ตอนที่ 360 ความก้าวหน้าของอู๋เจิ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 360 ความก้าวหน้าของอู๋เจิ้น

ตอนที่ 360 ความก้าวหน้าของอู๋เจิ้น

“พอดีเมื่อครู่ห้องตรงข้ามเปิดประตูผมเลยสังเกตเห็น การตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่แย่ไปกว่าของเรา นอกจากนี้ จำห้องสองชั้นสไตล์ลอฟท์ของเถ้าแก่ซูได้ไหม มันก็ถูกตกแต่งอย่างดีเช่นกันไม่ใช่เหรอ”

เวินม่านนึกย้อนกลับไปก็คิดว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด

“อีกอย่าง ตอนที่พวกเราเข้ามาในเขตเถาหยาง อากาศเย็นสบายมาก ผมยังสงสัยว่าไม่น่าเป็นเพราะเครื่องปรับอากาศ หรืออาจจะเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษที่ทรงพลังบางอย่าง”

เวินม่านพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา

อันที่จริงเธอก็รู้สึกเย็นสบาย ไม่ว่าเธอจะเดินไปบริเวณไหนก็รู้สึกเย็นตลอดเวลา ทั้งในร่มและกลางแจ้ง อุณหภูมิก็คงที่มาก

อุณหภูมิคงที่ในพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ ไม่น่าจะเป็นความสามารถของผู้ที่มีพลังวิเศษ

ลั่วเหยียนนอนบนเตียงและถอนหายใจ “เราประเมินเถาหยางต่ำไป ตอนที่ผมได้ยินข่าวลือครั้งแรก ผมคิดว่ามันเป็นกลไกหรือกลโกงบางอย่าง แต่ใครจะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คาดไว้ ในวันสิ้นโลกแบบนี้ถือว่าพวกเขามีความสามารถที่ไม่ธรรมดามาก”

เวินม่านมองไปที่เพดาน “อย่าเหมารวมฉันนะ ฉันไม่ได้ประเมินเถาหยางต่ำไป ตอนนั้นที่คุณไม่มีพลังวิเศษ และไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่แล้ววันหนึ่งคุณก็มีความสามารถนั้นขึ้นมา และสามารถสร้างฐานทัพเคลื่อนที่ขึ้นมาได้ สุดท้ายคุณก็ได้ยอมรับจากองค์กรต่าง ๆ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ฐานทัพเคลื่อนที่ของคุณก็ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง และใช้เวลาเพียงไม่นานจนมีวันนี้ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่เคยประเมินใครต่ำเกินไป”

ลั่วเหยียนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เขามีโปรมแกรมเสริม ในเช้าวันหนึ่งจู่ ๆ เขาก็ได้รับระบบเทคโนโลยีที่สามารถดัดแปลงยานพาหนะได้ นอกจากนี้ เขายังปลุกพลังประเภทโลหะขึ้นมาได้ เขาจึงสามารถจัดการกับวัสดุโลหะได้อย่างอิสระ นี่คือสิ่งที่เขาประสบความสำเร็จ

แต่คำพูดของเวินม่านได้เตือนสติเขา

เขามีโอกาสแบบนี้ บางทีคนอื่นก็อาจจะมีเช่นเดียวกัน และเถาหยางนี่ก็ได้รับโอกาสนั้นเช่นเดียวกัน…

ลั่วเหยียนนอนไม่หลับหลังจากคิดถึงเรื่องนี้

ความแข็งแกร่งของซูเถา หรือคนที่อยู่เบื้องหลังซูเถาเป็นคนประเภทเดียวกับเขา

คนสุดท้ายที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้คือนายท่านตระกูลเซียว เขาผู้นี้สามารถสร้างเครื่องบินรบได้…

เรื่องนี้มันทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน

ดวงตาของลั่วเหยียนบวมเป่งกว่าของเวินม่าน เมื่อเขาตื่นนอนในตอนเช้า

“เมื่อคืนคุณแอบนอนร้องไห้ข้างหลังฉันหรือเปล่า” เวินม่านถามด้วยความประหลาดใจ

ลั่วเหยียนปฏิเสธที่จะพูดคุยกับเธอในตอนนี้

เวินม่านปลอบโยนเขาสองครั้งอย่างลวก ๆ จากนั้นเธอก็ตรงไปหาซูเถา และยืนอยู่นอกห้องแมวเพื่อเฝ้าดูเสียวหั่วเยี่ยน

