มุมมองของออสติน :

“ตอนนี้ค่อยสนุกขึ้นหน่อย”

ผมพูดขณะนั่งมองพระจันทร์ที่กำลังตกบนท้องฟ้าพร้อมกับซาบริน่า โดยที่เธอนั่งข้างผมขณะลิ้มรสของหวานที่ผมเตรียมไว้ 

2 วันที่ผ่านมาเธอค่อนข้างผ่อนคลายแต่ก็อารมณ์เสียและพูดน้อยนิดหน่อย

แม้ว่าผมจะบรรลุเป้าหมายภายใน 2 วันนี้และได้สร้างความสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ แต่แข็งแกร่งมากกับซาบริน่าแล้ว แต่สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับเธอที่ผมได้รู้ก็คือความจริงที่ว่าเธอชอบความลึกลับและการผจญภัย, การเดินทางไปยังสถานที่ที่เธอไม่เคยรู้จัก, ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่รู้จักและเสี่ยงชีวิตเพื่อพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า

สิ่งนี้ควบคู่ไปกับความปรารถนาโดยธรรมชาติของเธอที่กระหายความรู้และชอบเอาชนะอยู่เสมอเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่หัวใจของเธอ ซึ่งผมได้สร้างรากฐานอันยิ่งใหญ่เอาไว้แล้ว สิ่งเดียวที่ต้องทำคือการค่อยๆ สร้างสิ่งต่างๆ จากมัน 

ภายในเกม ซาบริน่านั้นรู้สึกสนใจในความลึกลับของผู้กล้าที่บางทีอาจหาทางแก้ไขปัญหาของเธอได้

แต่จากที่ผมได้เรียนรู้มาคือความจริงที่ว่า ‘ความรัก’ ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขานั้นเป็น ‘ความรัก’ ประเภทที่อ่อนแอ 

มันบอบบางเพราะในเกมความรักของเธอนั้นไม่เคยยืนยาวเลย หลังจากเวลาผ่านไปได้สักพัก ‘ความรักที่อ่อนแอ’ ระหว่างเธอกับตัวละครหลักมักจะพังทลายและเธอจะทิ้งเขาไปเสมอ 

ผมใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการพยายามสร้างแผนการที่สมบูรณ์แบบเพื่อจัดการกับผู้หญิงคนนี้ภายในเกม

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นค่ะนายท่าน”

ซาบริน่าตอบโดยยังคงเพ่งความสนใจไปที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าพร้อมกับทานอาหารคำเล็กๆ น้อยๆ เนื่องจากเธอติดใจฝีมือการทำอาหารของผมแล้ว

เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ผมก็เห็นดวงจันทร์ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาที่เปล่งประกายสวยงามของเธอ 

คุณสามารถพูดได้ว่าการที่ผมได้ใช้เวลาที่นี่กับเธอนั้นทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับผู้หญิงอันตรายตัวน้อยคนนี้ที่สามารถควบคุมและฆ่าผู้อื่นได้ก็ได้ 

สุดท้ายแล้วมันก็มีบางสิ่งที่คุณจะสามารถเรียนรู้ได้จากการพบปะกับคนๆ นั้นโดยตรงเท่านั้น

ซึ่งหลังจากอยู่กับซาบริน่าได้ 2 วัน ผมบอกได้เลยว่าซักวันหนึ่งผมคงจะตกหลุมรักเธอ และก็รู้ว่าเธอถ้าเธอตกหลุมรักผมแล้ว เธอเองก็คงจะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมตกหลุมรักเธอ 

ตอนนี้อาจจะยังไม่เป็นแบบนั้น แต่ผมรู้แล้วว่าตอนนี้เธอเองก็เริ่มชอบผมขึ้นมาบ้างแล้ว

“ตั้งแต่นี้ไปเธอก็ก้าวเดินต่อไปได้แล้ว”

ผมพูดออกไปเมื่อเห็นระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในดวงตาของซาบริน่าก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่เคยปรากฏเลย

“ตามที่คุณต้องการค่ะนายท่าน”

เธอตอบด้วยน้ำเสียงสงบอย่างสมบูรณ์ 

เมื่อเห็นเช่นนั้นผมก็พยักหน้าก่อนจะหายตัวไปจากที่ที่เคยอยู่ โดยที่เสียงของผมเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

“แล้วเจอกัน…”

เมื่อเสียงของผมจางหายไป ผมยังคงเคลื่อนไหวตลอดทั้งคืน

‘ฟาร์ร่า เธอเห็นคนๆ นั้นจริงเหรอ?’

ผมถามขึ้นมา

‘ค่ะนายท่าน ฉันเห็นจริงๆ ค่ะ’

ฟาร์ร่าตอบผ่านกระแสจิต 

ตอนนี้เธอได้สำรวจสถานที่ส่วนใหญ่ที่นี่หมดแล้ว ทำให้ผมสามารถเก็บสมบัติบางอย่างไปพร้อมๆ กับเห็นสิ่งต่างๆ มากมายผ่านทางเธอ 

ผมจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วทั้งดินแดนนี้

‘นำทางฉันไป’

ผมออกคำสั่ง ซึ่งไม่นานฟาร์ร่าก็บอกผมเกี่ยวกับสถานที่ที่เธอเห็น 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็ชะลอความเร็วลงก่อนจะสั่งร่างกายจนหลังเริ่มรู้สึกเสียวซ่าน ความรู้สึกของระลอกคลื่นปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของผมก่อนจะมีปีกขนนกสีเงินและสีม่วงสองปีกทะลุออกมาจากด้านหลังของผม

ขณะยืนอยู่กับที่ผมก็รู้สึกได้ถึงอวัยวะส่วนเกินทั้ง 2 ข้างที่อยู่บนหลัง ผมหลับตาลงเพื่อพยายามควบคุมความรู้สึกที่ค่อนข้างใหม่ในสถานการณ์นี้่ มันน่าสับสน แต่ด้วยความช่วยเหลือของฟาร์ร่าทำให้ผมสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“บินกันเลย”

ผมพูดขณะกางปีก 

ปีกทั้ง 2 กางออกกว้างก่อนจะกระพือทำให้ผมพุ่งทะยานขึ้นจากพื้นดินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าภายในไม่กี่วินาที

‘เหมือนกับที่คิดเอาไว้เลย ข้อจำกัดของที่นี่ไม่สามารถหยุดสิ่งนี้ได้’

ในสถานการณ์ปกติคุณจะไม่สามารถบินที่นี่ได้ ไม่มีปีกหรือเวทย์มนตร์ใดสามารถช่วยได้ แต่สิ่งที่อยู่ข้างหลังผมนั้นมาจากความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์ของฟาร์ร่าที่ได้รับจากจักพรรดินีนางฟ้า จึงทำให้ไม่มีข้อจำกัดใดที่จะสามารถผูกมัดปีกเหล่านี้ไว้ได้

‘สวยจริงๆ’

ผมคิดขณะมองไปยังดินแดนที่แผ่ขยายไปรอบๆ สิ่งก่อสร้างอันซับซ้อนรอบๆ ทำให้เกิดการผสมผสานกันระหว่างสถานที่สำคัญที่สวยงามจนสามารถมองดูได้ตลอดไป

‘แรงกายสินะที่เป็นปัญหา’

ต่างจากเวทย์บินที่ผมสามารถใช้ปีกบินต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับมานา แต่มันขึ้นอยู่กับแรงกายของผม เช่นเดียวกับที่ผมเหนื่อยจากการวิ่ง สิ่งเดียวกันนี้เองก็สามารถเกิดขึ้นได้กับการบินเช่นกัน

‘ไปทางไหนต่อ?’

ผมถามขึ้นมา ซึ่งพอได้ยินแล้วฟาร์ร่าก็เริ่มบอกทางไปยังสิ่งที่เธอเห็น 

เมื่อได้เส้นทางมาจากฟาร์ร่าแล้วผมก็กระพือปีกและเริ่มขยับไปในทิศทางนั้น 

ผมรู้สึกได้ถึงลมที่พัดมาปะทะก่อนจะเห็นการต่อสู้และการฆ่าทั้งหมด

‘เธอแน่ใจนะว่าคนที่เธอเห็นนั้นแข็งแกร่งดี?’

