มุมมองของออสติน :
ความไร้น้ำหนักรอบตัวผมหายไปเมื่อกลับมายังจุดเดิมที่ผมถูกดึงตัวไป
เกมยังคงดำเนินต่อไป โดยที่ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ รวมทั้งซาบริน่าต่างก็ตกรอบกันไปแล้ว
‘เราอาจต้องมีสุดยอดเอว ถ้าทุกอย่างเป็นเช่นนี้’
ผมคิดว่าขณะเหยียดเอวจนทำให้เกิดเสียงลั่นดังออกมา ผมใช้เวลาประมาณ 4 วันกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักพอคนนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งผมก็เริ่มสงสัยว่าเธอเป็นเทพเจ้าแห่งเซ็กส์แทนรึเปล่า แต่สิ่งที่ดีก็คือผมชนะในตอนจบ
ผมครอบงำเธออย่างสมบูรณ์ในที่ที่เธอมองไม่เห็น ผมครอบงำเธอใน ‘เกม’ ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้เธอมีความหื่นมากขึ้นและนี่จะเป็นการวางกรอบสำหรับอนาคต
แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้ผมปวดหัวแล้ว แค่เรื่องไร้สาระทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอาณาจักรมนุษย์ก็ทำให้ผมยุ่งมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ยังจะมีเรื่องเลวร้ายของอาณาจักรสวรรค์เข้ามาให้ผมปวดหัวอีก
‘ให้ตายเถอะ.…พวกเทพนี่นะ….’
ผมส่ายหัวเพื่อควบคุมความรู้สึกก่อนจะกลับไปสร้างเก้าอี้ต้นไม้ตัวใหม่เพื่อนั่งลงบนนั้น เมื่อควบคุมการหายใจของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติแล้วผมก็หลับตาลงเพื่อสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นนอกโลกของเกม โดยมองผ่านคนของผม
จริงๆ แล้วผมอยู่ในเกมนี้ได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปบ้าง
‘นอกเหนือจากบางเรื่อง ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนอยู่’
เมื่อได้รับการยืนยันผมก็ยิ้มขณะเอนตัวพิงเก้าอี้ โดยที่ใบไม้อ่อนเล็กๆ เริ่มนวดตัวผมอย่างสงบ ผมเพลิดเพลินไปกับการนวดพร้อมกับหยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่านมัน อ่านไปพร้อมๆ กับตรวจสอบ ‘ของขวัญ’ ที่ลาล่ามอบให้ผมก่อนหน้านี้จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงและเวลาก็หมดลง
“บี๊บๆ! หมดเวลา!”
เสียงอันร่าเริงปลุกทุกคนให้ตื่นจากการหลับใหล และครู่ต่อมาทุกคนก็ถูกไล่ออกไป ยกเว้นผมและซาบริน่าที่จากการหมดสติแล้ว ความสับสนในดวงตาของเธอหายไปในไม่กี่วินาทีขณะที่เธอมองมาที่ผมพร้อมขมวดคิ้วหลังจากนั้นก่อนมันจะกลับกลายเป็นใบหน้าที่สงบของเธอ
“ฉันจะอยู่ภายใต้การดูแลของนายท่านค่ะ”
ซาบริน่าพูดทำให้ผมหัวเราะเบาๆ
“มะ…เธอนี่ไม่สนุกเอาซะเลยนะ”
อย่างที่ผมพูดไปว่าการจัดอันดับแสดงตัวว่าผมเป็นผู้ชนะ
ผมแน่ใจว่าลาล่าเตะคนอื่นๆ ออกไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับผม ดูเหมือนว่าการที่ผมได้เป็น ‘คนรัก’ ของเธอจะทำให้ได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับราเซลเลียหรือออร์เฟียส แต่ผมรู้สึกขอบคุณเธออยู่ เนื่องจากมันเป็นความน่ารำคาญมากที่ต้องจัดการกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์
“นี่คือรางวัลของคุณ!”