ล่าเจียวกับไป๋จือหม่าได้ยุติการทำสงครามกันหนึ่งวัน

หลังจากที่ซูเถาอาบน้ำแปรงฟันเสร็จ เธอก็บอกเวินม่านว่า

“เดี๋ยวฉันต้องไปทำงาน คุณดูมันไปก่อนนะคะ อย่าเข้าไปใกล้เกินไป แล้วฉันจะไปหาเหวินอวี้กับคุณตอนบ่าย”

ดวงตาของเวินม่านจับจ้องไปที่เสียวหั่วเยี่ยนที่กำลังหาววอด เธอพนักหน้าตอบรับโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองซูเถา

ซูเถาจัดการกิจวัตรประจำวันตามปกติ และเดินทางไปที่ตงหยางเพื่อประชุมอย่างเร่งด่วน และกลับมาเรียนรู้ด้านการจัดการด้วยตัวเอง จากนั้นก็ไปพูดคุยเรื่องอาวุธกับเหล่าอวี๋ผอ ก่อนที่เธอจะพักหายใจ เฉียนหลินก็มาหาเธออย่างกะทันหัน

“เถ้าแก่ เถ้าแก่ รีบไปดูอู๋เจิ้นที่พื้นที่เพาะปลูกเร็ว เขา เขา…”บราวนี่ออนไลน์

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา” ซูเถาที่กำลังดื่มน้ำ เกือบจะปล่อยแก้วหลุดมือ

เฉียนหลินที่ไม่รู้อะไรแน่ชัดเช่นเดียวกันก็คิดว่า “เขา… เขาต้องสร้างปัญหาแน่ ๆ คุณควรไปดูด้วยตัวคุณเอง!”

สร้างปัญหางั้นเหรอ?

อู๋เจิ้นผู้มั่นคงและหมกมุ่นอยู่กับดอกไม้และต้นไม้ สามารถสร้างปัญหาได้เหรอ คิดไม่ถึงว่าเมื่อซูเถามาถึงพื้นที่เพาะปลูก และเห็นภาพตรงหน้าจะทำให้เธอตกใจมากจนกรามค้าง

มีพืชขนาดใหญ่สองต้น? มันคือหญ้าหรือเปล่าเธอไม่แน่ใจเหมือนกัน มันสูงอย่างน้อยสามเมตร พวกมันโผล่พ้นออกมาจากห้องเรือนกระจก เป็นโพรงใหญ่ ๆ สองโพรง

พนักงานที่อยู่รอบ ๆ ต่างหวาดกลัวและตื่นตระหนก

เป็นปัญหาจริง ๆ ด้วย

ซูเถาตะลึงและรีบคว้าแขนของเฉียนหลินเอาไว้และถามว่า

“นี่คืออะไรน่ะ อู๋เจิ้นเป็นคนปลูกเหรอคะ?”

ขาของเฉียนหลินสั่นระริก เธอก็กลัวสิ่งใหญ่โตที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกัน เหมือนเห็นกับดักแมลงขนาดใหญ่

ซูเถาเห็นอู๋เจิ้นยืนอยู่ไม่ไกล เธอจึงทิ้งเฉียนหลินไว้ข้างหลัง และวิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที

“อู๋เจิ้น! เกิดอะไรขึ้น?”

อู๋เจิ้นหันศีรษะไปมองเธอโดยอัตโนมัติ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยความงุนงง

“เถ้าแก่ซูผมมีความก้าวหน้าแล้ว ผมทำสำเร็จ ผมทำสำเร็จ…”

เมื่อเห็นท่าทางที่เสียสติของเขา ซูเถาก็ไม่ไว้ใจเขาอีกต่อไป เธอขอให้ชีอวิ๋นหลันส่งคนไปรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อห้ามไม่ให้ผู้เช่าเข้ามาที่พื้นที่เพาะปลูก

จากนั้นเธอก็โทรหาสยงไท่และขอให้เขาใช้ ‘กรง’ เพื่อควบคุมหญ้าประหลาดสองต้น เพื่อระงับความวุ่นวาย

จากนั้นก็ได้ซ่อมแซมพื้นที่เพาะปลูกขึ้นมาใหม่ โชคดีที่ค้นพบทันเวลาและไม่มีอะไรเสียหายมากนัก

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปถึงบ่ายสอง ซูเถาพาอู๋เจิ้นไปที่ห้องทำงานของเธอเพื่อพูดคุยอย่างจริงใจ

อู๋เจิ้นเองก็สงบลงแล้วเช่นกัน แต่ดวงตาของเขายังคงแดงอยู่เล็กน้อย “ผมขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก ผมเพิ่งพัฒนาพลังขึ้นไป และไม่สามารถควบคุมความสามารถของผมได้สักระยะ ประกอบกับความไม่สมดุลทางจิตใจของผม จึงไม่สามารถหยุดพวกมันได้ จนพื้นที่เพาะปลูกถูกทำลายลง”

ซูเถาโบกมือ “ถึงมันจะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ยังดีทีไม่มีการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่คุณมีวิวัฒนาการตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และเกิดอะไรขึ้นกับหญ้าสองต้นข้างนอก มันดูน่ากลัวนะคะ คุณจะจัดการกับมันในภายหลังยังไงเหรอ”

อู๋เจิ้นขยี้ตา

“เมื่อคืนนี้ จู่ ๆ ผมก็ตื่นขึ้นมากลางดึก มันเป็นความผิดของผมเอง ผมตื่นเต้นมากที่พลังของผมมีวิวัฒนาการ ผมไปหยิบเอาปู่อิ๋งเฉาธรรมดาสองต้นที่เราประมูลมาก่อนหน้านี้เพื่อนำมากระตุ้นพวกมัน ผลก็คือพวกมันโตขึ้นมาก ใหญ่จริง ๆ… โชคดีที่คุณมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นเมื่อมีคนมากขึ้น มันจะกินคน พวกมันจะกินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแก้ว โลหะ ไม้ หรือแม้แต่ซอมบี้”

ซูเถาตกตะลึง “พลังของคุณเปลี่ยนไปมากหลังจากที่คุณมีวิวัฒนาการจากเกษตรกรผู้มีความสุข กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านพืชอันตรายเหรอ”

“…” อู๋เจิ้น

ความเข้าใจนี้ดูเหมือนจะถูกต้อง

ในอดีต เขาทำได้เพียงปรับแต่งยีนของพืชผลเพื่อให้ไดผลผลิตจำนวนมากเป็นสองเท่า

หลังจากพลังพัฒนามาถึงขั้นสูงแล้ว เขาสามารถดัดแปลงพันธุกรรมพืชและนำพวกมันพัฒนาไปในทิศทางที่อันตรายได้

“ยังไงก็ตาม คุณควบคุมพวกมันได้ทั้งหมดไหม ถ้าผู้เช่าคนใดกลายเป็นอาหารของพวกเขา… ฉันว่าแบบนั้นมันอันตรายมากนะ” ซูเถาถามเขา

“ได้! ผมจะปล่อยให้พวกมันกลับลงไปที่พื้นอย่างเชื่อฟังในภายหลัง ผมกำลังศึกษาและพัฒนาพวกมันเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของเถาหยาง เราไม่มีกำลังคนเพียงพอที่จะส่งคนจำนวนมากออกไปลาดตระเวนเป็นประจำเหมือนกับฐานตงหยาง” อู๋เจิ้นพูดทันที

“ด้วยพืชกินคนเหล่านี้ ปลูกเป็นวงกลมรอบ ๆ เถาหยาง อย่าว่าแต่คนเลย เมื่อมีซอมบี้มันก็จะกินเรียบ มันช่วยให้เราไม่ต้องรวบรวมคนเพื่อสร้างทีมลาดตระเวน”

สิ่งเดียวที่เขาเสียใจคือถ้าเขาสามารถก้าวหน้าในโส่วอัน และปลูกพืชที่อันตรายได้ เขาก็จะสามารถช่วยภรรยาและลูก ๆ ของเขาได้

แต่เวลาก็ไม่อาจย้อนกลับไปได้…

ซูเถาอ้าปากกว้าง

เธอมองไปที่ท้องฟ้าแล้วมองไปที่อู๋เจิ้น

เธอคิดกับตัวเองว่าเธอมีคุณธรรมและความสามารถแบบใดกันนะ พระเจ้าโปรดปรานเธอมากแค่ไหน ที่ให้เธอได้รับสมบัติชิ้นใหญ่อย่างอู๋เจิ้นมา

————————-