ผมถามต่อ 

หลังจากนั้นฟาร์ร่าก็ตอบกลับมาว่าเธอเห็นคนที่ถูกแช่แข็งซึ่งติดกับดักอยู่ และคนๆ นั้นก็แข็งแกร่งดีสำหรับเธอ

เราต้องประเมินสิ่งที่ฟาร์ร่าบอกว่า ‘แข็งแกร่งดี’ สูงเอาไว้ก่อน เพราะสำหรับใครก็ตามที่แข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับเธอ พวกเขาจำเป็นต้องมาจากระดับจักรพรรดิ และสำหรับบุคคลที่ถูกเรียกว่า ‘แข็งแกร่งดี’ ในระดับมนุษย์ทั่วไปนั้นหมายความว่าบุคคลนั้นจะถือเป็นคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยซึ่งผมก็พอมีความคิดอยู่ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร

‘ระบบ นั่นใช่คนที่ฉันคิดไหม?’

ผมถามขึ้นมาในใจ

[ 30,000 แต้มความชอบสำหรับข้อมูล ]

‘ไม่จำเป็น คำตอบแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว’

หลังจากที่ผมมั่นใจขึ้นแล้วก็บินต่อไปจนไม่กี่นาทีต่อมาผมก็มาถึงพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง 

ผมกระจายประสาทสัมผัสไปรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่รู้สึกถึงแม้แต่จุดเล็กๆ ของชีวิตที่นี่ ทำให้สถานการณ์ยิ่งแปลกประหลาดยิ่งขึ้น แม้แต่ในพื้นที่ที่ไร้ประโยชน์ที่สุดผู้คนก็จะถูกส่งไป แต่นี่ผมกลับไม่รู้สึกถึงชีวิตที่นี่เลย

‘เธอเห็นคนๆ นั้นที่ไหน?’

ผมถามขณะที่ฟาร์ร่าเดินเข้ามาข้างๆ 

ดวงตาของเธอมองไปยังบริเวณหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นสูงและโบกมือลง ทำให้ที่พื้นอันแห้งแล้งแยกออกจากกันจนเกิดรอยแตกขนาดใหญ่จนตาของผมสามารถมองเห็นได้ 

ฟาร์ร่าไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เธอยื่นมือไปข้างหน้าก่อนจะประสานมือเข้าด้วยกันจนทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน

ชั่วครู่ต่อมาผมก็เห็นว่ามีลูกบาศก์เล็กๆ โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ก่อนมันจะดึงเราสองคนเข้าไป 

แผ่นดินสูงขึ้นขณะที่ผมรู้สึกว่าสิ่งรอบตัวเริ่มพร่ามัว หลังจากผมกระพริบตา โลกรอบตัวผมก็เปลี่ยนไป 

ความหนาวเย็นเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณรอบๆ ก่อนผมจะเห็นว่าทุกที่ที่ตัวเองมองนั้นมีแต่น้ำแข็ง ทำให้ทุกการหายใจของผมนั้นมีไอออกมา 

ซักพักผมก็รู้สึกได้ถึงรู้สึกได้ถึงวงเวทย์ที่ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวเองและอีกวงหนึ่งที่สวมรอบฟาร์ร่าห์ ซึ่งผมก็มองเธอเพื่อหาคำตอบ

“นายท่านอ่อนแอเกินไปที่จะอยู่ที่นี่ หากอยู่นานๆ น้ำแข็งเหล่านี้อาจจะฆ่านายท่านได้เลยค่ะ”

เธอพูดอธิบายออกมา

เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็พยักหน้า ขณะที่ความสนใจของผมถูกดึงดูดไปยังจุดสำคัญที่สุดนั่นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ติดอยู่ในน้ำแข็ง

เมื่อมองไปด้านบนผมเห็นสาวสวยคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่บนนั้น มือและขาของเธอถูกตรึงไว้บนไม้กางเขนและถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง มีเพียงร่างกายและใบหน้าของเธอเท่านั้นที่สามารถมองเห็นภายนอกได้

“อาเรีย ดรามูน 1 ใน 11 ผู้กล้าในตำนานผู้ยิ่งใหญ่”

ชื่อของผู้หญิงคนนั้นถูกเอ่ยออกมาจากปากผม

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต