจบ นางก็หันหลังเดินจากไปเรื่อยๆ

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสี่ยังไม่ได้ออกไปไกล ก็กลายเป็นสายธารสี่สาย จากนั้นเมื่อพบที่พักของชนเผ่าทะเลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สนามรบโกลาหลแห่งนี้ พวกมันก็ซ่อนตัวอยู่ในนั้นเพื่อรอการถูกเปิดใช้งานอีกครั้งในภายหลัง

เวลานี้ ยังคงมีพวกกบฏกลุ่มใหญ่ที่ปิดล้อมอ๋าวอี่ที่นี่ เหล่าทหารแห่งเผ่าทะเลจะซุ่มโจมตีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในขณะที่พวกของอ๋าวอี่ก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน…

หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ยังคงคอยปกป้องอ๋าวอี่อยู่ตลอดเวลา มันก็จะถูกปิดล้อมเช่นกันและทำให้ยากต่อการควบคุมสถานการณ์

ดังนั้นการซ่อนตัวและคอยตอบโต้การปิดล้อมต่อไปนั้น ย่อมเป็นวิธีเดียวที่จะจัดการศัตรูผู้แข็งแกร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลี่ฉางโซ่วประเมินความสูญเสียของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างรวดเร็ว

โอสถพิษใช้ไปสองในสิบส่วน และใช้พลังเซียนไปสองในพันส่วน ในขณะที่เครื่องมือเวททั้งสี่ล้วนไม่สามารถถูกใช้ได้ชั่วคราวและจำเป็นต้องเติมพิษใหม่

โดยรวมแล้ว ก็นับว่าการต่อสู้ครั้งนี้ได้ผลไม่เลว

………………………………………………………………….

[1] เกอต่าเป็นอาหารประเภทแป้งที่ใช้แป้งผสมน้ำคนให้เป็นก้อนและเทลงในน้ำเดือด เติมเนื้อสัตว์หรือผักตามชอบ