หลังจากที่เสียงจางหายไป บางสิ่งก็ส่องแสงและจางหายไปในร่างกายของผม
[ ติ๊ง! ]
[ โฮสได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเกม ]
[ จากนี้ไปโฮสจะได้รับโอกาสชนะมากขึ้น 50% เมื่อเขาเล่นเกมใดๆ ก็ตาม ]
[ โฮสได้รับความสามารถโลกแห่งเกม! ]
[ ความสามารถ : โลกแห่งเกม
คำอธิบาย : ความสามารถโดยกำเนิดของเทพธิดาที่มอบให้กับโฮสซึ่งทำให้โฮสสามารถสร้าง ‘โลก’ ของเกมซึ่งมีกฎที่กำหนดโดยโฮสได้
โฮสสามารถนำผู้คนที่ต้องการเข้าสู่โลกของเกมและทำให้พวกเขาเล่นตามกฎของโฮสได้ หากพวกเขาพ่ายแพ้โฮสสามารถดึงสิ่งที่พวกโฮสต้องการจากผู้เล่นได้ เช่น พลัง, ความสามารถ, สายเลือด…ฯลฯ
คำเตือนความสามารถนี้เป็นดาบสองคม เช่นเดียวกับที่โฮสสามารถชนะและได้รับบางสิ่งจากผู้เล่น โฮสเองก็มีโอกาสที่สูญเสียบางสิ่งไปเช่นกันเมื่อพ่ายแพ้
เฉพาะผู้ที่มีระดับพลังต่ำกว่าหรือสูงกว่าหนึ่งระดับเท่านั้นที่โฮสสามารถดึงเข้าสู่โลกของเกมได้ ]
[ ติ๊ง! ]
[ โฮสได้รับของขวัญดวงตาแห่งเกมเมอร์ ]
[ ความสามารถ : ดวงตาแห่งเกมเมอร์
คำอธิบาย : สามารถมองเห็นการโกงแม้เพียงเล็กน้อยภายในเกมได้ ดวงตาของโฮสจะถูกตกแต่งและอันตรายมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เพราะไม่มีอะไรสามารถหลอกตาของโฮสได้ ]
[ ติ๊ง! ]
[ โฮสได้รับของขวัญลูกบาศก์เกม 2 ชิ้น ]
[ ไอเท็ม : ลูกบาศก์เกม
คำอธิบาย : สามารถดักจับบุคคลตั้งแต่ระดับเทพขั้นต่ำลงมาและบังคับให้พวกเขาเล่นเกมในโลกของเกมที่รับประกันว่าพวกเขาจะแพ้ได้ ]
‘เธอบ้าไปแล้ว!’
ตอนที่ผมได้อ่านรายละเอียดของลูกบาศก์เกม ผมก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น แค่มีเจ้านี่ก็ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมได้แล้ว แถมขีดจำกัดยังเป็นเทพขั้นต่ำก็หมายความว่าถ้าผมดักจับเทพระดับต่ำได้ ผมจะสามารถริบเอาความศักดิ์สิทธิ์และพลังของเขา/เธอไปใช้เพื่อตัวเองหรือมอบให้กับคนที่ไม่มีวันทรยศต่อผมได้
‘เฮ้อ…..นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่อยากทำให้พวกเทพเป็นศัตรู’
แน่นอนว่าเนื่องจากข้อจำกัด พวกเขาไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงกระบวนการของชีวิตได้โดยตรง ยกเว้นเทพธิดาสูงสุดและเทพธิดาแห่งการสร้างสรรค์ เนื่องจากพวกเขาสามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการได้
กลับมาที่หัวข้อหลักกัน แม้ว่าผมจะทำให้เทพบางคนไม่พอใจ พวกเขาก็ไม่สามารถทำร้ายผมได้โดยตรง พวกเขาสามารถทำได้แค่มอบของขวัญที่แหกกฎเช่นนี้ให้กับผู้อื่นเพื่อให้มาจัดการกับผมเท่านั้นและผมมั่นใจว่าออร์เฟียสและราเซลเลียจะไม่ทำอะไรเลยถ้าไม่ใช่เว้นแต่ผมจะขอพวกเธอ
“รอบนี้ทำให้ฉันตื่นเต้นมาก! ฉันหวังว่าจะได้พบคุณอีกครั้งนะ~~”
คำพูดสุดท้ายกลายเป็นน้ำเสียงเซ็กซี่ ซึ่งผมไม่มีโอกาสได้โต้ตอบเลยเมื่อทั้งตัวเองและซาบริน่าถูกพาตัวออกไป
ดวงตาของผมเปิดออกไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะ โดยมีซาบริน่าที่กำลังมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ครู่หนึ่งอยู่ข้างๆ
“ดูเหมือนเธอจะต้องติดอยู่กับฉันไปอีกสักพักเลยนะ”
ผมพูดพร้อมกับยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ซึ่งซาบริน่าก็พยักหน้าอย่างเย็นชา
“เราจะไปทางไหนกันดีคะนายท่าน?”
เธอถาม ซึ่งผมก็ชี้ไปทุกด้าน
“อีก 2 วันเราจะมาสนุกกัน”
คำพูดของผมทำให้เธอสับสนในขณะที่เธอมองผมอย่างสงสัย ซึ่งผมก็ทำเพียงแค่หัวเราะเบาๆ ตอบกลับเธอไปเท่านั้น ผมมีเรื่องสำคัญสูงกว่าการวิ่งตามผู้หญิงให้ทำอยู่ แน่นอนว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย แต่กองกำลังระดับสูงบางส่วนกำลังจัดการอยู่ และพวกเขาต้องการการเฝ้าติดตาม
ยิ่งไปกว่านั้น เวลา 2 วันก็มากเกินพอแล้วสำหรับผมที่จะจุดประกายความสนใจที่แท้จริงในตัวซาบริน่า ซึ่งในไม่ช้ามันจะพัฒนาเป็นไฟอันโหมกระหน่ำที่จะครองใจเธอและจะไม่มีวันหยุดยั้ง
…..
มุมมองบุคคลที่สาม :
1 ชั่วโมงต่อมา
“ใช่ พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าพวกนั้น”
ออสตินพูดขณะที่เขาและซาบรินากระโดดเข้าไปในกลุ่มคนอันตรายที่กำลังตามล่าซาบริน่า ทำให้ชีวิตของพวกมันกลายเป็นนรก โดยที่ซาบริน่านั้นเพลิดเพลินกับการทรมานและการล่าครั้งนี้มาก
…..
3 ชั่วโมงต่อมา
“คำอธิบายนั่นมันผิดนี่หน่า!”
ออสตินพูดขณะที่เขาและซาบริน่ากำลังวิ่งหนีจากก้อนหินขนาดยักษ์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่มีวันแตกหักซึ่งกลิ้งตามมาจากด้านหลังพวกเขา
สถานที่โบราณแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากทั้ง 2 ใช้เวลาเดินทางทั้งวันเพียงแค่หลีกหนีจากอันตรายและเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้น
…..
ในคืนนั้น
“อย่าปล่อยให้มันควบคุมเธอ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันไม่ใช่เธอ”
ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงสงบขณะอุ้มซาบริน่าอยู่ในแม่น้ำที่เย็นยะเยือก ตอนนี้ความบ้าคลั่งกำลังเข้าครอบงำเธออยู่ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากออสติน เธอจึงสามารถครอบครองความพินาศภายในไว้ได้ ทำให้เธอสามารถควบคุมพลังของตัวเองได้มากขึ้น และถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนหลับสบายๆ ในช่วงพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้
…..
เย็นวันรุ่งขึ้น
“นั่นแหละหญ้าพระจันทร์”
ออสตินพูดขณะที่ตัวเขาและซาบริน่าถูกปกคลุมไปด้วยโคลนพร้อมกับมองไปที่หญ้าเรืองแสงที่มีรูปร่างเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งมีแสงสีฟ้าอ่อนนวลส่องให้เห็น แต่สิ่งที่ทำให้ซาบริน่าแทบหยุดหายใจคือภาพดอกไม้ที่สวยงามซึ่งมีรูปร่างเป็นนกที่บินอยู่ใต้แม่น้ำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า!
ซาบริน่ายกมือขึ้นขณะที่เธอสัมผัสผืนน้ำที่ไหลอยู่เหนือตัวเธอเบาๆ ความหนาวเย็นทำให้เธอรู้สึกสงบ ในขณะที่ดวงตาอันเป็นประกายของเธอเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์แห่งความงามซึ่งจะตราตรึงอยู่ในใจของเธอและสักวันหนึ่งจะพัฒนาไปสู่ความทรงจำอันล้ำค่าที่สุดของเธอ
ซาบริน่าที่มีดวงตาแวววาวหันไปทางออสตินซึ่งถือจี้ห้อยอยู่รอบคอของเขา ดวงตาของเขาวาบด้วยความเจ็บปวดลึกๆ ในขณะที่รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏบนใบหน้าของเขา
ด้วยความฉลาดพอๆ กันทำให้ซาบริน่าเข้าใจความหมายของการมองและความเจ็บปวดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ชั่วครู่หนึ่งความรู้สึกไม่สบายปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอก่อนที่มันจะหายไป
สายตาของซาบริน่าหันกลับไปมองฉากดอกไม้อีกครั้งหนึ่งในชีวิต
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต